
6 จุดเช็คอินห้ามพลาด!!! – เบตง เมืองใต้สุดในสยาม
มาเบตงครั้งนี้ นายรอบรู้อยากพาไปสัมผัสกับ สิ่งห้ามพลาด ที่หากว่าพลาดไปแล้ว อาจเรียกว่ามาไม่ถึง เบตง ก็ว่าได้ จะมีอะไรบ้างตามไปดูพร้อมๆกันเลย…
“ไทในความหมายของเราคือ ความเป็นอิสระ การเป็นเกษตรกรที่เราไม่ต้องพึ่งพาพ่อค้าคนกลางที่ทำให้เราถูกจำกัดในเรื่องของราคา รายได้ ผลผลิต และคิดไปถึงว่าเวลามีฝรั่งมา “Me Thai” ก็อ่านง่าย เข้าใจง่าย และอีกความหมายที่พยายามจะสื่อออกไปคือ ฉันนี่แหละกาแฟไทย”
รัศมิ์ลภัส กัลยาศิลปิน หรือ แอ้ เจ้าของร้าน Me Thai Coffee แบรนด์ที่รวบรวมกาแฟจากท้องถิ่นที่หลากหลายมาอยู่ในซอยสุขุมวิท 36 โดยการต่อยอดจากอาชีพเดิมของครอบครัวทางสามี
ร้านเล็กๆ สบายๆ หลบมุมวุ่นวายใจกลางความเจริญสมัยใหม่ของกรุงเทพมหานครแห่งนี้เกิดขึ้นมาจาก เจริญ วุ้ยยื้อ หรือ เจ ผู้เติบโตในครอบครัวชาวอาข่าดอยช้าง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ภายใต้แนวความคิดว่าที่บ้านตนทำกาแฟอยู่แล้ว อยากสานต่อกันเองโดยไม่พึ่งพาพ่อค้าคนกลางเพื่อรายได้และโอกาสที่มากขึ้น สามารถสร้างอาชีพให้กับคนทางบ้านรวมถึงยังสามารถควบคุมคุณภาพของกาแฟได้เอง
เจ เจริญ วุ้ยเยื้อ เกษตรกรผู้เติบโตจากการทำกาแฟมาแล้วกว่าสิบปี เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลที่ปลูกกาแฟบนดอยช้าง ริเริ่มทำแบรนด์ Me Thai Coffee กับแอ้ผู้เป็นภรรยาและมีกองสนับสนุนคือครอบครัวและผู้ปลูกกาแฟบนดอยต่างๆที่อยู่เบื้องหลังอย่างอบอุ่น
“กาแฟไม่ใช่ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย อยู่ที่ความชอบของแต่ละคน กาแฟแต่ละที่มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกัน เราก็เลยเลือกจะทำกาแฟไทยเพราะเราเชื่อว่ากาแฟไทยเป็นกาแฟที่ดี”
Me Thai Coffee ได้เริ่มทำงานร่วมกับเกษตรกรที่ดอยอื่นๆในจังหวัดเชียงรายทั้งดอยปางขอนดอยแม่มอญดอยผาฮี้ฯลฯนอกจากนั้นทางร้านยังพยายามรวบรวมกาแฟจากแหล่งอื่นๆในภาคเหนือนอกจากในจังหวัดเชียงรายและยังมีความพยายามจะขยายไปยังภูมิภาคอื่นๆให้ได้มากที่สุด
Me Thai Coffee ไม่ได้ทำเพียงแค่รับซื้อกาแฟเท่านั้น แต่ยังทำงานโดยการเข้าไปใส่ใจในรายละเอียดมากกว่านั้น คือการร่วมพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ ตกลงกันว่าในปีนี้ชาวบ้านมี process อะไรบ้างและทางร้านอยากได้กาแฟแบบไหนจากภาพที่ประจักษ์ต่อสายตาตอนนี้คือของในร้านที่เราได้เห็นนั้นมีอย่างหลากหลายแหล่งที่มาซึ่งเป็นผลผลิตจากดอยต่างๆอย่างน่าสนใจ
“ร้านเรามีการชงทุกรูปแบบเพื่อนำเสนอกาแฟที่ไม่เหมือนกัน และตัวกาแฟเองก็มีจากหลายที่ เช่น กาแฟดอยช้างก็จะมีเอกลักษณ์ของดอยช้าง กาแฟจากผาฮี้ก็จะมีความเป็นกาแฟผาฮี้”
