ขมิ้นดี เครื่องแกงดี ที่บ้านเขาตำหนอน ทับปุด พังงา
บ้านเขาตำหนอน ตำบลถ้ำทองหลาง อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา เป็นสถานที่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดพังงาเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีขมิ้นที่ขึ้นชื่อ เป็นที่ยอมรับถึงความมีคุณภาพและปลอดภัยไร้สารเคมี
เสียงไก่ขันในโทรศัพท์ปลุกให้ลุกขึ้นมาชื่นชมบรรยากาศยามเช้าตรู่ หยิบ รองเท้ามาสวมให้กระชับ ผูกเชือกให้แน่นพร้อมที่จะออกไปสัมผัสอากาศสดชื่น และไม่พลาดที่จะแวะมา “ตลาดเช้าเทศบาลตำบลทับปุด” เพื่อเติมพลังด้วยมื้อเช้า
เมื่อไปถึงก็ได้พบเจอผู้คนพลุกพล่านเดินจับจ่ายซื้อของ แม่ค้าต่างก็ชุลมุนกับการเตรียมของ ด้านในตลาดเป็นอาคารที่ขายทั้งผัก ผลไม้ และดอกไม้ซึ่งมีให้เลือกซื้อได้ตามต้องการ ถัดมาจะเป็นร้านขายข้าวแกงและร้านขายน้ำปั่น แต่อาหารเจ้าเด็ดสุดๆ ที่อยากแนะนำมี 5 อย่างด้วยกัน ได้แก่
ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ฝั่งขวาของตลาด เปิดร้านตั้งแต่ 05.30 น. มีน้ำยาขนมจีน น้ำแกงพริกหวาน และน้ำแกงไตปลารสเด็ด
เสน่ห์คือ น้ำแกงรสชาติหอมมันเข้ากับเส้นขนมจีนเหนียวนุ่ม ที่เมื่อทานแล้วรู้สึกอยากทานอีก
เราได้สอบถามป้านีถึงสูตรเด็ดของทางร้าน ป้านีบอกว่า ใช้ปลาตาโตในการทำน้ำยา ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ คือ เนื้อจะหวานมัน และไม่ทำให้น้ำแกงมีรสชาติเพี้ยนไปเมื่อเปรียบเทียบกับปลาอื่นๆ แถมยังทำให้มีรสชาติที่เข้มข้นขึ้นด้วย คุ่กับผักเคียงที่ตั้งแต็มโต๊ะ เราเลือกทานได้ตามใจปาก ราคาก็ไม่แพง
ต้องยกนิ้วให้ป้าจริงๆ
นอกจากขายขนมจีนแล้ว ป้านีคนเดิม ยังมีหม้อใหญ่ๆ อีกใบที่วางอยู่เคียงกัน
นั่นคือ ข้าวยำเครื่องแกงรสเด็ดหนึ่งเดียวในตลาด
หน้าตาไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน คือ เครื่องแกง ที่มีการเพิ่มเนื้อปลานึ่งให้มีกลิ่นหอมเพิ่มขึ้น จากนั้นนำมาคลุกกับข้าวหอมร้อนๆ ที่เมื่อกินแล้วต้องบอกว่า หรอยจังฮู้ (อร่อยมาก)
เพราะรสชาติที่เผ็ดจัดจ้าน มิหนำซ้ำยังเป็นข้าวยำสมุนไพร เพราะเต็มไปด้วยพืชสมุนไพรหลากหลายชนิด เช่น ถั่วฝักยาว ใบมะกรูด ใบขมิ้น ใบข่า ใบกระพังโหม ใบกระทือ และเถ้าแหง (ในภาษาพื้นเมืองไว้เรียกถั่วงอก)
นอกจากจะดีในด้านรสชาติแล้ว ยังมีผลดีต่อร่างกายอีกด้วย ข้าวยำจึงมีลูกค้าแวะเวียนมาไม่น้อยหน้าขนมจีนน้ำยาเลยทีเดียว โดยมีราคาเพียงแค่จานละ 20 บาทเท่านั้น เรียกว่าคุ้มเกินคุ้ม
มีลูกค้ามากมายทั้งขาจรและขาประจำมีชื่อร้านว่า กาแฟโกนันท์ เป็นร้านกาแฟที่เปิดอยู่ทางด้านซ้ายของตลาด เปิดร้านตั้งแต่ 05.00 น.
