
กินดี ไปกับ GREENDEE : Patom Organic Living
วันนี้ นายรอบรู้ อยากพาคุณไปกินของดี ใช้ชีวิตสบายๆ กลางเมือง ที่ Patom Organic Living กัน
ในช่วงเทศกาลยี่เป็ง ชาวไทลื้อบ้านร้องแงจะรวมใจกันทำแตะดอกไม้ปันโดง (ตามสำเนียงลื้อ) ซึ่งก็คือดอกไม้พันดวง แต่ละบ้านจะทำบ้านละอันสองอัน ขนาดเล็กหรือใหญ่แล้วแต่ศรัทธา ส่วนใหญ่มีขนาดประมาณ 1-2 ตารางฟุต โดยนำดอกไม้หลายชนิดเรียงรายแล้วใช้ไม่ไผ่สานประกบทั้งสองด้าน เรียกว่าแตะดอกไม้
ยามเช้าในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือนยี่ ก่อนคืนวันยี่เป็ง (หรือ 15 ค่ำเดือน 12 ตรงกับประเพณีลอยกระทง ตามเวลาของภาคกลาง) 1 วัน นอกจากจะทำแตะดอกไม้ที่บ้านแล้ว กลุ่มแม่หม่อน แม่อุ๊ย จะมารวมทำแตะดอกไม้ที่หน้าวิหาร บ้างก็เก็บดอกไม้รอบบ้านมาทำ ดอกไม้เหล่านี้จะมีทั้งดอกที่มีกลิ่นหอม เช่น สบันงา (กระดังงา) เก็ตถวา กาสะลอง (ปีป) รวมถึงดาวเรือง ตะล่อม (บานไม่รู้โรย) หงอนไก่ ดอกเข็ม ซึ่งเป็นดอกไม้รอบๆ บ้าน ซึ่งบางบ้านปลูกเตรียมไว้เพราะเชื่อว่าได้อานิสงส์มากกว่าไปซื้อดอกไม้ตามตลาดมาทำ นอกจากนี้ยังทำธงติดไม้เล็กๆ เรียกว่า ช่อ หรือตามสำเนียงว่า จ้อ รวมถึงนำข้าวสารมารวมกัน แล้วพร้อมใจกันนำไปถวายเป็นพุทธบูชา
โดยในบ่ายวันนั้น แตะดอกไม้เหล่านี้จะอยู่บนพานที่เตรียมไว้เป็นเครื่องติดกัณฑ์เทศน์ หลังจากพระภิกษุขึ้นธรรมมาสน์สวดพระคาถารับดอกไม้แล้ว ชาวบ้านส่วนหนึ่งจะนำธงไปปักที่ต้นกล้วยหน้าวิหาร จุดเทียนบูชา แตะดอกไม้พันดวง จะนำไปแขวนตามคานเสาพระวิหาร ประดับไว้ตลอดทั้งปี จนยี่เป็งปีหน้าเวียนมา จึงเปลี่ยนเป็นดอกไม้ชุดใหม่
แตะดอกไม้พันดวงนี้ใช้ในการบูชา “พระคาถาพัน” ซึ่งเป็นบทสวดภาษาบาลี มีจำนวน 1,000 พระคาถา ซึ่งเป็นพระคาถาที่สวดก่อนการเทศน์มหาชาติ ซึ่งในวันยี่เป็ง วันต่อมา ตั้งแต่เช้ามืดชาวบ้านจะนำข้าวมานึ่งปั้นเป็นข้าวสุกพันก้อน ก่อนจะเริ่มเทศน์มหาชาติ กินระยะเวลายาวนานกว่าจะจบก็เป็นตอนค่ำ
ส่วนที่บ้านนั้น พอยามพลบค่ำ ก็จะมีการแขวนโคม จุดผางประติ๊ด หรือผางประทีป สมัยก่อนคนลื้อร้องแง จะจุดเทียนไว้บริเวณประตูบ้าน ด้านหนึ่งเพื่อเป็นการขอสมา ธรณีประตูที่เดินผ่านมาตลอดทั้งปี อีกส่วนก็เป็นการบูชาพระเวสสันดรที่เสด็จฯกลับสู่เมือง
ในอดีตช่วงยี่เป็ง ล้านนาจะมีงานบุญใหญ่ คือการตั้งธรรมหลวง เป็นหัวใจหลัก ตั้งแต่ 13 ค่ำเทศน์ธรรมวัตร 14 ค่ำเทศน์คาถาพัน พอวันพระใหญ่ 15 ค่ำ จึงเป็นการเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก ตั้งแต่เช้ามืดจนจบครบ 13 กัณฑ์ในวันเดียว