รสชาติที่แตกต่างกันไปของกาแฟเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่สร้างจุดขายให้กับกาแฟในแต่ละแหล่งรสชาติและกลิ่นของกาแฟนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่นกาแฟดอยช้างพื้นที่รอบๆปลูกแมคคาเดเมียหากมีนักดื่มที่เก่งๆได้ลองสักคำก็คงจะสามารถจับรสจับกลิ่นของกาแฟได้อย่างบนดอยผาฮี้ที่อยู่ในเขตห้ามมีการตัดไม้ทำลายป่าดอกไม้ป่าก็จะบานสะพรั่งอยู่เต็มดอยอีกทั้งยังอุดมไปด้วยผลไม้ป่ากลิ่นและรสของกาแฟที่ผาฮี้ก็จะมีความเฉพาะเป็นกลิ่นตามสภาพแวดล้อมนั้น
อย่างไรก็ดีความสามารถในการจับรสจับกลิ่นกาแฟนั้นเป็นศาสตร์ชั้นสูงที่ต้องฝึกฝนและสั่งสมประสบการณ์อยู่มากพอตัวหากเราไม่เคยได้กลิ่นพืชเหล่านั้นมาก่อนเมื่อมาดื่มกาแฟรสนี้ก็จะจับรสไม่ได้เป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ต้องใช้ความนุ่มลึกและต้องใช้ใจสัมผัสเข้าด้วยอย่างมีศิลปะ
กระบวนการของการทำกาแฟในแต่ละขั้นตอนมีความสำคัญและส่งผลต่อรสชาติและกลิ่นตั้งแต่การทำความสะอาดการตากการคั่วการบดและการชงแต่ท้ายที่สุดก็อยู่ที่ว่าผู้ดื่มชอบใจในกลิ่นในรสไหนมากกว่ากันตรงนี้สำคัญที่สุด
แหล่งที่ปลูกกาแฟก็เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมากกาแฟของแต่ละแหล่งขึ้นอยู่กับแร่ธาตุในดินความสูงอากาศสภาพแวดล้อมแสงแดดการอยู่ดอยช้างเหมือนกันไม่ได้แปลว่ากาแฟทุกต้นจะได้รสชาติเดียวกันแสงแดดที่ส่งถึงไม่เท่ากันส่งผลทำให้การสุกช้าสุกเร็วของผลกาแฟต่างกันและในสวนที่ปลูกผลไม้ไม่เหมือนกันรสชาติก็จะไม่เหมือนกันกาแฟจึงเป็นพืชที่ต้องใช้ทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์ในการทำความเข้าใจสูง
ใครที่สนใจกาแฟจากวัตถุดิบท้องถิ่น ผู้เขียนขอแนะนำให้ลอง Signature ของร้านคือ palm sugar เป็นการนำน้ำตาลสดออร์แกนิกจากเกษตรกรที่ทำน้ำตาลสดเพชรบุรีมาชงกับกาแฟเข้มๆ ถือว่ารสชาติดีแปลกใหม่ กลมกล่อมมีความหวานหอมของน้ำตาสดที่มาอยู่กับกาแฟแล้วช่างนุ่มนวลเหลือเกิน
นอกจากกาแฟแล้วทางร้านยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำมาจากกาแฟอย่างน่าสนใจ เช่น ชาเปลือกกาแฟ ชาดอกกาแฟ (coffee Blossom tea) ดอกกาแฟที่ว่านั้นมีความพิเศษตรงที่จะออกดอกเพียงแค่ช่วงประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนเท่านั้น และการเบ่งบานของดอกกาแฟนั้นมีระยะเวลาอันสั้นนักเพียงแค่ประมาณ 3 วัน เวลาผู้ไม่เคยรอใครก็จะเป็นตัวพาให้ดอกกาแฟร่วงหล่นจากต้นเพื่อจะติดลูกออกผลต่อไป การเบ่งบานของดอกกาแฟในแต่ละปีไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม แต่โดยเฉลี่ยแล้วก็จะบานประมาณ 3 – 4 รอบ
“ของพวกนี้เราอยากจะพัฒนาเพราะถ้าทิ้งไว้จะทำให้น้ำเน่ากว่าจะย่อยสลาย เราลองทำชาอยู่หลายวิธีเพราะบนดอยมันชื้นเวลาตากจะไม่แห้งและเป็นเชื้อรา ต้องใส่ใจมากๆ” คุณแอ้เล่าพร้อมชงชาจากดอกกาแฟและเปลือกกาแฟมาให้เราลองชิม
ชาดอกกาแฟจะให้รสชาติที่นุ่มๆกลิ่นหอมบางๆคล้ายชาดอกมะลิส่วนชาเปลือกกาแฟจะออกเป็นรสเปรี้ยวอ่อนๆคล้ายกับบ๊วยแต่จะละมุนกว่ามากและดื่มง่ายสำหรับผู้ไม่ดื่มกาแฟชาจากดอกและเปลือกกาแฟเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่อยากแนะนำ
ผู้ที่รักสุขภาพดอกกาแฟนั้นมีประโยชน์หลากหลาย ทาง Me Thai Coffee ได้ทำการค้นคว้าข้อมูลจากสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงรายแล้วส่งมอบความรู้ให้กับลูกค้าและผู้สนใจคือชาดอกกาแฟนั้นมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งและช่วยลดไขมันในเลือดได้
กาแฟไทยเมื่อเทียบกับตลาดโลกแล้วถือว่าเป็นกาแฟที่แพง แต่ในความแพงนั้นเป็นสิ่งที่ต้องแลกมากับความละเมียดละไมในกระบวนการผลิต เนื่องจากกาแฟไทยส่วนใหญ่โดยเฉพาะของ Me Thai Coffee เป็นกาแฟงานคราฟท์ (Craft) ที่ต้องเก็บกันด้วยมือเมล็ดต่อเมล็ด ใช้ความตั้งใจและความประณีตต่างจากกาแฟที่เก็บด้วยเครื่องจักรกลสมัยใหม่
เค้กในร้าน Me Thai Coffee เป็นเค้กที่ดีทั้งภายนอกและภายในนอกจากรูปจะงามแล้วรสชาติยังดีเลิศอีกต่างหากเนียนนุ่มไม่หวานมากเหมาะกับการรับประทานคู่กับกาแฟหรือชาหอมๆของร้านที่สำคัญเค้กเหล่านี้ถูกส่งตรงมาจากแดนไกลจังหวัดเชียงรายโดยบริษัทขนส่งสินค้าที่มีการควบคุมอุณหภูมิความเย็นเป็นอย่างดี
signature ในหมวดเค้กผู้เขียนขอแนะนำเค้กแมคคาเดเมียรสชาติละมุนหวานมันกำลังดีและที่สำคัญแมคคาเดเมียที่เป็นวัตถุดิบสำคัญนั้นปลูกจากสวนที่ปลูกกาแฟอีกด้วยอีกเมนูที่อร่อยไม่แพ้กันคือเค้กฮันนี่เลมอนหอมหวานได้รสชาติน้ำผึ้งดอกลำไยที่ชาวบ้านเลี้ยงเองในพื้นที่สวนละลายในปากเข้ากันกับเลมอนเปรี้ยวหวานสมคำร่ำลือ
“เราอยากกระจายรายได้ให้เกษตรกร เราไม่อยากเป็นคาเฟ่จ๋า แต่เรามองว่าเราเป็นเกษตรกรที่จะขายผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น” เป้าหมายหลักของ Me Thai Coffee คือนอกจากจะทำให้ร้านในกรุงเทพฯ อยู่ได้แล้ว เกษตรกรที่อยู่เบื้องหลังก็ต้องเติบโตไปพร้อมๆ กันได้ด้วย
สินค้าของ Me Thai Coffee มีความผสมผสานระหว่างความธรรมชาติดั้งเดิมของท้องถิ่น วัตถุดิบ การผลิตที่ใส่ใจ การตกผลึกทางความรู้ที่มีอยู่ในครอบครัวเข้าใจธรรมชาติจนสามารถดึงจุดเด่น รวมถึงดันจุดด้อยออกมาให้เด่นได้ ผนวกเข้ากับการปรุงแต่งเพื่อให้เกิดความเป็นสมัยใหม่และจับต้องได้ง่ายสำหรับคนรุ่นใหม่ที่พร้อมเสิร์ฟแล้วในกลางกรุงฯ
ขอขอบคุณสำหรับข้อมูล สถานที่ รวมถึงภาพถ่ายบางส่วนจากทางร้าน และ รัศมิ์ลภัส กัลยาศิลปิน เจ้าของร้าน Me Thai Coffee
ที่ตั้ง ซอยสุขุมวิท 36 (BTS ทองหล่อ) แขวงพระขโนง เขตคลองเตย กทม.
เปิด 07.00 – 19.00 น.
