ลุงรีย์ Farm เกษตรเพื่อตัวเอง และเพื่อแบ่งปัน

ทุกอย่างเริ่มมาจากดิน ก่อเกิดจาก mother of earth ไส้เดือนที่คอยดูแลโลก  ถามว่าเราเคยตอบแทนอะไรดิน หรือรู้จักดินที่เรายืนอยู่บ้างมั้ย  ยืนอยู่ทุกวันนี้ไม่เคยรู้อะไรเลย เกิดมาทำไม และมีประโยชน์กับใครบ้าง

สายของวันอาทิตย์หนึ่ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ มีลมพัดผ่านช่วยคลายร้อน เรานั่งพูดคุยกับ คุณชารีย์ บุญญวินิจ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อลุงรีย์  ชายผู้ไว้หนวดเคราหุ่นหน้ากอดคนนี้เป็นผู้ก่อตั้งลุงรีย์ Farm” ฟาร์มสุดฮิปกลางเมืองซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้การเลี้ยงไส้เดือน เพาะเห็ดมิลกี้ ปลูกผักแบบอินทรีย์ รวมถึงการทำเกษตรสมัยใหม่

เราจึงอยากชวนคุณเข้ามาเยี่ยมชมฟาร์มแห่งนี้ดูสักครั้ง อาจได้แรงบันดาลใจในการทำการเกษตรกลับไปบ้างก็เป็นได้

ฟาร์มลุงรีย์ (2)

จากเจ้าของบริษัทออกแบบที่รู้สึกปวดหัวกับงานที่ทำ ลุงรีย์จึงผันตัวเองไปเป็นพ่อครัว แต่ก็รู้สึกปวดตัวกับการยืนทำอาหารทั้งวัน และการเป็นพ่อครัวนี้เองที่ทำให้เขาเห็นเศษอาหารเหลือทิ้งจนเกิดคำถามว่า เราจะทำอย่างไรได้บ้างกับเศษอาหารเหล่านี้

ช่วงที่ไปบวชอยู่ 1 ปี ลุงรีย์ได้พบกับพระนักพัฒนาผู้สอนให้รู้จักมูลไส้เดือนและประโยชน์มหาศาลของมัน จึงเริ่มสนใจไส้เดือนมาตั้งแต่นั้น และข้อมูลที่ว่าอาหารของไส้เดือนคือเศษอาหารเหลือๆ ก็ตอบโจทย์พอดีกับการจัดการเศษอาหารเหลือทิ้งที่ลุงรีย์หาคำตอบมานาน

คำถามเรื่องเศษอาหาร กับคำตอบว่าไส้เดือน เมื่อบรรจบกับความตั้งใจอยากอยู่บ้าน ทำกับข้าว ผลิตอาหารกินเอง ลุงรีย์เลยเริ่มเลี้ยงไส้เดือน  พอเลี้ยงไปได้ระยะหนึ่งก็เริ่มต่อยอด คิดหาทางทำให้เป็นธุรกิจที่ยั่งยืน พร้อมกับตอบตัวเองด้วยว่าเขาทำประโยชน์ให้กับคนอื่นๆ ได้หรือไม่ จึงเกิดเป็นลุงรีย์ Farm แบบทุกวันนี้

เริ่มต้นจากดิน ที่อยู่ของไส้เดือน

ลุงรีย์ Farm” พื้นที่เรียนรู้การเกษตรแบบคนเมือง ซ่อนตัวอยู่ใน . เพชรเกษม 46 เขตภาษีเจริญ  พื้นที่ไม่ใหญ่มากแต่อัดแน่นด้วยความรู้ที่น่าสนใจมากมาย แถมเปิดให้เข้าเยี่ยมชมทุกวันอาทิตย์ เวลา 10โมงถึงเที่ยง

ทุกสิ่งในฟาร์มเริ่มต้นจากไส้เดือนสามชนิด

ชนิดแรกไส้เดือนพันธุ์แอฟริกัน พาเราไปพบกับปุ๋ยในการปลูกผัก  ต่อมาเป็นไส้เดือนพันธุ์ไทเกอร์ หรือพันธุ์ลายเสือ ซึ่งพาไปพบกับการเลี้ยงสัตว์ กล่าวคือเป็นอาหารของทั้งไก่และเป็ด  และสุดท้ายไส้เดือนพันธุ์สีน้ำเงิน ที่พาไปพบเห็ด เพราะฮอร์โมนและจุลินทรีย์จากไส้เดือนพันธุ์นี้นำไปเป็นเชื้อเพาะเห็ดมิลกี้ได้

