ไม่ถึงห้านาทีพวกเราทั้งสามคนก็นั่งประจำที่ของตัวเอง ลืมไปเสียสนิทว่าแม้แต่ข้าวสักจานก็ยังไม่ได้ตกถึงท้องด้วยซ้ำ แต่ความเย็นของไอศกรีมมันช่างดึงดูดใจเหลือเกิน พวกเราสั่งไอศกรีมรสชาติที่ตัวเองชอบคนละถ้วยและกินจนหมดในเวลาเพียงไม่กี่วินาที และสายตาของผมก็บังเอิญไปสะดุดกับเมนู “ไอศกรีมมะม่วงมหาชนก” แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมชื่อมะม่วงถึงเหมือนชื่อของวรรณกรรมในสมัยรัชกาลที่ 9 เรื่องพระมหาชนก ยังไม่ทันสิ้นสุดความสงสัย ไอศกรีมมะม่วงมหาชนกก็มาวางอยู่ตรงหน้า ผมใช้ช้อนตักไอศกรีมลูกนี้ก็สัมผัสได้ถึงเนื้อไอศกรีมที่ไม่ต่างอะไรกับเนื้อของผลไม้ มันช่างเนียนนุ่มและมีกลิ่นหอมหวาน ต่างกับไอศกรีมเจ้าอื่นๆ ที่ผมเคยได้ทานมา ในขณะที่พวกเราทั้งสามคนกำลังเคลิบเคลิ้มอยู่กับไอศกรีมรสไทยพวกนี้ เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น เสียงนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเราได้รู้จักกับ “พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตแห่งแพร่งภูธร”
“เป็นยังไงกันบ้างล่ะ ไอศกรีมร้านป้าอร่อยไหม” พวกเราสามคนพยักหน้าตอบเป็นอันรู้กันว่าไอศกรีมของร้านป้าอร่อยแบบไม่สามารถหาคำไหนมาอธิบายได้ เพื่อนร่วมกลุ่มของผมเริ่มต้นถามถึงความเป็นมาของร้านไอศกรีมร้านนี้ ป้าเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนขายแต่รสกะทิ ต่อมามีครอบครัวหนึ่งเขาพาลูกมากินไอศกรีมที่ร้าน แต่ลูกเขางอแงจะกินไอศกรีมรสช็อกโกแลตเพราะกินไอศกรีมรสกะทิไม่เป็น เพราะเหตุการณ์ในวันนั้นป้าเลยยอมไม่ได้ บวกกับมีลูกค้าเรียกร้องเยอะ
ป้าเริ่มทำไอศกรีมรสช็อกโกแลตกับรสกาแฟออกมาเพิ่ม ตอนนั้นลูกค้าก็เยอะมากขึ้นกว่าเดิม เด็กๆ แถวนั้นก็มากินไอศกรีมรสชาติไทยๆ ของป้าเพิ่มมากขึ้น “ป้าครับ แล้วที่มาของไอศกรีมรสมะม่วงมหาชนกล่ะครับ เกี่ยวอะไรกับในหลวงรัชกาลที่ 9 หรือเปล่าครับ ผมว่าชื่อมันเหมือนกัน” ผมถามขึ้นมาเพราะความสงสัย ป้ายิ้มให้แล้วตอบกลับมาว่าเกี่ยวสิ
“มะม่วงมหาชนกคือมะม่วงที่ได้รับพระราชทานนามจากในหลวงท่านเลยนะ แถมร้านป้าก็ยังเป็นร้านแรกแล้วก็ร้านเดียวในประเทศไทยอีกด้วยที่มีไอศกรีมรสชาตินี้” ป้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ภูมิใจนำเสนอ“มีชื่อเสียงขนาดนี้ ร้านไอศกรีมของป้าเคยมีดาราหรือคนดังๆ มาทานบ้างไหมคะ” เพื่อนในกลุ่มของผมถามต่อ ป้ายิ้มแล้วตอบกลับมาว่า มีอยู่ท่านหนึ่งที่ป้าจำได้มาจนถึงทุกวันนี้ ท่านคือ “พระองค์ภา” สำหรับป้านัฐพรแล้วมันยิ่งกว่าความฝัน ไม่มีใครคิดใครฝันหรอกว่าวันหนึ่งจะมีทหารวิ่งมาที่ร้านแล้วบอกว่าพระองค์ภาจะมาเสวยไอศกรีมที่ร้าน ป้าได้ยินก็ทำตัวไม่ถูก บ้านเราเก่าก็เก่า พรมแดงสักผืนจะมาใช้ต้อนรับก็ไม่มี ไม่ทันให้ป้าได้เตรียมตัว พระองค์ภาก็เสด็จมาถึงที่ร้าน พระองค์สั่งไอศกรีมกะทิใส่ถั่วลิสง พระองค์ยืนรอป้าขณะตักไอศกรีม มือป้านี่สั่นแบบไม่สามารถควบคุมได้ ป้าทูลเชิญพระองค์ให้ไปประทับรอที่โต๊ะในร้าน แต่พระองค์บอกไม่เป็นไร เราถือไปเองได้ พอเสวยเสร็จพระองค์จะจ่ายเงิน ป้าบอกพระองค์ไปว่าไม่เป็นไรป้าทำถวาย พระองค์ตอบกลับมาว่า “ถ้าไม่เอาเงินครั้งหน้าไม่มากินแล้วนะ” ใครจะเชื่อว่าพระองค์ภาจะเสด็จมาเสวยไอศกรีมที่ร้านอีกจริงๆ นับว่าเป็นบุญวาสนาของป้าและครอบครัวจริงๆ ที่ครั้งหนึ่ง “ลูกเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินท่านเหยียบเข้ามาในบ้านเรา”
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ป้าก็ตั้งปณิธานกับตัวเองว่า ป้าจะจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะครั้งหนึ่งพระองค์ภาเคยเมตตาและให้โอกาสร้านไอศกรีมเก่าๆ ของป้า ใครจะเชื่อว่าพระองค์ท่านเปรียบเสมือนพลังในชีวิต ให้ป้าตั้งใจคิดสูตรทำไอศกรีมรสชาติใหม่ๆ และรักษาคุณภาพของไอศกรีมให้ดี เผื่อว่าวันหนึ่งพระองค์ภาจะเสด็จกลับมาเสวยอีกครั้ง พระองค์จะได้ชื่นชมว่าป้าทำไอศกรีมอร่อยที่สุดในประเทศ
“ป้าภูมิใจในอาชีพขายไอศกรีมไทยๆ ของป้า และป้าก็ภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย ใช้ชีวิตอยู่ใต้ร่มพระบารมีของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย”