
ภูลมโล … ถ้ามัวโลเลเดี๋ยวไม่ทันดอกไม้บานนะ
ใน 1 ปีจะมีเพียงเดือนเดียวที่มีจำนวนวันน้อยที่สุด กุมภาพันธ์ คือ เดือนพิเศษเดือนนั้น แถมยังเป็นเดือนแห่งความรักที่ใครๆ ต่างเฝ้ารออีกด้วย จนเรียกได้ว่าเป็น เดือนสีชมพูแห่งปีเชียวล่ะ
ผ้าทอหลากลวดลายหลายสีสันที่แขวนวางอยู่ตามมุมต่างๆ ของร้านค้าในหมู่บ้านหนองบัว อ. ท่าวังผา ใกล้กับวัดหนองบัวที่มีงานจิตกรรมฝาผนังชั้นเลิศนั้น สร้างความตื่นตาแก่ผู้ที่รักผ้าไทย อีกทั้งรูปแบบลายผ้า ยังมีหลายผืนที่คล้ายคลึงกับที่ปรากฏในจิตรกรรม
ในยุคหลายร้อยปีก่อนที่ผู้คนยังมีวิถีชีวิตพึ่งพิงกับธรรมชาติ ผู้คนในถิ่นฐานต่างๆ อาศัยฝีมือในการสร้างพื้นฐานปัจจัยสี่ อาหาร บ้านเรือน ยารักษาโรค และโดยเฉพาะ เครื่องนุ่งห่ม ล้วนแต่เป็นความสามารถในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน
เช่นเดียวกับหญิงสาวชาวไทลื้อ ซึ่งอพยพจากดินแดนสิบสองปันนา มาอาศัยอยู่ในหลายจังหวัดทางภาคเหนือของไทย โดยเฉพาะใน เชียงราย น่าน พะเยา ราว 200 ปีมาแล้ว ไทลื้อเมืองล้า กลุ่มใหญ่ได้มาตั้งรกรากอยู่บริเวณบ้านหนองบัว อ. ท่าวังผา รวมไปถึงบ้านดอนมูล บ้านต้นฮ่าง และอีกหลายหมู่บ้าน
ในยุคที่ต้องลงแรงปลูกฝ้ายในเดือนสิงหาคม–กันยายน เพื่อให้ได้ดอกฝ้ายสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อน (ปุยหุ้มเมล็ด) เพื่อพร้อมในการนำมาทำเป็นเส้นด้ายในปลายปี สาวๆ ในยุคนั้นชำนาญในการ “อีดฝ้าย” แยกเมล็ดออกจากปุย ดีดให้ฟูแล้วนำมาม้วนที่อุ๊ยๆ บอกว่าเป็นการ “แปงหาง” เป็นม้วนๆ ก่อนนำมาดึงเป็นเส้นฝ้ายยาว นำมาม้วนเป็นใจ
จากนั้นจึงนำไปย้อมด้วยสีสันต่างๆ เช่น สีน้ำเงินจากฮ่อม สีแดงจากครั่ง สีน้ำตาลจากแก่นฝาง สีดำจากมะเกลือ และอื่นๆ จากนั้นจึงนำมาทอเป็นผืนผ้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ผ้าหลบหรือผ้าเติ้ม (ผ้าปุที่นอน) ผ้าห่ม ที่เรียกว่า ผ้าตาโก้ง หรือผ้าผืนธรรมดาที่ไว้ตัดเสื้อป้าย ตัดกางเกงสะดอขายาว มุ้ง หมอน
ที่โดดเด่นและงดงามที่สุดคงเป็น ผ้านุ่ง หรือที่เรียกว่าผ้าซิ่นตา มีลักษณะแปลกว่าผ้ากลุ่มชนอื่นคือเป็นผ้าซิ่นที่มีสองตะเข็บ เรียกว่าซิ่นตา โดยจะทอผ้าตามยาวจนได้ขนาดที่ต้องการแล้วนำมาเย็บด้านข้างทั้งสองด้านจนเป็นถุง
ในช่วงกาลหลายร้อยปี ชาวไทลื้อนอกจากได้รักษาลวดลายในผืนผ้าของตัวเองไว้แล้ว ยังได้รับอิทธิพล และผสมผสานลวดลายต่างๆ ทั้งจากกลุ่มคนไทยวน ม่าน (พม่า) ลาว รวมถึงลื้อกลุ่มใหม่ๆ ที่อพยพเข้ามาในระยะหลังๆ ทำให้ซิ่นไทลื้อมีความโดดเด่นด้วยเทคนิคการทอที่หลากหลาย ตั้งแต่การมัดหมี่ จก ขิด เกาะ ล้วง การยกดอก
