
กำแพงเพชร
กำแพงเมืองสร้างด้วยศิลาแลง เป็นกำแพงขนาดใหญ่มั่นคงแข็งแกร่งประดุจเพชร เป็นที่มาของชื่อจังหวัดนี้ จ. กำแพงเพชร มีที่เที่ยวธรรมชาติ วัด ของกิน และของฝากมากมาย
“ตอนแรกเราขายตรงริมถนนเลยเริ่มตั้งชื่อร้านว่า Move.coffee (มูฟ ด็อด คอฟฟี่) หมายถึง ถ้าตรงนี้ขายไม่ได้เราก็ย้ายไปขายที่อื่น แต่ตอนนี้มาตั้งอยู่ในตรอกก็คิดว่าจะประจำตรงนี้แล้ว แต่กลัวลูกค้าหาไม่เจอ เพราะเราย้ายร้านจากด้านนอกมาในซอย” เจิ้น เสาวลักษณ์ สุวรรณเพชร เจ้าของร้าน Move.coffee วัย 30 ปีจากเคยเป็นบาริสต้าร้านกาแฟห้องแอร์ผันตัวมาเปิดร้านกาแฟเคลื่อนที่ของตนเอง
ใครผ่านไปผ่านมาเที่ยวย่านเมืองเก่าชมความงามของตึกรามบ้านช่องในแถบท่าพระจันทร์ ท่ามหาราชไปจนถึงท่าเตียนก็จะสะดุดตากับร้านกาแฟเล็กๆ บนเวสป้าคันนี้ที่หลบมุมอยู่ในตรอกพระยาเพชร ระหว่างวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์กับมหาวิทยาลัยศิลปากร (วังท่าพระ)
“เราขับเวสป้าอยู่แล้วและเห็นว่ายังไม่มีใครทำ เราเสียสละเอาเวสป้าของเรามาทำเป็นร้าน เรานำเขามาต่อยอดทำในสิ่งที่เรารักและถือเอาตรงนี้เป็นจุดเด่นของเราด้วย” เจิ้นกล่าวถึงสิ่งที่ตนรักทั้งสองอย่างคือเวสป้าและกาแฟ สองสิ่งนี้สามารถไปด้วยกันได้เป็นอย่างดีหากต้องปรับให้ลงตัวอย่างเข้าใจ
เวสป้าในกรุงเทพฯ นั้นมีการใช้งานมาอย่างหลากหลาย เรามักคุ้นชินกับเวสป้าที่ใช้บรรทุกของในย่านการค้าอย่างสำเพ็ง พาหุรัด แต่เวสป้ากับร้านกาแฟถือว่าเป็นไอเดียที่แปลกใหม่และเข้ากันได้อย่างเหมาะเจาะเลยทีเดียว
ร้าน Move.coffee ยังถือว่าเป็นร้านน้องใหม่ในหมู่ของร้านกาแฟ เพราะเพิ่งทำร้านมาได้แค่เพียงสามเดือนเท่านั้น เริ่มต้นจากความชอบของเจิ้น และแฟน จากพื้นฐานของเจิ้นที่เคยเป็นบาริสต้าอยู่แล้วมีความใฝ่ฝันอยากจะมีร้านเป็นของตัวเอง ได้ผุดไอเดียขึ้นมาจากการดูไอจี (Instagram) ของชาวต่างชาติผสมความเป็นตัวเองและสิ่งที่ตนมีตอนนี้คือเวสป้าหนึ่งคัน
“ตอนที่เราซื้อเวสป้ามาก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มที่ไหน แต่พอเปิดร้านกาแฟบนเวสป้าก็เริ่มมีชาวเวสป้าเป็นเพื่อนแล้ว คนเริ่มมาหา มานั่งคุย” กลุ่มลูกค้าหลักตอนนี้นอกจากจะเป็นน้องๆ นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยศิลปากรแล้ว อีกกลุ่มที่สำคัญคือชาวเวสป้าที่ถือว่า Move.coffee เป็นกลุ่มก้อนคนรักเวสป้าและได้ใช้พื้นที่ร้านเล็กๆ แห่งนี้พบปะพูดคุยกัน
“เมื่อก่อนหลายคนเวลาตั้งต้นว่าจะเปิดร้านกาแฟ พอมานึกถึงว่าจะต้องซื้อเครื่องทำกาแฟมาดีๆ สักเครื่องก็ถอดใจ และรู้สึกว่าการเปิดร้านกาแฟเป็นสิ่งที่ยากแล้ว และพอเราไปเจอ moka pot ก็เริ่มคิดค้นหาวิธีทำและเปิดร้านของตัวเองเลย”
Moka pot คือ เครื่องชงกาแฟแบบต้ม โดยการกลั่นไอน้ำที่ผ่านผงกาแฟที่บดละเอียดมาเรียบร้อยแล้ว วิธีการชงกาแฟแบบนี้ใช้เวลาไม่นาน 3-5 นาทีก็ถือว่าใช้ได้แล้ว เมื่อน้ำเดือดก็จะผุดกาแฟขึ้นมาหอมโชยชื่นใจ