โทร 082-1542645
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
มาเบตงครั้งนี้ นายรอบรู้อยากพาไปสัมผัสกับ สิ่งห้ามพลาด ที่หากว่าพลาดไปแล้ว อาจเรียกว่ามาไม่ถึง เบตง ก็ว่าได้ จะมีอะไรบ้างตามไปดูพร้อมๆกันเลย…
ครั้งแรกที่จิบมอคค่าคุณรู้สึกอย่างไร หอมกาแฟ นุ่มเนียนในอุ้งปากด้วยฟองนมอุ่น และหวานปนขมจากช็อกโกแลต ทั้งหมดนี้คือความรู้สึกเมื่อได้จิบ “มอคค่า” ของ COFFEESTAND & DESIGN อาจเป็นเพราะกาแฟเอสเพรสโซ่ที่เบลนด์เมล็ดจากสี่แหล่ง ไทย อินโดนีเซีย กัวเตมาลา และบราซิล ช่วยชูรสให้นุ่มลึก
เมื่อพูดถึงเมืองกรุงเก่า หรือเมืองประวัติศาสตร์ หลายๆ คนต้องนึกถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า “อยุธยา” เมืองเก่าแก่ระดับตำนานของประเทศไทยที่มีทั้งวัด ตลาดน้ำ เมืองโบราณ
และสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย แถมยังอยู่ใกล้กรุงเทพฯ จะเที่ยววันไหนก็ได้ ไม่ต้องรอหยุดยาว
“ประตูภาคใต้ ไหว้เสด็จในกรม ชมไร่กาแฟ แลหาดทรายรี ดีกล้วยเล็บมือ ขึ้นชื่อรังนก” เป็นคำขวัญจังหวัดชุมพรที่รวบรวมของดีไว้มากมาย และ “กาแฟ” ก็เป็นอีกหนึ่งผลผลิตที่ขึ้นชื่อ ด้วยชุมพรเป็นจังหวัดที่ปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้ามากที่สุดในประเทศไทย โดยมีพื้นที่เพาะปลูกถึง 178,283 ไร่ ผลผลิตรวม 24,424 ตัน/ปี สร้างรายได้ให้เกษตรกรเป็นเงิน 1,500 ล้านบาท ซึ่งผลผลิตดังกล่าว ประมาณร้อยละ 2 จะแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟและกาแฟสำเร็จรูปที่หลากหลายทั้ง 3 in 1 สูตรเข้ม กลมสูตรกล่อม 4 in 1 สูตรสมุนไพร และ 7 in 1 สูตรสมุนไพรไม่ผสมน้ำตาล รับลองว่าทุกแก้วที่คุณดื่มจะได้สัมผัสถึงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ผสานกลิ่นของกาแฟสดแท้จากไร่ เข้มข้นลงตัวในแบบฉบับกาแฟโรบัสต้าแท้ๆ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
สัมผัสวิถีวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุชาวส่วย ลิ้มรสอาหารพื้นถิ่น กินอยู่แบบพอเพียงตามศาสตร์พระราชา ที่บ้านตระกวน หมู่บ้านเล็กๆ ที่จะทำให้คุณหลงรัก
จังหวัดศรีสะเกษ อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารและที่ว่าการอำเภอกันทรลักษณ์ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอเชิญร่วมงาน“วิวาห์พาฝัน รับตะวันสามแผ่นดิน” ประจำปี 2563 ครั้งที่6 ในวันที่14 กุมภาพันธ์ 2563 ณ ผามออีแดง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
เสียงเพลงนุ่งโจง ห่มสไบ แต่งไทยเที่ยวงานวัง เปิดบรรเลงวนไปไม่ขาดช่วง สร้างความครึกครื้นให้กับผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาเที่ยวงาน กวาดสายตามองทั่วบริเวณงานเห็นเด็กตัวเล็กๆ ไปจนถึงผู้สูงวัยร่วมใจกันแต่งชุดไทย ทั้งพื้นที่ของงานถูกโอบล้อมด้วยกำแพงพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ที่ตกแต่งประดับประดาด้วยแสงไฟสีเหลืองทองอร่าม ส่องแสงระยิบระยับทั้งในและนอกงาน เป็นการบอกพิกัดชัดเจนว่าที่นี่ “งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช”
ความสุขของการเดินทางนอกจากการได้พบเห็นสิ่งใหม่ๆ รอบตัวแล้วนั้น หลายคนคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องอาหารการกินในแต่ละสถานที่ที่เราได้ไปถึงก็ถือเป็นเรื่องสำคัญกับการเดินทางเช่นกัน เมื่ออาหารอร่อยควบคู่ไปกับการเดินทางที่แสนรื่นรมย์ อะไรๆ ก็เพลิดเพลินไปหมดจริงไหม
© 2018 All rights Reserved.