ร้านนี้อาจจะดูธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความหอมกรุ่นของกาแฟ ชวนให้เราเดินเข้าไปในร้าน หญิงวัยกลางคนกำลังวุ่นอยู่กับการชงกาแฟอย่างขะมักเขม้น เธอสืบทอดกิจการมาจากบรรพบุรุษ ความตั้งใจชงนั้นทำให้พวกเราเริ่มมุ่งมั่นที่จะถามถึงสูตรลับต้นตำรับอันยาวนาน
เจ้าของร้านบอกว่า มีการผสมชานมลงไปในกาแฟด้วย ทำให้รสชาติไม่ขมจนเกินไป
ที่สำคัญคนชงใส่ใจลงไปทุกครั้ง และให้ความสำคัญกับทุกแก้ว ผู้ทานจะได้ลิ้มกาแฟที่อร่อยสมคำร่ำลือ
แต่ถ้าทานเฉพาะกาแฟก็เหมือนขาดอะไรบางอย่าง ทางร้านจึงมีขนมขาย เช่นปาท่องโก๋ ขนมห่อ (ขนมสอดไส้) ลูกค้าสามารถเลือกซื้อทานได้ตามใจชอบ
มากกว่าการนั่งทานอย่างเอร็ดอร่อยคือการนั่งคุยสานสัมพันธ์กันในยามเช้า เห็นได้จากการที่ผู้คนส่วนใหญ่มานั่งทานกันเป็นกลุ่มและพูดคุยกันอย่างสบายใจ
สิ่งที่เราสัมผัสได้เป็นอย่างแรกของร้านไก่ทอดที่นี่คือ มีลูกค้าต่อคิวซื้อเยอะมาก แม่ค้าสวยและเป็นกันเอง ทอดไก่ด้วยทางทางคล่องแคล่ว เวลานำไก่มาชุบแป้งทอดนั้น ดูแล้วแข็งแรง ขนาดผู้ชายยังอาย
น้าวรรณเจ้าของร้านเล่าว่า แป้งที่ดีจะต้องไม่ข้นและไม่ใสจนเกินไป จึงจะทำให้ไก่ดูน่าทานนั่นเอง จากนั้นน้าวรรณก็ลงมือทอดไก่อย่างนิ่งๆ แล้วเล่าให้ฟังต่ออีกว่า เป็นเวลากว่า 20 ปี ที่น้าวรรณยึดอาชีพนี้ รายได้จากการขายไก่ทอดสามารถส่งลูกชายเรียนจบปริญญาได้เลยทีเดียว
ราคาไก่ทอดขายตามขนาดของไก่ ส่วนอก และปีก 15 บาท ส่วนน่อง 20 บาท หรือจะสั่งเป็นชุด ชุดละ 20 บาท ไก่นั้นยกเสิร์ฟได้ทุกๆ 5 นาที และไม่นานนักก็หมด
สูตรเด็ดอีกอย่างหนึ่งของทางร้านคือเนื้อไก่ทอดจะไม่อมน้ำมันนั่นเอง บวกกับหอมเจียวหอมๆ ใครที่ลองทานแล้วติดใจกันทุกราย
ข้าวเหนียวใส่ไส้ ห่อกับใบตอง กลัดหัวกลัดท้าย วัยรุ่นสมัยนี้ส่วนใหญ่แทบจะไม่เคยรับประทาน
วิธีการปิ้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนแกะใบตองแล้วนำขนมเข้าปาก แต่กว่าจะได้มาแต่ละชิ้นต้องใช้เวลาทำนานถึง 2 ชั่วโมง แถมยังต้องหมุนอีกครั้งละ 10 นาที เรียกได้ว่าต้องเฝ้าอยู่ตลอด
ป้าเจ้าของร้านบอกกับเราว่ายายต้องตื่นตั้งแต่เที่ยงคืนทุกวัน เพื่อมานั่งห่อป่าวหล้างปิ้งจนถึงตี 4 แล้วนำมาขาย ทำมาขายต่อครั้งมากกว่า 400 อันเลยทีเดียว
ส่วนผสมที่ใช้คือ ข้าวเหนียวน้ำกะทิ น้ำตาล เกลือ แต่สูตรลับเด็ดๆ คือไส้จะใส่กุ้งสดผสมกับกุ้งแห้งคลุกกับมะพร้าวและพริกไทยผัดรวมกัน เพื่อให้มีกลิ่นหอมชวนน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
เมื่อปิ้งเสร็จก็จะได้ป่าวหล้างที่มีข้าวเหนียวเกรียมนิด ไส้ที่หวานๆ มันๆ และหอมกลิ่นกุ้งชวนน้ำลายไหล
