
“LESS PLASTIC ABLE” ช่วยกันลด ช่วยกัน LESS
คนสายรักษ์โลกจะถูกใจกับร้านนี้ “Less Plastic Able” ร้านรีฟีลล์เล็กๆ ย่านฝั่งธน-วงเวียนใหญ่ ที่สามารถนำภาชนะอย่างขวดพลาสติกใช้แล้วมาบรรจุผลิตภัณฑ์ที่เลือกซื้อจากร้านได้อ
คนสายรักษ์โลกจะถูกใจกับร้านนี้ “Less Plastic Able” ร้านรีฟีลล์เล็กๆ ย่านฝั่งธน-วงเวียนใหญ่ ที่สามารถนำภาชนะอย่างขวดพลาสติกใช้แล้วมาบรรจุผลิตภัณฑ์ที่เลือกซื้อจากร้านได้อ
ถ้าให้นึกถึงร้านรีฟิลล์ย่านอ่อนนุช คงหนีไม่พ้นร้าน Better Moon x Refill Station ที่เพียงแค่เลี้ยวเข้ามาใน ซ. สุขุมวิท 77/1 ก็จะพบร้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวดูร่มรื่นแล้ว
หากวันหนึ่งคุณเริ่มหันมาสนใจโลกและสุขภาพมากขึ้น มันจะดีแค่ไหนถ้ามีร้านที่มีครบทุกอย่างให้คุณได้เข้าไปเลือกซื้อ พร้อมๆ กับได้ช่วยกันลดขยะเพื่อโลก และได้เรียนรู้เข้าใจในวิถีชีวิตสู่เส้นทางสีเขียว
ทุกอย่างที่ว่าได้มารวมอยู่ที่ร้าน OC Organic Shop พื้นที่สำหรับคนที่อยากรู้จักออร์แกนิกและรักษ์โลกไปพร้อมกัน
“เราอยากเป็นจุดเล็กๆ ที่เชื่อมโยงให้ทุกคนได้เข้าใจ เปิดใจ และสร้างการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน”
คุณหยุย และคุณตูน เป็นคู่เพื่อนซี้ที่อยากเปลี่ยนโลกให้กลับมาน่าอยู่อีกครั้ง
เมื่อนิสัยที่เคยชินกับความสะดวกจากการใช้พลาสติกกำลังทำให้ “โลก” ลำบาก “นายรอบรู้” จึงขอเชิญชวนทุกคนร่วมกันเปลี่ยนนิสัยด้วยการลดการใช้พลาสติก แล้วมารีฟิลล์ขวดว่างเปล่าให้เต็มไปด้วยความหมาย เพื่อให้โลกใบนี้กลับมาสดใสอีกครั้ง ที่ Bad Habit Refill Station
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ได้ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งกลุ่มหัตถกรรมผ้าทอกลุ่มเล็กๆ ทั่วประเทศก็เผชิญวิกฤตนี้เข้าอย่างจัง ถ้าหากสถานการณ์ยืดเยื้อไปอีก กลุ่มผู้ผลิตเล็กๆ อาจถึงจุดจบ
นอกจากปัญหาโรคระบาด COVID-19 จะทำให้การใช้ชีวิตลำบากแล้ว ราคาสินค้า อาหาร ก็พุ่งทะลุเป้าจนหยุดไม่อยู่ “นายรอบรู้” จึงอยากแนะนำให้สั่งผักสดออนไลน์ที่ส่งตรงจากไร่ ถึงรั้วบ้านคุณ
แถมยังได้ผักสดปลอดภัย ราคาเป็นธรรมจากเกษตรกร และได้ช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรงด้วยนะ