“โห จุดเด่นของร้านคือนี่แหละ..ถ้าคนรู้ว่าเอา moka pot มาทำยิ่งดีเลย หอม น่าจะโชว์หม้อไปเลยนะ” เสียงของลูกค้าท่านหนึ่งที่แนะนำให้เจ้าของร้านดึงจุดเด่นของร้านคือวิธีการชงโดยใช้หม้อต้มนี้ออกมาเพื่อดึงดูดลูกค้า
“เหมือนให้อารมณ์เวลาไปเข้าแคมป์ที่เทแล้วทานได้เลย”
เจิ้นได้เล่าว่า moka pot นี้ได้ไอเดียจากการดูชาวต่างชาติทำมาก่อนเลยมาลองประยุกต์สูตรต่างๆ ในแบบของตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าจะสร้างจุดขายของร้านผ่านกาชงแบบนี้ อีกเหตุผลสำคัญคือต้นทุนน้อยและเหมาะอย่างยิ่งกับการทำร้านเคลื่อนที่แบบนี้
“moka pot ต่างจากเครื่องชงกาแฟตามร้านทั่วไปยังไง” ผู้เขียนถามไปด้วยความไม่รู้เรื่องการชงกาแฟ เจิ้นก็ตอบกลับมาจากประสบการณ์ว่า “มันต่างจากเครื่องทำกาแฟตรงที่ไม่เข้มเท่าการชงจากเครื่องและไม่สามารถปรับอะไรได้มาก เราจึงต้องไปเน้นที่เมล็ดกาแฟแทน พอกาแฟที่ได้ไม่เข้มเราก็ต้องเลือกกาแฟที่หอม โดยที่ร้านใช้กาแฟจากดอยช้าง”
“หลายคนแนะนำให้ใช้กาแฟแบรนด์จากต่างประเทศ แต่เราคิดว่ากาแฟไทยก็ไม่ได้แย่ แล้วอีกอย่างร้านเราเป็นร้านเล็กๆ เราไม่จำเป็นต้องไปตามแบรนด์ที่แพงๆ ถ้าเราใช้กาแฟแพงแล้วเราต้องขายแพงก็ไม่สมดุลกับร้านเราอยู่ดี”
การย้ายมาอยู่ตรงนี้ก็ถือเป็นความท้าทายของ Move.coffee เหมือนกัน จากเดิมที่อยู่ริมถนนจะเด่นและมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาสะดวก แต่หลังจากที่ย้ายมาในตรอกตรงนี้คนทั่วไปยังไม่รู้จัก กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จึงเป็นนักศึกษาซึ่งขายได้ในวันธรรมดา แต่การหลบมุมมาอยู่ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นทำเลที่ตั้งที่ปลอดภัยมากขึ้น ย่านใกล้มหาวิทยาลัยและย่านเมืองเก่ามีนักท่องเที่ยวมาแวะเวียนอยู่เสมอ เสียงจอแจของแม่ค้าแม่ขาย รถเมล์ นักศึกษา ผู้คนผ่านไปผ่านมายิ่งเพิ่มบรรยากาศความเป็นชุมชนที่ยังคึกคัก ถึงแม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ที่ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ตาม
“พูดถึงผลตอบรับก็ถือว่าโอเคเลย โอเคมาตั้งแต่เดือนแรก” เจิ้นพูดถึงการตัดสินใจทำร้านกาแฟเคลื่อนที่ของเขาด้วยความภาคภูมิใจแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติพร้อมวาดฝันการมองเห็นร้านตัวเองในอนาคตว่าอาจจะมีกาแฟดริปร้อนให้ลูกค้าเผื่อมีใครสนใจอาจจะมานั่งลองทำก็ได้พูดคุยเรียนรู้กันไป
“สิ่งสำคัญอีกอย่างคืออยากจะทำให้ร้านไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ โดยอาจจะเพิ่มสาขาและยังยืนยันว่าอยากจะขายกาแฟในราคาประมาณนี้ที่ไม่ได้เป็นกาแฟที่แพง เพราะเราไม่ได้เช่าร้านที่เป็นตึก และยังอยากคงความเป็นรถที่เคลื่อนย้ายได้ ซึ่งอาจจะเป็นรถเข็นก็ได้”
กาแฟเวสป้าเคลื่อนที่คันนี้ประจำการที่ตรอกพระยาเพชรข้างมหาวิทยาลัยศิลปากรรอให้ขาชิมทั้งหลายไปลองแล้ววันนี้ ร้านเริ่มเปิดตั้งแต่ 12.00 – 19.00น. ในวันอังคารถึงวันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์)