ที่สำคัญ ทานแค่ชิ้นสองชิ้นคู่กับโกปี้ร้อนๆ ก็อยู่ท้องไปถึงตอนเที่ยงอีกด้วย
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เสริมสร้างเยาวชนไทยให้เติบโตเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า
บ้านเขาตำหนอน ตำบลถ้ำทองหลาง อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา เป็นสถานที่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดพังงาเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีขมิ้นที่ขึ้นชื่อ เป็นที่ยอมรับถึงความมีคุณภาพและปลอดภัยไร้สารเคมี
ท่ามกลางความร้อนของอากาศในกรุงเทพมหานคร มีร้านไอศกรีมรสชาติไทยๆ ซ่อนอยู่ในตึกแถวเล็กๆ ในชุมชนแพร่งภูธร ที่นี่คือร้านไอศกรีมที่ทำให้เราได้รู้จักกับคุณป้านัฐพร รุ่งโรจน์สุวรรณ “พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตแห่งแพร่งภูธร”
หากท่านต้องการเดินทางมาเยือนสวรรคโลก แต่ไม่ต้องการเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางหรือรถไฟ อย่าวิตกกังวลไปครับ เพราะสวรรคโลกมีสนามบินและเที่ยวบิน บินตรงจากบางกอกสู่เมืองสวรรค์แห่งนี้ ที่พร้อมให้บริการผู้ที่ต้องการมาเยือนอย่างสะดวกสบาย
นุ่งจวนตานีสีตอง ยกเป็นตะเกียงทองเฉิดฉาย
พระนุ่งให้เฟื้อยเลื้อยลอยชาย คาดปั้นเหน่งสายลายทองเรือง”
ดาหลัง พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
พะโป้ จากตัวละครในนวนิยายชื่อดัง กลายมาเป็นเรื่องราวที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เหมือนว่า พะโป้ ในนิยาย นั้นอาจจะมีตัวตนอยู่จริงๆ ก็เป็นได้
“คาลิ-เม็กซ์ ประเทศไทย วางแผนขยายธุรกิจ โดยได้การตอบรับ จากลูกค้าในเมืองไทยอย่างดี. โดยมี 3 โมเดล คือ Cali-Mex Bar & Grill, Cali-Mex Tequeria, Cali-Mex delivery ผ่าน Food Panda และเร่งเปิดสาขาจำนวน 20 แห่งภายในระยะเวลา 3 ปี
จะดีแค่ไหน ถ้าเราได้ออกเดินทางท่องเที่ยว แล้วยังช่วยลดโลกร้อนได้ในคราวเดียว กับการท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่แบบวิถีคาร์บอนต่ำ สัมผัสวิถีชุมชนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมทำกิจกรรมสุดสร้างสรรค์ ที่จะทำให้ทั้งคุณและคนในชุมชน สนุกและอิ่มสุขอย่างแน่นอน
พื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ นับวันยิ่งมองหาได้ยาก ต้นไม้ สวนป่า เปลี่ยนแปลงเป็นอาคารระฟ้า เตรียมรองรับเมืองที่กำลังเติบโต แต่ก็ใช่ว่าจะหาร่มไม้และร่องสวนไม่ได้ ที่ “ภูมิใจการ์เด้น” สวนลิ้นจี่โบราณอายุกว่า 100 ปี ริมคลองบางขุนเทียน ยังคงรักษาสวนและคลองไว้เป็นอย่างดี รวมถึงวิถีดั้งเดิมของคนในชุมชนด้วย
© 2018 All rights Reserved.