
Sky walk Pattani เส้นทางสวย เหนือป่าชายเลน
ถ้าไม่บอกอาจไม่รู้ว่า ปัตตานีก็มีผืนป่าชายเลนสวยงามไม่แพ้ใคร โดยเฉพาะเวลาที่ได้มายืนมองจากบนมุมสูง แล้วเห็นดวงอาทิตย์กำลังสาดแสงสีทองลงมาห่มคลุมไปทั่วผืนป่า
“บ้านสวนรัฐและภู” แต่งแต้มด้วยพริก มะเขือเทศ กะหล่ำปลี ดูละลานตาไปทั้งเนินเขา พืชผักสารพัดชนิดต่างอวดใบเขียวสด รับบรรยากาศยามเช้าที่แสงอาทิตย์โผล่พ้นยอดเขาแค่เรืองๆ
บนเนินสูงนั้นลึกเข้าไปจากสวนผักมีสภาพเป็นป่ามากขึ้น รถวิ่งอยู่บนเนินเขาสูงชันตัดผ่านแปลงผักของชาวบ้านมุ่งไปยังยอดเขา ไม่นานนักก็มาถึง เราลงจากรถ ยืนมองอุโมงค์เสาวรสเหนือศีรษะ นกตัวน้อยที่จิกกินผลเสาวรสอยู่มองดูเราด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน
สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความร่มรื่นซึ่งปกคลุมทั่วบริเวณ สถานที่แห่งนี้ถูกจัดวางเป็นอย่างดี ที่สำคัญไม่ว่าเราจะมองไปทางไหนก็พบแต่พืชที่เก็บกินได้ทั้งนั้น
มะละกอกล้วยอ้อยขนุนสับปะรดมะเขือพวงยื่นต้นเรียงรายอวดผลชวนให้ต้องไล่สายตาชมทั่วๆ
โดยเฉพาะอะโวคาโดกาแฟมัลเบอร์รีบัวหิมะหรือแม้แต่ซากุระหนึ่งในพืชกว่า 99 ชนิดที่ปลูกในสวนนี้ สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนออกดอกผลตลอดทั้งปี
“รัฐบาล ประจำพรรค์” เจ้าของสวน และน้องชาย “ซ้ง–ณรงค์ศักดิ์ มาลีศรีโสภา” พาเราเดินชมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมทั้งอนุญาตให้เด็ดผลไม้กินได้ตามใจชอบ
พวกเขานำทางเราไปยังอุโมงค์มัลเบอร์รีหรือหม่อนซึ่งออกผลเป็นพวงอยู่บนกิ่งอันเรียวเล็กสีสันฉูดฉาดเย้ายวนให้ลิ้มลอง เราเด็ดกินกันพอประมาณ แต่ก็มากพอที่จะยกนิ้วให้กับรสชาติเปรี้ยวหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของมัลเบอร์รีสวนนี้
ใต้อุโมงค์มีกาแฟอะราบิกาผลดกสีเขียวจ๊าดยื่นต้นทรงพุ่มเตี้ยอยู่ใกล้ๆ คุณรัฐบาลบอกว่า กาแฟอะราบิกาชอบแดดรำไร เขาจึงเลือกปลูกใต้อุโมงค์มัลเบอร์รีนี้ ซึ่งนอกจากจะให้ร่มเงาแล้ว ยังดึงดูดนก แมลง และหนอน เข้ามาบริจาคปุ๋ยธรรมชาติให้กาแฟอีกด้วย
พืชทุกชนิดภายในสวนมีวิธีการปลูกเช่นเดียวกับกาแฟคือปลูกด้วยวิถีเกษตร 5 ระดับตามทฤษฎีของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 อันเป็นการใช้พื้นที่ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นใต้ดิน ผิวดิน ระดับต่ำ ระดับกลาง หรือระดับสูงสุด
ทุกที่ทุกระดับในสวนล้วนมีพืชปกคลุมหนาแน่น โดยอาศัยปุ๋ยหมักจากเปลือกกาแฟเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ดิน ให้ธาตุอาหารที่พืชต้องการด้วยวิธีสะอาดตามธรรมชาติ
