งานแสดงช้างสุรินทร์ ประจำปี 2561
นี้ จังหวัดสุรินทร์ได้กำหนดให้มีการจัดงานแสดงช้างฯ ในวันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2561 ที่ยังคงรักษาความโดดเด่นทางด้านขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และความเป็นอัตลักษณ์ชาวเขมร กูย และลาวไว้
หลายครั้งที่เดินทางมายังภาคใต้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพความสวยงามของธรรมชาติและมนต์เสน่ห์แห่งดินแดนพหุวัตนธรรมยังตราตรึงใจเสมอ ทั้งหมดหล่อหลอมจนเป็นวิถีชีวิตและมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าหลงไหล หนึ่งในนั้นคือ วัดชลธาราสิงเห หรืออีกชื่อ ที่มักเจอในหน้าประวัติศาสตร์ไทยคือ วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย
วัดชลธาราสิงเห ตั้งอยู่ที่ ต. เจ๊ะเห อ. ตากใบ จ. นราธิวาส ท่านพระครูโอภาสพุทธคุณ (พุด) เป็นผู้เริ่มก่อตั้งวัดแห่งนี้ เมื่อ พ.ศ. 2403 โดยขอที่ดินจากพระยากลันตัน แต่เดิมเรียกว่าวัดเจ๊ะเหตามชื่อหมู่บ้าน ต่อมาได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการโดยนายอำเภอตากใบคนแรกว่า วัดชลธาราสิงเห ซึ่งแปลว่า วัดริมน้ำที่สร้างด้วยพระภิกษุที่มีบุญฤทธิ์ประดุจราชสีห์ พื้นที่วัดตั้งอยู่บนเนินดินริมแม่น้ำตากใบ ทำให้เวลาเดินเที่ยวชมภายในวัดมักมีลมเย็น ๆ ลอยมาสัมผัสให้ชื่นใจเสมอ
ประวัติเล่าไว้ว่า ในสมัยรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2452 วัดแห่งนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้สยาม ต่อมากลายเป็นไทย ยังคงรักษาดินแดนในพื้นที่ภาคใต้ได้อยู่ จากกรณีแบ่งแยกดินแดนตากใบระหว่าง สยาม กับมลายู ซึ่งในขณะนั้นเป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษ ต่อมากลายเป็นมาเลเซียในปัจจุบัน
โดยอังกฤษได้ทำการปักปันเขตแดนเข้ามาถึงบ้านปลักเล็กเลยจากวัดชลธาราสิงเห 25 กิโลเมตร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเจ้าอยู่หัวจึงทำการแย้ง โดยให้เหตุผลว่าวัดชลธาราสิงเหเป็นวัดไทยที่มีความสำคัญ เป็นมรดกทางที่สำคัญพุทธศาสนา มีสถาปัตยกรรมภายในวัดและศิลปะบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของชุมชน มาเป็นเครื่องต่อรองการแบ่งปันเขตแดน ฝ่ายอังกฤษจึงยอมรับและเลื่อนการปักปันเขตแดนถอยลงไปทางใต้จนถึงลำน้ำโกลก ทำให้ อ. ตากใบ อ. แว้งและ อ. สุไหงโกลก ยังอยู่ในการปกครองของไทยจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่นั้นจึงมีการเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย”
พระอุโบสถตั้งอยู่ประมาณกึ่งกลางของวัด หันหน้าไปทางลำน้ำตากใบ มีสถาปัตยกรรมแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 เป็นอาคารเครื่องก่อ มีชายคาปีกนกลดหลั่นลงมา 3 ชั้น ท่านอาจารย์พุด ได้สร้างพระอุโบสถโดยมอบให้พระไชยวัดเกาะสะท้อนเป็นช่างก่อสร้าง โดยมี พระธรรมวินัย (จุ้ย) และทิดมี ชาวสงขลาช่วยกันเขียนภาพในพระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง 3 ด้าน ยกเว้นแต่ด้านหลังขององค์พระประธาน รวมถึงบนเสาและเพดาน ด้วยความที่มีชาวสงขลามาร่วมวาด ทำให้ภาพเขียนมีลวดลายความเป็นจีนเข้ามา ภาพส่วนใหญ่เป็นพุทธประวัติที่สอดแทรกภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัยนั้น อีกทั้งมีภาพการใช้ชีวิตทั้งคนพุทธ มุสลิม จีน ซึ่งบ่งบอกได้ดีถึงวิถีชีวิตแบบพหุวัฒนธรรมในพื้นที่แห่งนี้มายาวนาน