ฟาร์มลุงรีย์ (7)

เห็ดมิลกี้ หรือเห็ดหิมาลัย ถือเป็นไฮไลต์หนึ่งของที่นี่  เป็นเห็ดดอกใหญ่ เนื้อหนา ราคากิโลกรัมละนับพันบาท  รสชาติก้านเห็ดเหมือนเนื้อไก่ ส่วนดอกรสเหมือนเนื้อหมึก

มาถึงที่นี่เราจึงไม่พลาดชิมเมนู Pizza Homemade ที่โรยด้วยเห็ดมิลกี้  เสริมด้วย Korean Kimji Set ชุดกิมจิที่ทำจากผักในฟาร์มของลุงรีย์  สองเมนูนี้เป็นเมนูชูโรงซึ่งทำให้เห็นว่า เมนูผักก็อร่อยได้ไม่แพ้เนื้อสัตว์จริงๆ

ไม่ไกลจากโซนอาหาร มีโซนขายของให้คนมาเยี่ยมชมฟาร์มได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์ ดิน ปุ๋ย มูลไส้เดือน หรือตัวช่วยต่างๆ ในการปลูกต้นไม้ เช่น เม็ดบับเบิ้ลดินอัดเม็ดที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนในดิน น้ำหมักจุลินทรีย์ที่ช่วยให้ลุงรีย์เลี้ยงทั้งเป็ด ไก่ และหมูได้โดยไม่ส่งกลิ่นเหม็นใดๆ เลย ทางฟาร์มแบ่งขายตามน้ำหนักที่เราต้องการอีกด้วย

ฟาร์มลุงรีย์ (8)

ขับเคลื่อนโดยไม่ใช้สารเคมี

เมื่อลุงรีย์ให้อาหารไส้เดือนด้วยเศษผัก เขาก็ได้มูลไส้เดือนไปปลูกผักกิน พอมีเศษผักก็เอากลับมาเป็นอาหารไส้เดือนอีก วนเป็นห่วงโซ่เกื้อกูลต่อเนื่องกันไป  พอปลูกผักได้มากขึ้น ลุงรีย์ก็แบ่งปันให้คนอื่น รวมไปถึงความรู้ในการเลี้ยงไส้เดือนและการเพาะเห็ดด้วย

การก้าวเท้าเข้ามาในลุงรีย์ Farm นอกจากได้เรียนรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ เราจึงได้เห็นแนวคิดการพึ่งพาตัวเองและได้รับพลังของการแบ่งปันไปพร้อมๆ กัน

หลังจากผู้คนที่มาเยี่ยมชมฟาร์มทยอยกลับ เรามีโอกาสพูดคุยกับลุงรีย์อีกเล็กน้อย

ลุงรีย์บอกเล่าถึงประโยชน์ของธรรมชาติอย่างน่านำมาขบคิดต่อว่า

ให้ลองป่วยหนักๆ แล้วเราลองมาจับดินปลูกผักดูสักครั้ง เราจะรู้ว่าธรรมชาติสามารถช่วยบำบัดเราได้  เรื่องนี้ลุงรีย์ได้จากการพบผู้ป่วยเยอะๆ แล้วทำให้รู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันช่วยคนอื่นได้เยอะเลย

มนุษย์กระโจนหาสีเขียวอยู่เสมอ กระโจนหาดิน กระโจนหาธรรมชาติ  จริงๆ เราก็ทำไปตามสัญชาตญาณ แต่เราไม่เคยสังเกตตัวเองเลย ว่าเราก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง และในธรรมชาติก็มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่างๆ ที่เราอาจยังมองไม่เห็น แต่มันดึงดูดเราได้เสมอ

เมื่อมองไปรอบๆ ฟาร์ม เราก็ได้เห็นถึงวิธีคิดและสิ่งที่ลุงรีย์ทำ พร้อมกับได้คำตอบว่าทำไมต้องทำเกษตรอินทรีย์

