
เยาวราช เดินเที่ยวตลาดของไหว้เจ้า – รับวันตรุษจีน
ตรุษจีน เป็นหนึ่งในเทศกาลไหว้เจ้าที่ใหญ่ที่สุดในรอบปี ช่วงนี้ตามตลาดขายของไหว้เจ้า ทั้งเป็ด ไก่ ผลไม้ ขนม เครื่องกระดาษ ฯลฯ จะคึกคักสุดๆ
เมื่อมีสิ่งหนึ่ง เราจะโหยหาอีกสิ่งหนึ่ง เมื่อเราอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยความเจริญ เราจะโหยหาธรรมชาติ ทุกวันนี้เราต่างมองหาความสมดุลของการใช้ชีวิต พื้นที่สีเขียวในเมืองใหญ่เป็นภาพที่มองหาได้ยาก แต่ใช่ว่าจะหาไม่เจอ ดังเช่นที่ Sansiri Backyard @T77 Community สถานที่เช็กอินแห่งใหม่ย่านสุขุมวิท
“เราอยากให้พื้นที่ 15 ไร่ตรงนี้ เป็นศูนย์การเรียนรู้ เป็นพื้นที่สีเขียวที่มีประโยชน์” คุณอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) บอกถึงที่มาของสวนกลางกรุงแห่งนี้
Sansiri Backyard @T77 Community ถูกสร้างขึ้นในพื้นที่ 15 ไร่ภายใต้แนวคิด 3G คือ Green-สร้าง Grow-ปลูก Give-แบ่งปัน เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นสถานที่พักผ่อนให้คนที่มาเยี่ยมชม และยังมีกิจกรรมให้ผู้ปกครองได้ทำร่วมกับลูกหลานทุกอาทิตย์ กิจกรรมหลักคือการเพ้นต์กระถาง และวันเสาร์–อาทิตย์เป็นกิจกรรมเก็บไข่ไก่
สวนของที่นี่เป็นสวนออร์แกนิก เมื่อเดินเข้าไปในสวนจะพบกับผักผลไม้เจ็ดสีซึ่งปลูกหมุนเวียนตามฤดูกาล เช่น กรีนโอ๊ก อัญชัน ฟักทอง มะเขือม่วง กะหล่ำปลี บัตเตอร์นัต มัลเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี แตงโม มะเขือเทศ มะละกอ ข้าวโพด พริกหยวก เมล่อน ฯลฯ
ภายในฟาร์มมีการนำเทคโนโลยี iFarm (Intelligent Farm) เข้ามาช่วยเรื่องการเพาะปลูก เช่น วัดความชื้น ควบคุมอุณหภูมิผ่านทางจอทีวี รวมถึงใช้ระบบควบคุมวาล์วน้ำแบบไร้สาย นอกจากแปลงเพาะปลูกก็มีบ่อเลี้ยงปลาทับทิม 500 ตัว และพื้นที่เลี้ยงไก่ไข่อารมณ์ดีอีกราว 30 ตัว
บริเวณฟาร์มยังมีทุ่งดอกปอเทืองสีเหลืองอร่ามที่ไม่ได้มีไว้ถ่ายเซลฟี่สวยๆ อย่างเดียว แต่ใช้ประโยชน์จากต้นปอเทืองในการปรับสภาพหน้าดินให้ดีขึ้นด้วย อันมีจุดเริ่มต้นจากโครงการพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง การหว่านปอเทืองครั้งหนึ่งจะช่วยปรับปรุงหน้าดินได้ถึง 15 ปีทีเดียว
คนเมืองที่อยากมีสวนผักเพื่อสุขภาพเป็นของตนเอง แต่ไม่มีพื้นที่ปลูก ที่นี่มีบริการ My Farm ให้เช่ากระบะปลูกขนาด 1×1 เมตร รวมค่าซื้อคอร์สในราคา 1,000 บาท แล้วคนเช่าเลือกว่าอยากปลูกอะไร ทางฟาร์มก็จะมีคนปลูกและดูแลให้ ใกล้ๆ กันยังมีแปลงผัก Self-Harvest ที่เปิดให้คนมาตัดผักเพื่อนำไปปรุงอาหารเองด้วย
หลังจากเดินชมสวนและทำกิจกรรมในฟาร์มจนหมดแรงแล้ว ก็มีร้าน My Backyard Farm & Café ให้นั่งพักขาเติมพลัง คาเฟ่นี้ยังคงความเป็นออร์แกนิกอยู่ อาหารและเครื่องดื่มเป็นเมนูสุขภาพเกือบทั้งหมด ข้อสำคัญคือเขาใช้วัตถุดิบที่มีในฟาร์มและวัตถุดิบปลอดสารเคมีมาปรุงเมนูต่างๆ โดยจะเปลี่ยนวัตถุดิบไปตามฤดูกาล