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
กำแพงเมืองสร้างด้วยศิลาแลง เป็นกำแพงขนาดใหญ่มั่นคงแข็งแกร่งประดุจเพชร เป็นที่มาของชื่อจังหวัดนี้ จ. กำแพงเพชร มีที่เที่ยวธรรมชาติ วัด ของกิน และของฝากมากมาย
สะหวันนะเขต เมืองที่ผู้คนมีชีวิตไม่เร่งรีบ เมืองที่จะพาเราไปผจญภัยกับอดีตอีกครั้ง
ยุคนี้จุดนัดพบยอดฮิตของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะพบปะ พูดคุย ทำงาน หรืออ่านหนังสือ ใครๆ ต่างก็นิยมไปร้านกาแฟ จนร้านกาแฟหลายๆ แห่งกลายเป็นคาเฟเล็กๆ ที่คอกาแฟต่างแวะเวียนไปหามุมเหมาะกับกาแฟแก้วโปรดได้เป็นวันๆ คุณเคยลองตั้งคำถามกันบ้างไหมว่า จุดเริ่มต้นของร้านกาแฟในบ้านเราอยู่ที่ไหนกันหนอ ถ้าอยากรู้ล่ะก็ตามมากันเลย ประตูร้านแห่งนี้เปิดรอทุกคนให้มาลิ้มรสกาแฟในบรรยากาศอันแสนคลาสสิคทุกเมื่อ
“เมืองเปลี่ยนแปลง” เป็นโครงการศิลปะร่วมสมัยที่สำรวจทักษะการปรับตัวรับมือวิกฤตต่าง ๆ และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพลเมืองอย่างเท่าเทียม ผ่านการทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมรอบตัว สู่การสร้างความตระหนักรู้แก่ประชากรในการคิด วิเคราะห์ มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โครงการครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
คนทั่วไปรู้จัก จ. อุตรดิตถ์ในชื่อของ “เมืองลับแล” เมืองแห่งแม่ม่ายและสาวสวย มีสวนลางสาดเลื่องชื่อ ทุเรียนรสอร่อยไม่เป็นรองใคร และบางคนก็อาจรู้จักอุตรดิตถ์ในฐานะถิ่นกำเนิดของพระยาพิชัยดาบหัก ทหารผู้กล้าของพระเจ้าตากสินมหาราช ชื่อ “อุตรดิตถ์” ถูกตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 มีความหมายว่าท่าน้ำแห่งทิศเหนือ อันหมายถึงบางโพธิ์ท่าอิฐชุมชนเดิมซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่าน
หากคุณกำลังมองหาบรรยากาศที่แสนร่มรื่นเขียวขจี รายล้อมด้วยทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และเดินทางสะดวกอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองกรุงเทพฯมากนัก “นายรอบรู้” ขอแนะนำ เมาน์เท่น ครีก กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ เรสสิเดนซ์ (Mountain Creek Golf Resort & Residences) รีสอร์ทและวิลล่าสุดหรูแห่งใหม่ใจกลางเขาใหญ่ พร้อมด้วยสนามกอล์ฟ บนเนื้อที่โครงการกว่า 1,750 ไร่
หลังการเดินทางท่ามกลางแสงแดดร้อนแรง “ขาวแตงกวา” ส้มโอรสโอชะช่วยประทังร่างของพวกเราให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ส้มโอลูกกลมๆ ตรงหน้าเรานี้ เขาว่าเป็นของดีของเมืองชัยนาท ขนาดที่ว่าเป็นรายได้หลักของเกษตรกรในจังหวัดนี้เลยทีเดียว
นอกจากทิวทัศน์สวยๆ ของอำเภอสวนผึ้ง อีกทั้งร้านอาหารอร่อยๆ หหลากหลายเมนู รวมไปถึงที่พักน่ารักๆ หลายแห่งแล้ว สวนผึ้งยังมีร้านกาแฟสด ทิวทัศน์ดี บรรยากาศเป็นเยี่ยมให้คุณได้เลือกไปนั่งจิบกาแฟถ้วยโปรดอีกหลายร้าน ชอบบรรยากาศแบบไหนก็ลองเลือกไปชิมกันได้เลย
© 2018 All rights Reserved.