เกษตรอินทรีย์ของเพลินตาไม่จำกัดเฉพาะแต่ที่นาเท่านั้น แมกไม้ที่อยู่รอบบริเวณก็ล้วนเป็นเกษตรธรรมชาติ เธอปลูกไม้ต้นสูงเรียงเป็นแถวแทนรั้วกางกั้นสารเคมีที่ลอยตามแรงลมมาจากนาแห่งอื่น น้ำที่ใช้ก็เป็นน้ำบาดาลใสสะอาด ฝูงปลาอยู่ร่วมกันได้
“สมัยแรกๆ เราทำไปแบบไม่รู้จักดินมาก่อน” จิรธนา เจตินัย ลูกสาวของเพลินตา ผู้ช่วยคนสำคัญของสวนพาเพลิน ย้อนความถึงผืนดินที่พวกเขาค่อยๆ ฟูมฟักกันมาตลอดระยะเวลา 4 ปี “ช่วงแรกดินไม่ดี ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น เราเลยทำนาแปลงเล็กๆ กันก่อน ใช้หลักการ ‘ห่มดิน’ ปลูกต้นไม้ให้เกื้อกูลกัน แล้วเมื่อต้นไม้เติบโต เราก็ทำอย่างเดียวกันในทุกๆ แปลง”
เมื่อสร้างสวนจากแนวคิดเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ จึงคลับคล้ายคลับคลากับการสร้างป่าขนาดย่อม พวกเขาเพิ่มจำนวนต้นไม้โดยเน้นความหลากหลายของพันธุ์พืช เลือกทำนวเกษตรด้วยการ “ปลูกไม้ 5 ชั้น”
ไม้ 5 ชั้น คือ ชั้นใต้ดินอย่างพวกหัวมัน ชั้นเรี่ยดิน ชั้นบนดิน และไม้สูงอีกสองระดับชั้น ไล่ตามความสูงของยอดใบขึ้นไป อันจะทำให้เกิดร่มเงาและความอุดมสมบูรณ์อย่างสมดุลของป่าไพร
“ทำไร่นาให้เป็นซูเปอร์มาร์เกต หากจะกินข้าวก็ก่อไฟที่นั่น มีผักอยู่ที่นั่น ปลาก็อยู่ตรงนั้นด้วย” ถ้อยคำบอกเล่าวิถีชีวิตของคนที่เคยเป็นทั้งพยาบาลและเจ้าของสปานวดแผนไทยเมื่อ 4 ปีที่แล้ว วันนี้เพลินตายังคงสร้างความสุขด้วยการมอบสุขภาพดีๆ ให้ผู้คนอยู่เสมอ