ใครจะรู้ว่าโคลนที่เอามามาร์กหน้า พอกตัวยังสามารถทำให้ผ้าเกิดความนุ่มลื่นขึ้น จากความช่างสังเกตของ คุณดวงพร อารีพันธุ์ หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านภูมิปัญญาผ้าหมักโคลน ที่ได้ค้นพบวิธีการหมักผ้าไทยด้วยโคลนจากแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เนื้อผ้ามีสัมผัสนุ่มลื่นจนเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน จากอุทกภัยน้ำท่วมเมื่อปี 2538 ที่ ต.บางน้ำเชี่ยว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ทำให้ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เกิดความเสียหาย หลังจากน้ำลด ดวงพร ได้ทำความสะอาดบ้านจึงไปพบกับห่อผ้าของคุณแม่ที่ถูกโคลนทับเป็นเวลา 2-3 เดือน หลังจากนำมาซักกลับพบว่าผ้ามันนุ่มลื่น จนเกิดไอเดียเป็น “ผ้าหมักโคลนเจ้าพระยา” เช่นทุกวันนี้ แรกเริ่มเดิมทีคุณดวงพรใช้ผ้าลายไทยที่เป็นอัตลักษณ์ของภาคกลางไปหมักโคลนให้นุ่ม
“ตลาดหัวปลียินดีต้อนรับ” คำกล่าวทักทายแสนเป็นมิตรยังติดหู คำธรรมดาที่ได้ยินทั่วไปแต่หากได้ฟังพร้อมสีหน้าเปี่ยมล้นด้วยรอยยิ้มเเสนหวานของพ่อค้าแม่ขายที่นี่แล้วกลับอบอุ่นชวนให้อยากกลับไปอีกครั้ง
วันนี้ นายรอบรู้ นักเดินทาง จะพาคุณไปรู้จักกับอีกหนึ่งชุมชนที่น่าสนใจใน จ.อุดรธานี ที่นำดอกบัว มาย้อมผ้าไหมให้มีสีที่แปลกใหม่และสวยงามจากธรรมล้วนไม่ผสมเคมี ที่นั้นคือ กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก
หนองบัวลำภู จังหวัดเล็กๆ ที่มีดีเรื่องผ้าทอ “นายรอบรู้” พาไปช็อปผ้าฝ้ายทอมือกันถึงแหล่งทอผ้าที่ จ. หนองบัวลำภู กับ 4 แหล่งช็อปที่มีเอกลัษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร ทั้งผ้าฝ้ายทอมือสัมผัสนุ่มลื่นจากน้ำข้าว ผ้าฝ้ายทอมือดีไซต์เก๋เอาใจสายแฟชั่น ผ้าทอมือสีหวานพาสเทล และผ้าขิดลายคำขวัญหนองบัวลำภู ที่มีแห่งเดียวในประเทศ
หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่ชื่นชอบเครื่องประดับหรือกำลังมองหาเครื่องประดับให้กับคนพิเศษสักคน เราขอแนะนำสินค้าเลื่องชื่อของจังหวัดสุรินทร์ คือ “ประคำ” สวย หรือเครื่องประดับประเภท “เครื่องเงิน” ที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยฝีมืออันประณีตของกลุ่มคนไทยเชื้อสายเขมรที่อพยพเข้ามาตั้งแต่เมื่อครั้งยุคแรกตั้งเมืองสุรินทร์
ท่ามกลางยุคดิจิทัลและโลกาภิวัตน์ ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น ความสะดวกสบายอย่างนี้ก็อาจทำให้ห่างหายไปจากตลาดแบบเก่าๆ แต่ถ้าใครคิดถึงความคลาสสิกของตลาดยุคดั้งเดิมที่ค่อยๆ เดินชมเดินซื้อและชิมอาหารในบรรยากาศแบบไทยๆ แล้วละก็ เราขอแนะนำ “ตลาดโรงพักเก่าสรรพยา” ตลาดที่แสนธรรมดาแต่ยังคงกลิ่นอายแต่เก่าก่อนไว้
วันนี้ นายรอบรู้ อยากพาเพื่อนๆ ไปช็อปปิ้งสินค้าบ้านๆ แต่รสชาติอร่อย ที่สำคัญปลอดภัยจากสารเคมี เรียกว่าการช็อปปิ้งสินค้ากินดี เพราะกินแล้วดี ทั้งอร่อยและปลอดภัย