การทำเกษตรอินทรีย์ต้องใช้ความประณีตเป็นอย่างมาก ต้องมีความอดทนสูง หมั่นดูแลเอาใจใส่ตามลักษณะพืชแต่ละชนิด คุณรัฐบาลใช้เวลากว่า 5 ปีจึงสามารถเนรมิตที่แห่งนี้ที่เดิมเป็นภูเขากะหล่ำปลีให้กลายเป็นป่ากินได้สำเร็จอย่างที่หวัง
ต้นขนุนขนาดไม่ใหญ่นักแต่สำคัญแบบไม่ธรรมดาเพราะเป็นต้นไม้ชนิดแรกของสวนซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้เขาหันมาทำเกษตรอินทรีย์
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อ 5 ปีก่อน ขณะทำไร่กะหล่ำปลีอย่างเหน็ดเหนื่อย ซ้ำวันนั้นแดดก็ร้อนเกินปกติ คุณรัฐบาลเลยไปหลบแดดใต้ต้นขนุน แล้ววินาทีนั้นเองเขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ขนาดมีต้นไม้แค่ต้นเดียวยังให้ร่มเงาที่เย็นสบายถึงเพียงนี้ แล้วถ้าปล่อยพื้นที่ทั้งหมดให้เป็นป่าล่ะจะดีขนาดไหน?
วันต่อมาเขาลงมือทำทันทีเริ่มจากปลูกกล้วยหอมตามด้วยมัลเบอร์รีกาแฟอะโวคาโดและขนุนในเวลาไล่เลี่ยกันจากนั้นก็เข้าอบรมตามศูนย์เรียนรู้ต่างๆแล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของตน
คุณรัฐบาลค่อยๆ ปลูกด้วยความเอาใจใส่ ไม่นานนักสวนของเขาก็เต็มไปด้วยพืชผลทั้งเนินเขา
ผลผลิตจากสวนนำมาแปรรูปได้หลายอย่าง เช่น แยมมัลเบอร์รี แยมสับปะรด แยมขนุน ทาขนมปังได้อร่อย ผลเสาวรสที่ออกตลอดปีนำมาคั้นน้ำสดๆ รสเปรี้ยวหวานกลมกล่อม เป็นสมุนไพรชั้นดีช่วยบำรุงผิวและสายตา ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย
และผลิตภัณฑ์แปรรูปประจำสวนที่ขายดีแบบเทน้ำเทท่าก็คือไวน์มัลเบอร์รีซึ่งหมักสดจากผลมัลเบอร์รีรสชาติคล้ายน้ำผลไม้กลิ่นหอมชวนดื่มไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์มารบกวนแม้แต่น้อยจึงขายดีจนผลิตไม่ทันลูกค้าต้องสั่งจองล่วงหน้า
เราลองชิมดูแล้ว รสชาตินุ่มละมุนจริงๆ ทั้งยังสัมผัสถึงความอุ่นของไวน์กรุ่นอยู่ในลิ้น มัลเบอร์รีที่ใช้หมักไม่มีสารเคมีใดๆ เจือปน เราจึงจิบรสกรุ่นละมุนนี้ได้อย่างไม่ต้องกังวล
“ผมไม่ได้ดูแลสวนเพียงอย่างเดียว สวนก็ดูแลผมด้วย” คุณรัฐบาลพูดถึงความสุขของการทำสวน ว่าอยู่ที่การเฝ้ามองดูต้นไม้ต้นไร่ออกดอกออกผล ซึ่งเป็นการเยียวยาคนปลูกไปด้วยในตัว
นอกจากนี้คนทำสวนยังได้สูดอากาศดีๆ สุขภาพแข็งแรงจากพืชผักที่สามารถเด็ดกินได้โดยไม่ต้องล้าง อยากกินอะไรก็เพียงแค่เดินไปรอบสวน