ภายในวัดก็จะแต่งสถานที่ทำรั้วราชวัตร ประตูป่า โดยจำลองมาจากการที่พระเวสสันดรถูกขับให้ไปบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่า บางแห่งก็จะทำเป็นเขาวงกตให้เดินเล่นกันโดยตรงกลางมีแท่นบูชาพระพุทธรูปอยู่ มีการแขวนโคมประดับต่างๆ
ส่วนการตั้งธรรมหลวง นิยมใช้วิหาร ตกแต่งไปด้วยดอกไม้ เช่น ดอกบัว ช่อสามเหลี่ยมติดกระดาษฉลุลาย รูปช้าง ม้า วัว ควาย ทาสหญิง ทาสชาย แก้ว แหวน เงิน ทอง ประดับโคม รวมถึงมีการจุดผางปะติ๊ด หรือผางประทีปเพื่อบูชาพระรัตนตรัย
บริเวณธรรมมาสน์เทศน์ของพระสงฆ์ ก็จะประดับด้วยม่าน ห้อยดอกพันในหับดอก ที่สานโดยไม่ไผ่ประกบกัน “ดอกไม้พันดอก” หรือ สหสสฺปฺปผานี้ ใช้เป็นเครื่องบูชาพระธรรม บูชาพระคาถาจำนวน 1,000 (สหสฺสคาถา) ดอกไม้ที่นิยมมาบูชา ได้แก่ ดอกกาสะลอง (ปีป) ดอกจี๋หุบ (มณฑา) ดอกสารภี เป็นต้น ดอกไม้เหล่านี้เป็นดอกไม้หอม ช่วยทำให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในป่าหิมพานต์
ทว่าในปัจจุบัน การตั้งธรรมหลวงหรือเทศน์มหาชาตินี้ ก็จัดน้อยลงไปทุกขณะ การทำแตะดอกไม้พันดวงก็ยิ่งจะหาดูยากขึ้นทุกที อย่างไรก็ตามก็ยังปรากฏอยู่ในหลายชุมชน เช่น ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง วัดมิ่งเมือง ในอ.เมืองน่าน ซึ่งปีนี้ตั้งธรรมหลวง ปีหน้าอาจจัดเป็นงานตานก๋วยสลากใหญ่ หรืองานสลากภัต ซึ่งต้องใช้การร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของคนในชุมชน
ชาวบ้านร้องแงเดิมเป็นชาวลื้อ ต้นตระกูลอพยพมาจากสิบสองปันนา เมื่อแรกตั้งถิ่นฐานแถบนี้ได้เลือกชัยภูมิใกล้ร่องน้ำที่มีต้นแง (ต้นไม้ที่ให้ผลรสเปรี้ยวคล้ายส้ม) ขึ้นชุกชุม จึงเรียกว่า “บ้านร่องแง” ภายหลังเพี้ยนเป็น “ร้องแง” ดังปัจจุบัน
ตั้งแต่เช้าของวันขึ้น 14 ค่ำ ที่พ่อหม่อน แม่หม่อน พ่ออุ๊ยแม่อุ๊ย มาร่วมจัดทำประตูป่า แป๋งแตะดอกไม้ปันโดง ทำจ้อพันจ้อ เทียนพันเล่ม ทำพิธีถวายดอกไม้ ข้าวสาร จ้อธง เริ่มฟังพระคาถาพัน เช้ามืดต่อมาก็มาฟังถวายข้าวพันก้อน ฟังเทศน์มหาชาติยาวนานจนจบ แล้วจากนั้นจะนำด้ายสายสิญจน์ที่ผ่านพิธีเทศน์มหาชาติมาเผา เพื่อสืบชาตา หรือปัดเป่าสิ่งไม่เป็นมงคล เผาทุกข์ เผาโศก เสริมสุข ศิริมงคล เป็นอันจบพิธี
การที่ชุมชนยังดำรงและสืบทอดประเพณีเก่าก่อนมาโดยตลอดจึงนับเป็นความงดงามในความเรียบง่าย ที่ปฏิบัติกันนับเนื่องมายาวนานหลายร้อยปี ควรค่าแก่การชื่นชม