การทำย่านลิเภา มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 จนถึงปัจจุบันก็ประมาน 23 ปีแล้ว คนที่นี่สานย่านลิเภาเป็นอาชีพเสริมรองจากการกรีดยางและทำนา โดยมี ป้าลั่น ชูศรี ผู้ริเริ่มสานย่านลิเภาเป็นคนฝึกสอน จุดประสงค์ที่ก่อตั้งกลุ่มจักสานย่านลิเภานี้ขึ้นมาเพราะอยากให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยใช้เวลาว่างหลังจากการทำสวนยาง
ตอนนี้พูดได้ว่าปัตตานีเป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานโครงการพระราชดำริการทำปะการังเทียมมาช่วย
วันหยุดอย่ารอช้า ถ้าคิดไม่ออกว่าจะไปไหน ไปเดินตลาดสุขใจกับ “นายรอบรู้” กันดีกว่า เพราะที่นี่เขามีทีเด็ดซ่อนอยู่มากมายทำให้ใครหลายคนช็อปเพลินจนลืมเวลากันเลยทีเดียว
มาเที่ยวภาคเหนือ นายรอบรู้ขอแนะนำของฝากน่าซื้อ เอาไว้ติดไม้ติดมือไปฝากเพื่อนๆ กัน
เมืองไทยเป็นเมืองแห่งตลาด หากคุณออกเดินทางท่องเที่ยว ลองตื่นแต่เช้าตรู่ออกไปชมตลาดเช้า รับรองว่ามีทั้งวิถีชีวิต แลัของอร่อยใหห้อิ่มตาอิ่มใจแน่นอน
วันหยุดสบายๆ ใครกำลังมองหาที่ช้อป ชิม แช๊ะ เดินเที่ยวสลายเงินในกระเป๋า เรารวมรวม 10 ตลาด ใกล้กรุงฯ ไว้ให้คุณแล้ว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ต้นปี 2013 เด็กมัธยมปลายคนหนึ่งตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายท้องฟ้าจากมุมหน้าต่างบ้าน จนทุกวันนี้เป็นเวลากว่า 7 ปี ที่ ‘ตูน’ ณัฐธีร์ อัครพลธนรักษ์ เติบโตขึ้นพร้อม ๆ ผลงานศิลปะรูปท้องฟ้าของเขา และพ่วงมาด้วยตำแหน่งนักร้องนำวง t_047 รวมถึงเจ้าของอินสตราแกรม t_047 และแฟนเพจ บ้านข้าง ที่มียอดติดตามกว่าหลักแสน จนปลายปีที่ผ่านมา บ้านข้างๆ cafe & gallery จึงถือกำเนิดขึ้น
ช่วงวันหยุดยาวเข้าพรรษาหน้าฝนผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมทริป “เที่ยวบ้านเพื่อน” ที่อำเภอสีชมพู ภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น โดยคำเชื้อเชิญของพี่สอยอ ไกด์ท้องถิ่นส่วนตัว คำถามแรกที่ตั้งกับตัวเองคือเราจะไปดูอะไรที่ขอนแก่น เมืองนี้มีอะไรให้เที่ยวในเชิงธรรมชาติ พอมาถึงกับต้องว้าวจริง ๆ ความสวยงามที่เราไม่เคยคิดว่าจะมีอยู่ใกล้ๆ บ้าน
หลายคนฝันที่จะตื่นขึ้นพบกับภาพป่าเชียวชอุ่มจากหน้าต่างห้องพัก ฝันว่ามีเสียงน้ำไหลรินขับกล่อมให้เข้านอนและเป็นเสียงแรกที่ได้ยินเมื่อตื่น ทุกอย่างเป็นจริงได้ที่นี่ — “บ้านป่าเหมี้ยง” ชุมชนเล็กๆ ที่น่ารักในอำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง — เมืองรองต้องห้ามพลาด
© 2018 All rights Reserved.