ปัจจุบันคุณรัฐบาลมีรายได้วันละ 500-600 บาทเป็นอย่างต่ำ แต่เงินไม่ได้สำคัญกับเขามากนัก เพราะเขามีอาหารพร้อมอยู่แล้วในสวน เป้าหมายขั้นต่อไปของเขาคือ สร้างสวนเกษตรอินทรีย์แห่งนี้ให้เป็นต้นแบบสำหรับผู้ที่สนใจ โดยยินดีเปิดรับทุกคนที่มาเยือนด้วยความเต็มใจ
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ถ้าไม่บอกอาจไม่รู้ว่า ปัตตานีก็มีผืนป่าชายเลนสวยงามไม่แพ้ใคร โดยเฉพาะเวลาที่ได้มายืนมองจากบนมุมสูง แล้วเห็นดวงอาทิตย์กำลังสาดแสงสีทองลงมาห่มคลุมไปทั่วผืนป่า
“นายรอบรู้” ขอนำเสนอนำเสนอ 6 สถานที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางรถไฟฟ้าสายที่ม่วง ที่สามารถเดินทางได้ง่ายๆ ไม่ไกลจากสถานี….แต่จะมีที่ไหนบ้าง จะสวยแค่ไหนไปดูกันเลย…
หลายคนมักจะพลาดความงดงามของเมืองรองอย่างจังหวัดอ่างทอง ด้วยเพราะคิดว่าเป็นเมืองผ่าน แต่วันนี้นายรอบรู้ ขออาสาพาไปเปิดลายแทงตามหาสุดยอดแลนด์มาร์ค อ่างทอง เมืองรอง ต้องห้ามพลาด!
ตลาดน้ำกวางโจว สถานที่ท่องเที่ยวสุดชิลล์ใน ต. ยางน้ำกลัดเหนือ อ. หนองหญ้าปล้อง จ. เพชรบุรี แต่เดิมอุทยานน้ำตกกวางโจว ได้ถูกทำลายระบบนิเวศน์จนน้ำตกธรรมชาติแห้งแล้งขาดสมดุล แต่ในปี พ.ศ.2550 ได้มีการริเริ่มจัดทำโครงการฟื้นฟูพื้นที่นี่ขึ้นมาใหม่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ถ้าให้นึกถึงร้านรีฟิลล์ย่านอ่อนนุช คงหนีไม่พ้นร้าน Better Moon x Refill Station ที่เพียงแค่เลี้ยวเข้ามาใน ซ. สุขุมวิท 77/1 ก็จะพบร้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวดูร่มรื่นแล้ว
WHISPERING café เป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่อยากให้ทุกคนมาสัมผัสธรรมชาติและใช้เวลาในสวน คาเฟ่แห่งนี้เกิดจากความตั้งใจของ ศิริลักษณ์ ริ้วบำรุง หรือคุณปิ๋ม ที่อยากมอบสิ่งดีๆให้กับคนที่แวะมาเยี่ยมเยือน ด้วยการนำผลผลิตออร์แกนิกในสวนมาทำอาหารและเครื่องดื่ม
ขอนแก่น : ไก่ย่างร้านนี้ต่อให้กินคนเดียวทั้งตัวก็ไม่กลัวสายตาใครมอง ความที่หอมกลิ่นกระเทียมพริกไทยเสียเหลือเกิน แถมย่างจนหนังกรอบขณะที่เนื้อข้างในนุ่มลิ้น ซ้ำมีส้มตำรสเด็ด ทั้งตำปู ตำไทย ตำโคราช ให้แซบหลายคู่กัน
โฮงเจ้าฟองคำเป็นบ้านทรงล้านนาที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ปัจจุบันเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ต้องมาแวะชมเพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างน่าประทับใจ นับตั้งแต่เดินเข้าประตูรั้วสู่บริเวณบ้านที่ร่มรื่นมาจนถึงโฮงเจ้าฟองคำ
© 2018 All rights Reserved.