ผ้าไทลื้อที่โดดเด่นมากมีสามประเภท คือ ผ้าซิ่นม่าน ซิ่นก่าน และซิ่นลายน้ำไหล
ถ้ามาที่หลังวัดหนองบัวจะมีกลุ่มคนเฒ่า มีแม่อุ๊ยสามสี่คน นั่งทอผ้าอยู่เกือบทุกวัน แม่อุ๊ยนิยมนุ่งผ้าซิ่นม่านกับเสื้อป้าย ซิ่นม่านเป็นซิ่นที่ใช้นุ่งในชีวิตประจำวัน รวมถึงในในงานพิธีกรรม หรืองานบุญต่างๆ มีลักษณะเป็นลายขวาง สีน้ำเงิน ม่วง แดง สลับลายมุก แต่ละช่องไม่เท่ากัน บ้างก็นิยมทอด้วยไหมหรือสอดดิ้นเงินดิ้นทองไว้ด้วย
ซิ่นก่าน หรือเรียกว่า ซิ่นมัดก่าน/คาดก่าน ซิ่นแบบนี้ได้รับอิทธิพลมาจากคนไทลื้อในลาวที่อพยพเข้ามา มีลักษณะเดียวกับผ้ามัดหมี่ คือนำด้ายที่จะทอมามัดเป็นลวดลายต่างๆ เช่น ลายน้ำไหล ลายขอ หรือลวดลายอื่นๆ ตามจินตนาการของผู้ทอ ส่วนใหญ่นิยมย้อมด้วยคราม ซึ่งจะให้สีน้ำเงิน หรือครั่งที่ให้สีแดงก่ำ โดยบริเวณที่มัดไว้จะเป็นลวดลายสีขาว
ซิ่นลายน้ำไหลไทลื้อ ซิ่นลายนี้เป็นการรทอลวดลายเลียนแบบการไหลของกระแสน้ำที่พลิ้วไหว ใช้ด้ายพุ่งสลับสีแล้วใช้วีธีเกาะ ล้วง ทำเป็นลวดลาย มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เรียกลวดลายแตกต่างกันออกไป เช่น ลายน้ำใหลใบข้าว น้ำไหลมัดแตง น้ำไหลภูเขา
ในสมัยก่อนนั้น หญิงสาวทุกคนจะต้องทอผ้าเป็น เพราะถือเป็นคุณสมบัติสำคัญ หากใครทอผ้าไม่เป็นก็จะไม่มีใครมาสู่ขอ เช่นเดียวกันชายหนุ่มที่นิยมสักลายที่ขา เพื่อแสดงถึงความกล้าหาญ การที่เราเห็นลวดลายผ้าทอหลากลวดลายเต็มผืนผ้านั้น ส่วนใหญ่คนทอมักจะเป็นสาวๆ หรือแม่เรือนที่เพิ่งออกเรือน สายตายังดี จึงสามารถทอผ้าที่มีลวดลายจำนวนมาก เช่นลายมุก ลายขอใหญ่ ลายหงส์ เป็นลายลื้อล้วงที่สวยงาม พออายุมากขึ้นสายตาแย่ลงก็มักจะทอผ้าที่เรียบง่าย ลวดลายน้อยลง
ผ้าทอลายเรียบๆ ผืนหนึ่งๆ หากนับเวลาตั้งแต่เตรียมปลูกฝ้ายจนสามารถเก็บดอกฝ้ายได้ก็ใช้เวลานานหลายเดือน และยังต้องใช้เวลาอีกนับเดือนหลังงานบ้าน งานนา เพื่อมาทอผ้า ยิ่งเป็นผ้าผืนสวยลวดลายประณีตที่สาวๆ มักจะทอให้ตัวเองไว้ใช้ในงานบุญ หรือแม้แต่เก็บไว้ใช้ในงานแต่งงานของตัวเองนั้น บางผืนต้องใช้เวลาทอนานนับปี
ลวดลายที่สอดแทรกอยู่ในผืนผ้าจึงมีใช่เพียงใช้เป็นอาภรณ์ แต่ยังเป็นผลงานของศิลปะแห่งชีวิต ที่นับวันจะมีผู้สืบทอดน้อยลงไป
เป็นกลุ่มทอผ้าโดยคนเฒ่าคนแก่ของบ้านหนองบัว มีการสาธิตการอีดฝ้าย การดีดฝ้าย หรือการดึงฝ้ายเป็นเส้น สามารถไปทดลองทำได้
