“ผืนดินที่แตกระแหง เปลี่ยนแปลงเป็นท้องไร่อันอุดม”
โครงการพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขาได้ริเริ่มทดลอง ค้นคว้า และวิจัยพืชผัก ผลไม้ และไม้ดอกเมืองหนาว โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ โปรดเกล้าฯ ให้คณะทูตจากประเทศต่างๆ ตามเสด็จพระราชดำเนิน และโปรดเกล้าฯ ให้ทูตจากประเทศต่างๆ ถวายคำแนะนำพืชที่เหมาะสมกับภูมิอากาศบนดอยอ่างขาง
โดยพืช 5 ชนิดแรกที่นำมาทดลองปลูก ได้แก่ จันทร์ทอง การบูร กระถินดอย เมเปิล และเพาลูเนียร์ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลไต้หวันส่งอาสาสมัครและเมล็ดพันธุ์สำหรับเพาะปลูกมาให้ โครงการพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “โครงการหลวงพัฒนาชาวเขา” และในปี 2535 ทรงโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็น “มูลนิธิโครงการหลวง” จนถึงปัจจุบัน
หลังจากโครงการหลวงแห่งแรก ได้กำเนิดโครงการหลวงตามมาอีกหลายโครงการ ในปัจจุบันมีทั้งหมด 38 โครงการ ในจังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา และแม่ฮ่องสอน ซึ่งสถานีวิจัยการเกษตรที่สำคัญในเชียงใหม่มีอยู่ 2 แห่ง คือ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง และสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
“เปลี่ยนจากชาวเขาให้เป็นชาวเรา”
ย้อนเวลากลับไปในช่วงแรกนั้น มีเพียงไม่กี่หลังคาเรือนเท่านั้นที่ลองทำตามคำแนะนำจากโครงการหลวง แต่เมื่อหนึ่งคนทำแล้วเป็นผล อีกคนก็ทำตาม ทยอยทดลองทำไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนทุกคนเห็นว่ามันเป็นไปได้
ความหวังของชาวเขาดูไม่เลื่อนลอยอีกต่อไป เมื่อผลผลิตที่ปลูกเริ่มทยอยออกสู่ตลาด รายได้จากน้ำพักน้ำแรงก็เริ่มทยอยกลับคืนมาสู่บ้านหลังคามุงจาก กลายเป็นบ้านที่สร้างด้วยปูน มุงด้วยกระเบื้อง ชีวิตเริ่มสุขสบายมากขึ้น ลูกๆ ได้ร่ำเรียนหนังสือจนถึงระดับมหาวิทยาลัย เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็มีเงินค่ารักษาพยาบาล และในที่สุดปัญหาฝิ่นก็ได้หมดไป 100% ป่าไม้ใบหญ้า ต้นน้ำลำธารได้ฟื้นคืนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
เราเดินเข้าไปภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง พบเจอดอกไม้ที่เบ่งบานสะพรั่งใน “สวน ๘๐” พรรณไม้ออกดอกออกผลเต็มต้นไปหมด มีทั้งแปลงสาลี่ พลับ พลา พลัม กีวี่ สตรอว์เบอร์รี และยังมีแปลงผักอินทรีย์ ผักสลัดมีสีเขียวสดใส ดูสดใหม่มากๆ เพราะเกษตรกรดูแลด้วยความรักและเอาใจใส่เป็นอย่างดี
เดินต่อไปถึงที่ที่หนึ่งตามคำแนะนำของพี่จ๋า เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของสถานี เป็นสวนดอกไม้ที่มีต้นไม้ใหญ่ และมีโขดหินธรรมดาก้อนใหญ่ๆ ดูเก่าแก่อยู่จุดบนสุด แต่โขดหินธรรมดาๆ ก้อนนั้นก็ดูไม่ธรรมดาในสายตาของฉันอีกต่อไป หลังจากที่พี่จ๋าบอกเราว่าเป็นโขดหินที่ในหลวงชอบมานั่งพักเวลาทรงงานมาเหนื่อยๆ หลบในร่มเงาของต้นไม้ ฉันได้เห็นกับตาแล้วว่าการดำเนินชีวิตของพระองค์นั้นช่างเรียบง่ายเหลือเกิน
“เสียงประชาชนที่ร่ำร้อง เปลี่ยนเป็นเสียงแซ่ซ้องที่สรรเสริญ”
“ในอดีตเกิดสงครามในฝั่งพม่าจึงทำให้ชาวดาราอั้งดิ้นรนเอาตัวรอด พยายามที่จะหนีเข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากได้ยินมาว่าประเทศไทยนั้นมีกษัตริย์ที่ทรงรักประชาชนเยี่ยงชีวิตของพระองค์ และเชื่อว่าถ้าได้มาอยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ชีวิตของพวกเขาจะดีขึ้น”