อาคารที่ปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2498 โดยพระครูสิทธิสารวิหารวัตร เดิมเป็นอาคารกุฏิไม้ทั้งหลังแต่ปัจจุบันมีการต่อเติมบำรุงใหม่และได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากรให้เป็นพิพิธภัณฑสถานวัดชลธาราสิงเหเพื่อเก็บโบราณวัตถุชิ้นสำคัญของวัด จากภาพถ่ายเก่า พบว่ากุฏิสิทธิสารประดิษฐ์เป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ยกพื้นสูง หลังคาเป็นทรงปั้นหยาซ้อนกันหลายชั้น มุงกระเบื้องดินเผา บันไดหน้าเป็นบันไดก่ออิฐถือปูน มีการทำพนักเป็นรูปตัวนาค ปลายหางโค้งงอนรับกับมุขหลังคา ยอดหลังคาตกแต่งด้วยปูนปั้นลายเครือเถา ส่วนมุมหลังคาทำรูปคล้ายหางหงส์หรือหัวนาค
ด้านในมีการจัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้สมัยก่อนทั้งเครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องใช้ในการประกอบอาชีพและอาวุธต่าง ๆ รวมถึงการจำลองเหตุการณ์การลงนามในสัญญาไทย – อังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2451
ในปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จประพาสวัดชลธาราสิงเหและได้มีการสร้างพลับพลาริมแม่น้ำตากใบเป็นที่ประทับซึ่งทางวัดยังรักษาไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ พื้นที่ตรงนี้เป็นลานกว้างริมแม่น้ำให้ได้มานั่งพักผ่อนย่อนใจ ทัศนียภาพโดยรอบเป็นแม่น้ำตากใบอันสวยงาม ไฮไลท์คือสามารถมองเห็นสะพานคอย 100 ปี ทอดข้ามแม่น้ำตากใบไปยังเกาะยาว ตรงนี้เป็นวิวที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดนราธิวาสเลยก็ว่าได้ หากใครมาอย่าลืมมา นั่งเล่นปล่อยอารมณ์ให้ผ่านไปกับสายน้ำและลมเย็น ๆ กันด้วยนะ…สบายอย่าบอกใครเชียว
นอกจากอาคารสถาปัตยกรรมแล้วที่แห่งนี้ยังมีภาษาที่ปัจจุบันหาฟังได้แค่ที่นี้เท่านั้นคือ ภาษาเจ๊ะเห เป็นภาษาถิ่นแต่ดั้งเดิม มีความไพเราะแตกต่างจากภาษาถิ่นใต้ทั่วไป เป็นเอกลักษณ์ของชาวตากใบและจังหวัดนราธิวาสมาจนถึงปัจจุบันนี้
หากใครชอบความสบายและบรรยากาศเงียบสงบสถานแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งที่ควรจะมาท่องเที่ยวสักครั้งหากมีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมและธรรมชาติที่สวยงาม อีกทั้งเต็มไปด้วยวิถีชีวิตของชาวเจ๊ะแห รวมถึงความรู้ด้านประวัติศาสตร์ ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทย
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
นี้ จังหวัดสุรินทร์ได้กำหนดให้มีการจัดงานแสดงช้างฯ ในวันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2561 ที่ยังคงรักษาความโดดเด่นทางด้านขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และความเป็นอัตลักษณ์ชาวเขมร กูย และลาวไว้
ภายใต้บรรยากาศสุดโรแมนติกบนชายหาด พร้อมฟังดนตรีสดเพราะๆและเลือกช็อปของที่ระลึกจากศิลปินภายในงาน รวมถึงอาหารหลากหลายเมนูกับงานเทศกาล Hua Hin International Jazz Festival 2020เพื่อเป็นการมอบความสุขส่งท้ายปี
เป็นร้านซีฟู้ดเก่าแก่ที่เปิดขายตั้งแต่เกาะช้างยังไม่มีเรือเฟอร์รี่ ด้วยวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมบวกรสมือการปรุงชั้นยอดทำให้ร้านเล็กๆ กลายเป็นร้านดังประจำเกาะไปโดยปริยาย
บางกระเจ้า สถานที่สุดฮิตที่นักปั่นไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะได้ชมธรรมชาติที่สวยงาม ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ คุณยังจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชาวบ้านอีกด้วย
© 2018 All rights Reserved.