ธัมม์หรือคัมภีร์ชื่อ อานิสงส์ผางประทีส กล่าวไว้ว่า พระเจ้าห้าพระองค์ ได้แก่ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคตม (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) พระศรีอริยะเมตไตร ที่ทั้งห้าพระองค์ได้กำเนิดจากแม่กาเผือกเป็นไข่ห้าฟอง และวันหนึ่งขณะที่แม่กาออกไปหาอาหารได้เกิดพายุ ทำให้ไข่ทั้งไข่ฟองพัดตกจากรังไหลไปตามแม่น้ำ และมีแม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โค และแม่ราชสีห์เก็บไปเลี้ยง เมื่อไข่ทั้งห้าฟองฟักออกมาเป็นมนุษย์เพศชาย และได้บวชเป็นฤๅษีทั้งห้า
เมื่อฤๅษีทั้งห้าได้พบกัน จึงไต่ถามถึงมารดาของแต่ละองค์ แต่ละองค์ก็ตอบว่า แม่ไก่เก็บมาเลี้ยง แม่นาคเก็บมาเลี้ยง แม่เต่าเก็บมาเลี้ยง แม่โคเก็บมาเลี้ยง และแม่ราชสีห์เก็บมาเลี้ยง ฤๅษีทั้งห้าจึงสงสัยว่าแม่ที่แท้จริงของตนเป็นใคร จึงพากันอธิษฐานขอให้ได้พบแม่ ด้วยคำอธิษฐานจึงทำให้พกาพรหมผู้เป็นแม่ได้แปลงกายเป็นกาเผือกบินลงมาเล่าเรื่องในอดีตให้ฤๅษีทั้งห้าฟัง และได้บอกว่าหากคิดถึงแม่ ให้น้ำด้ายดิบมาฟั่นเป็นตีนกา แล้วจุดเป็นประทีสบูชาในเดือนยี่เป็ง
ที่ตั้ง ต. วรนคร อ. ปัว จ. น่าน
ข้อมูลอ้างอิง
http://library.cmu.ac.th/ntic/lannatradition/yeepeng-thongtom.php
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
วันนี้ นายรอบรู้ อยากพาคุณไปกินของดี ใช้ชีวิตสบายๆ กลางเมือง ที่ Patom Organic Living กัน
บุรีรัมย์เมืองที่ใครหลายคนฝันจะไปเยือนสักครั้ง เลยลิสต์โรงแรมที่คุณกำลังตามหา จะแบบบูทีคหรือโฮสเทล Traveloka ก็จัดมาให้อย่างครอบคลุมเรียกว่าทุกระดับประทับใจ
ยามสายอันเงียบสงบ วันที่แสงแดดโดนบดบังโดยหมู่เมฆครึ้ม ฉันนั่งทอดกายอยู่ที่มาหาสมุทร บูติลโฮมสเตย์ ริมแม่น้ำประแส จังหวัดระยอง สัมผัสได้ถึงสายลมพัดเอื่อยๆ ส่งเสียงดังหวิดหวิว สายตามองลงไปเห็นขาของตัวเองกำลังกวัดแกว่งอยู่เหนือแม่น้ำประแส เหลือบเห็นเจ้าปลาเสือพ่นน้ำแหวกว่ายไปกับฝูงเพื่อน เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างกายขึ้นมาปิดเสียง เพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติที่ริมแม่น้ำ
ปลายปีนี้หากใครยังไม่มีแพลนเที่ยวไหน “นายรอบรู้” อยากชวนไปสัมผัสสถานที่ประวัติศาสตร์ที่สำคัญของไทยกัน ณ พระราชวังกรุงธนบุรี หรือ พระราชวังเดิม ขอบอกว่าปกติแล้วไม่ได้เข้าชมกันง่ายๆ แต่เนื่องในโอกาสพิเศษฉลองครบรอบ 250 ปี กรุงธนบุรี จึงเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมฟรีได้ตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 28 ธันวาคมนี้เท่านั้น พลาดแล้วไม่รู้ว่าจะมีโอกาสหน้าอีกเมื่อไร
© 2018 All rights Reserved.