ก็เราปลูกของกินให้มนุษย์ ไม่ได้ปลูกยาพิษ  เราไม่ได้หยิบยาพิษให้คุณ ถ้าเราทำเกษตรอินทรีย์  เราหยิบยื่นของกินให้คุณ คุณจะเคารพผม ขอบคุณผม ผมก็ยินดี  แต่เมื่อผมหยิบยื่นยาพิษให้คุณ ผมก็ฆ่าคุณทางอ้อม  เมื่อเราหยิบยาพิษให้กันก็ไม่ต้องโหยหาความสัมพันธ์ใดๆ อีกเป็นคำตอบอย่างไม่ลังเลจากลุงรีย์

รู้จักตัวเองแบบพอดี มีเหลือแบ่ง ไม่พอก็เติม ไม่ซับซ้อนแต่ใช้เวลาคงเป็นคำจำกัดความที่ลุงรีย์อยากบอกทุกคนที่มาเยี่ยมเยียนฟาร์มของลุง

Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest

Info

ลุงรีย์ฟาร์ม (Uncleree Farm)

ที่ตั้ง . เพชรเกษม 46 แยก 11 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ

เปิด วันอาทิตย์ 10.00-12.00 . (เร็วๆ นี้อาจเก็บค่าเยี่ยมชมฟาร์มเล็กน้อย)

โทร. 06-1414-5242

Previous
Next

Guide ใกล้ : Application คู่ใจคนชอบท่องเที่ยวตัวจริง

Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว

Writer

ธณธร จีนพิทักษ์

ธณธร จีนพิทักษ์

Photographer

ศิริขวัญ เสนะอุปถัมภ์

ศิริขวัญ เสนะอุปถัมภ์

Relate Place

News

“สะเร็นน่า” น่าดู วิถีชาวกูย หมู่ บ้านช้าง งานช้างสุรินทร์

กลุ่มชาวกวยที่เรียกตนเองว่า “กวยตำแร็ย” (กวยช้าง) นับถือผีปะกำ ต้องแสดงความเคารพและถือปฏิบัติเหมือนถือปฏิบัติศีล ๕ แต่มีข้อห้ามและข้อปฏิบัติหลายข้อมากกว่า โดยเฉพาะตอนเข้าปะกำต้องถือโดยเคร่งครัด ทั้งผู้ออกจับช้างป่า และคนในครอบครัวที่อยู่ทางบ้านก็ต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัดเช่นกัน

Travel

เยือนบ้าน “ครูมนตรี ตราโมท” ศิลปิน 5 แผ่นดินสยาม

เสียงขิมบรรเลงเพลงไทยเดิมที่ดังมาจากศาลา หน้าบ้านไม้หลังเก่า “บ้านโสมส่องแสง” ทำให้หวนนึกถึงบทเพลงจากครูมนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติสาขาดุริยางคศิลป์ ศิลปิน 5 แผ่นดินที่แต่งเพลงกว่า 200 บทเพลง

Coffeestand & Design
Coffee

COFFEESTAND & DESIGN : AMPERSAND COFFEE&CHOCOLATE

ครั้งแรกที่จิบมอคค่าคุณรู้สึกอย่างไร หอมกาแฟ นุ่มเนียนในอุ้งปากด้วยฟองนมอุ่น และหวานปนขมจากช็อกโกแลต ทั้งหมดนี้คือความรู้สึกเมื่อได้จิบ “มอคค่า” ของ COFFEESTAND & DESIGN อาจเป็นเพราะกาแฟเอสเพรสโซ่ที่เบลนด์เมล็ดจากสี่แหล่ง ไทย อินโดนีเซีย กัวเตมาลา และบราซิล ช่วยชูรสให้นุ่มลึก

Eat

ฟาร์มคิด ที่คิดมามากกว่าการทำฟาร์ม

บรรยากาศแสนสบายช่วงหัวค่ำในฤดูฝน ท้องนาเขียวขจี แหงนมองบนฟ้ามีเมฆหมอกลอยล่องจางๆ มีผาหินใหญ่บ้านค้างคาวเป็นเบื้องหลังกระทบกับแสงสุดท้ายของวันที่ช่างแสนอบอุ่น เพื่อนร่วมทริปคนนึงที่เชี่ยวชาญพื้นที่แถบนี้บอกกับเราว่า “จะพาไปกินหมูกระทะที่สุดแสนจะพิเศษ” ได้ฟังอย่างนั้นก็แปลกใจเล็กน้อย จนกระทั่งมาถึง..ไม่น่าเชื่อที่อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น จะมีร้านหมูกระทะที่หรูหราด้วยบรรยากาศเช่นนี้