บนเส้นทางความศรัทธา พระธาตุอิงฮัง
อีกวันหนึ่งเราวางแผนออกไปสำรวจเส้นทางเที่ยวรอบเมืองสะหวันเขต คนส่วนใหญ่จะไปถึงแค่พระธาตุอิงฮัง แต่เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวลาวแนะนำโปรแกรมเที่ยวทั้งวันให้ไปถึงเมืองจำพอนที่อยู่เหนือขึ้นไปประมาณ 80 กิโลเมตร สถานที่ต่างๆ จะอยู่ไม่ไกลจากถนนสายหลักหมายเลข 9 เป็นเส้นทางที่มีที่เที่ยวทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมสวยงามแบบดั้งเดิม
รถวิ่งออกเมืองไปทางเหนือประมาณ 12 กิโลเมตร ก็ถึงบ้านธาตุอิงฮัง ระหว่างทางมีชาวบ้านที่มาตั้งร้านขาย ขันหมากเบ่ง ที่ใช้สำหรับนมัสการพระธาตุ ลักษณะคล้ายๆ พวงมาลัยพานพุ่ม บ้านเราก็มีโดยเฉพาะแถวสกลนคร นครพนม ไม่นานนักก็ถึงพระธาตุอิงฮัง พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่สูงสง่า มีศิลปะลาวที่งดงามเช่นเดียวกับพระธาตุพนม
พระธาตุอิงฮังสร้างในสมัยอาณาจักรศรีโคตบองรุ่งเรือง ประมาณ พ.ศ.400 โดยพระเจ้า สุมิดตะทัน วังสา ตามคำแนะนำของสมณฑูตจากอินเดียในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ที่มีการนำศาสนาพุทธมาเผยแพร่ในดินแดนสุวรรณภูมิ เมื่อสร้างเสร็จมีลักษณะเป็นสถูปเจดีย์ขนาดไม่ใหญ่ แล้วจึงอัญเชิญพระสารีริกธาตุจากกรุงราชคฤห์มาบรรจุไว้ ตำนานอุรังคธาตกล่าวว่าในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดสัตว์โลกและอิงหรือพิงต้นรังบริเวณนี้ จึงตั้งชื่อว่าพระธาตุอิงฮัง
เมื่อถึงศตวรรษที่ 9 อาณาจักรศรีโคตบองได้เสื่อมอำนาจลง ชนชาติขอมได้เข้ามามีอำนาจแทน พระธาตุได้ถูกดัดแปลงเป็นศาสนาสถานของศาสนาพราหมณ์ลัทธิศิวเทพ มีการบูรณะให้ลวดลายประดับตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ ลักษณะของพระธาตุได้เปลี่ยนเป็นทรงปราสาทซ้อนชั้น ต่อมาเมื่อขอมเสื่อมอำนาจลง ปี ค.ศ.1548 พระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง ได้ต่อเติมศิลปะล้านช้างบริเวณซุ้มประตูและเสริมบริเวณยอดให้สง่างาม เป็นพระธาตุกว้างด้านละ 9 เมตร สูง 25 เมตร ดังที่เห็นในปัจจุบัน
คนสะหวันนะเขตเชื่อว่า พระธาตุอิงฮังศักดิ์สิทธิ์มาก ใครมาขออะไรก็มักสมหวัง โดยเฉพาะคนอยากมีลูก เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวลาเธอการันตีด้วยตัวเองแบบเขินๆ วิธีการคือต้องจะเขียนคำขอในกระดาษ ใส่พานวางไว้ให้หมอพร หรือคนที่ติดต่อกับเทวดาได้อ่านออกเสียง เมื่อประสบผลสำเร็จก็ซื้อขันหมากเบ่งมาแก้บน