ร้านสิบสองปันนา ผ้าทอไทลื้อ
ที่ตั้ง ตำบล ป่าคา อำเภอ ท่าวังผา น่าน 55140
Facebook สิบสองปันนา ผ้าทอไทลื้อ
หลายสิบปีก่อน นางจันทร์สม พรหมปัญญา เป็นผู้รื้อฟื้นและชักชวนให้หญิงสาวชาวหนองบัวกลับมาทอผ้าพื้นเมืองขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะผ้าทอลายน้ำไหลไทลื้อ สามารถไปชมการทอผ้าได้ทุกวัน
ที่ตั้ง บ้านหนองบัว ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา จ.น่าน
โทร 054 685 222
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ใน 1 ปีจะมีเพียงเดือนเดียวที่มีจำนวนวันน้อยที่สุด กุมภาพันธ์ คือ เดือนพิเศษเดือนนั้น แถมยังเป็นเดือนแห่งความรักที่ใครๆ ต่างเฝ้ารออีกด้วย จนเรียกได้ว่าเป็น เดือนสีชมพูแห่งปีเชียวล่ะ
Bangkok Story คาเฟ่เล็กๆ ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง และเหมือนได้เข้ามาในร้านกาแฟสมัยที่คุณปู่คุณย่าชอบมานั่งจิบกาแฟ กินอาหารเช้า อ่านหนังสือพิมพ์ และพูดคุยกันท่ามกลางกลิ่นกาแฟหอมอบอวล ร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาว-สีเหลืองไข่ไก่สบายตา ประตูหน้าต่างเป็นไม้แบบเก่าทั้งหมด ทั้งยังมีขวดโหลใส่ของแห้งตกแต่งผนังร้าน ชวนให้รู้สึกถึงบรรยากาศร้านขายของในยุคก่อน เลือกที่นั่งได้แล้ว ทางร้านจะเสิร์ฟชุดน้ำชาจีนร้อนๆ เป็นการต้อนรับ มีขนมขาไก่ใส่ไว้ในโหลแก้วให้ลูกค้าตักชิมได้ฟรีไม่คิดเงิน ที่นี่นอกจากจะเป็นร้านกาแฟ ชั้นบนยังเปิดเป็นโฮสเทลด้วย สนนราคาค่าเช่าพักคืนละ 650 บาทเท่านั้น คุณสรรภพ พูลสุวรรณ หรือคุณโจ้ เจ้าของร้าน เปิดบริการห้องพักโฮสเทลอย่างเดียว แล้วลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติชอบไปกินอาหารสตรีตฟู้ด บางร้านถ้าปรุงไม่สะอาด กินแล้วก็ป่วย
วังบูรพา-ย่านเก่าที่ฮอตฮิตสมัยวัยรุ่นยุค 2499 อันธพาลครองเมือง มีร้านเกาเหลาเนื้อที่บรรดานักชิมต่างยกให้อยู่ระดับแถวหน้าถึง 3 ร้าน (เป็นอย่างน้อย)
“ตอนแรกเราขายตรงริมถนนเลยเริ่มตั้งชื่อร้านว่า Move.coffee (มูฟ ด็อด คอฟฟี่) หมายถึง ถ้าตรงนี้ขายไม่ได้เราก็ย้ายไปขายที่อื่น แต่ตอนนี้มาตั้งอยู่ในตรอกก็คิดว่าจะประจำตรงนี้แล้ว แต่กลัวลูกค้าหาไม่เจอ เพราะเราย้ายร้านจากด้านนอกมาในซอย” เจิ้น เสาวลักษณ์ สุวรรณเพชร เจ้าของร้าน Move.coffee วัย 30 ปี จากเคยเป็นบาริสต้าร้านกาแฟห้องแอร์ผันตัวมาเปิดร้านกาแฟเคลื่อนที่ของตนเอง
© 2018 All rights Reserved.