“สะเร็นน่า”...น่าซื้อ หัตถกรรรมทรงคุณค่า

หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่ชื่นชอบเครื่องประดับหรือกำลังมองหาเครื่องประดับให้กับคนพิเศษสักคน เราขอแนะนำสินค้าเลื่องชื่อของจังหวัดสุรินทร์ คือ “ประคำ” สวย หรือเครื่องประดับประเภท “เครื่องเงิน” ที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยฝีมืออันประณีตของกลุ่มคนไทยเชื้อสายเขมรที่อพยพเข้ามาตั้งแต่เมื่อครั้งยุคแรกตั้งเมืองสุรินทร์

เครื่องเงิน…เลยค่า สง่าผ่อง!

ประคำหรือประเกือมในภาษาเขมรใช้เรียกเม็ดเงินหรือเม็ดทองชนิดกลมที่นำมาร้อยเป็นเครื่องประดับ เช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ตุ้มหู เข็มขัด ฯลฯ

ประคำสุรินทร์เป็นลูกกลมทำด้วยเงิน เอกลักษณ์คือมีหลากหลายรูปแบบและลวดลาย ส่วนใหญ่จำลองมาจากธรรมชาติ เช่น ลายตาราง ลายกลีบบัว ลายดอกพิกุล ลายดอกจันทร์ ลายพระอาทิตย ลายดอกทานตะวัน ลายตากบ

นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับเงินอื่นๆ ที่ทำด้วยแผ่นเงินบางๆ ตีเป็นรูปต่างๆ พร้อมกับอัดครั่งไว้ภายใน ทำให้สามารถแกะลายได้สะดวก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ในตัวจังหวัดมีขายที่ศูนย์จำหน่ายสินค้าโอทอปจังหวัดสุรินทร์ บริเวณที่ตั้งขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์

หรือหากสนใจมาที่แหล่งผลิต ก็ต้องที่หมู่บ้านเครื่องเงิน บ้านโชค บ้านสะดอ บ้านเขวาสินรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ที่นี่มีเครื่องประดับประเภทเครื่องเงินจำนวนมากให้เลือกซื้อ ชนิดที่ว่าเลือกทั้งวันก็ไม่หมด ราคาก็มีหลายระดับ อยู่ที่จุดเด่น จุดต่าง ส่วนผสม แบบ และฝีมือ

ที่สำคัญผู้ที่มาเยี่ยมชม จะทดลองทำ ที่นี่ก็ไม่หวงวิชา และการันตีได้ว่า หากเป็นเครื่องเงินสไตล์เขมรที่นี่เป็นแหล่งผลิตแห่งเดียวในประเทศไทย นอกจากจะงดงามแล้วยังขลังมากๆ นะ ขอบอก…อิอิ

ผ้าไหมงามท่าสว่าง

หากท่านต้องการผ้าไหมสักผืนเพื่อใช้ในงานมงคลเป็นของที่ระลึก เป็นของขวัญที่พิเศษสุด

อยากแนะนำว่า ผ้าไหมสุรินทร์พิเศษมากๆ

ชนิดที่พิเศษที่สุด ได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากสำนักพระราชวัง และมูลนิธิในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙ และได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ทอผ้าไหมมอบให้กับผู้นำเอเปค (APEC) เมื่อปี ๒๕๔๖ มาแล้ว

พูดถึงเรื่องแหล่งขายผ้าไหมนั้น สามารถหาซื้อได้หลายร้านในจังหวัดสุรินทร์ แต่แหล่งผลิตที่เป็นต้นตำหรับที่ถ่ายทอดจากคนไทยเชื้อสายเขมรจากรุ่นสู่รุ่นนั้น คือ ผ้าไหมยกทองโบราณบ้านท่าสว่างที่สืบทอดมาจากราชสำนักกัมพูชาแห่งเดียวเท่านั้น

ที่นี่ท่านจะได้เห็นกี่ทอผ้าที่ใหญ่โตและแปลกตา สัมผัสกับกี่ทอผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

สำหรับการทอผ้าไหมยกทองแต่ละผืนนั้นต้องใช้ถึง ๑,๔๑๖ ตะกอ และใช้คนทอในครั้งเดียวกันถึง ๔-๕ คน แต่ละคนมีบทบาทหน้าที่สำคัญแตกต่างกัน จะมีคนยกตะกอ ๒-๔ คน คนสอดไม้ ๑ คน และคนทอดอีก ๑ คน ด้วยความซับซ้อนทางด้านเทคนิค การทอจะได้ผลงานเพียงวันละ ๖-๗ เซนติเมตรเท่านั้น

ไหมยกทองบ้านท่าสว่าง นิยมนำไหมขั้นหนึ่งหรือไหมน้อยมาใช้ทอผ้าไหม

ไหมน้อยเป็นผ้าไหมเส้นเล็ก เรียบ นิ่ม เวลาสวมใส่จะรู้สึกเย็นสบาย และยังใช้วิธีการย้อมแบบโบราณด้วยวัตถุดิบย้อมสีจากธรรมชาติ สีแดงจากครั่ง สีน้ำเงินจากคราม สีเหลืองทองจากเปลือกทับทิม บางสีเกิดจากการนำแม่สีมาผสมกันอีกทีหนึ่ง สีที่ได้เมื่อนำไปย้อมจะไม่ตกและซีดช้ากว่าผ้าทั่วๆ ไป บางสีก็สดใสอยู่ได้เป็นร้อยปี

การทอจะทอแน่นมีความละเอียดอ่อนและประณีต รู้จักผสมผสานลวดลายต่างๆ เข้าด้วยกัน แสดงถึงศิลปะที่งดงามละเอียดลออ

ปัจจุบันหมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่างเป็นแหล่งจำหน่ายผ้าไหมทอมือของชาวบ้านหลายเกรด ตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักแสนบาท โดยเฉพาะ “กลุ่มทอผ้ายกทองจันทร์โสมา” บ้านท่าสว่างนั้นมีนักเท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเข้าชมกระบวนการผลิตเป็นจำนวนมาก

ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะมาสนับสนุนผ้าไหมงามของชาวจังหวัดสุรินทร์กันค่ะ

สำหรับเพื่อนๆ ที่จะเป็นเจ้าสาวในอนาคต หากนำผ้าไหมงามสุรินทร์ไปไหว้แม่ย่าและญาติฝ่ายชายในวันแต่งงาน ก็ทรงคุณค่ามากๆ ค่ะ