หลังฝ่าอากาศร้อนจากข้างนอก พอเข้ามาในร้าน เครื่องดื่มที่ลูกค้าสั่งเยอะมากจะเป็นน้ำเสาวรสซึ่งใช้เสาวรสสด รสเปรี้ยวๆ ช่วยให้รู้สึกสดชื่น ดับกระหายได้เป็นอย่างดี
ส่วนเมนูอาหารที่ลูกค้าชื่นชอบนั้นเป็นเมนูแนะนำของทางร้านด้วย คือสลัดมายแบ็กยาร์ด วัตถุดิบหลักจะเป็นอะโวคาโดกับมะม่วงน้ำดอกไม้ ความมันจากอะโวคาโดและความหวานของมะม่วงคลุกเคล้ากับน้ำสลัดเสาวรสสดรสเปรี้ยว กลายเป็นความอร่อยที่ลงตัว กินแล้วชุ่มปากชุ่มคอ
ต่อมาเป็นเมนูอมาตริเชียน่า รสชาติคล้ายคาโบนาร่า แต่มีรสเผ็ดจากซอสพริกและเครื่องเทศ ด้วยสูตรพิเศษที่ทางร้านคิดเอง เมนูถัดมาคือปลากะพงย่างและซอสสมุนไพร น้ำซอสทำจากใบโหระพา กินคู่กับปลากะพงย่างและมันเทศได้รสแบบไทยๆ อร่อยเข้ากันดี
ใครต้องการซื้อผักผลไม้สดๆ ปลอดสารเคมีติดไม้ติดมือกลับบ้าน ทางคาเฟ่ก็มีให้เลือกซื้อหลากหลายชนิด
มา Sansiri Backyard นอกจากจะได้สัมผัสธรรมชาติแล้ว ยังได้เรียนรู้การปลูกผัก ได้ทำกิจกรรมอย่างเพลิดเพลิน และได้ชิมอาหารที่สด อร่อย ปลอดภัยจากสารเคมีอีกด้วย ที่นี่จึงนับเป็นอีกความสมดุลหนึ่งของวิถีชีวิตคนเมืองใหญ่
ที่ตั้ง ซ. สุขุมวิท 71 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
ร้าน My Backyard Farm & Café เปิด 07.00-22.00 น. โทร. 06-2525-9914
สวนผัก Sansiri Backyard เปิด 07.00-18.00 น. โทร. 0-2027-7888
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ตรุษจีน เป็นหนึ่งในเทศกาลไหว้เจ้าที่ใหญ่ที่สุดในรอบปี ช่วงนี้ตามตลาดขายของไหว้เจ้า ทั้งเป็ด ไก่ ผลไม้ ขนม เครื่องกระดาษ ฯลฯ จะคึกคักสุดๆ
“เทศกาลเที่ยวพิมายและการแข่งขันเรือยาวชนะเลิศถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี ๒๕๖๑” ระหว่างวันที่ ๗ – ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย บริเวณลานพรหมทัต และลำน้ำ จักราช อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
สถาปัตยกรรมเปี่ยมเสน่ห์เก๋ล้ำด้วยวัฒนธรรม 2 ทวีป คือคำจำกัดความของสถาปัตยกรรมใจกลางเมืองภูเก็ตอย่างตึกชิโนโปรตุกีส ที่ผสมผสานการตกแต่งของชาวจีนและรูปแบบการสร้างสไตล์ยุโรปไว้ได้อย่างลงตัว แต่เพราะต้องการยกย่องโปรตุเกส ชาวยุโรปชาติแรกที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับภูเก็ต จึงเรียกสถาปัตยกรรมนี้ว่า ชิโน-โปรตุกีส
“สะเร็นน่า” น่าไป ปราสาทตาเมือน จุดเชื่อมสองแผ่นดิน สุรินทร์ดินแดนร่ำรวยปราสาท เพราะมีปราสาทอยู่ถึง ๓๙ แห่ง สันนิษฐานว่าสมัยขอมเรืองอำนาจ สุรินทร์คงเป็นดินแดนหนึ่งที่อยู่ในเส้นทางการไปมาของขอมโบราณ จึงได้สร้างปราสาทขึ้นตามเส้นทางสัญจร ปราสาทในจังหวัดสุรินทร์เป็นปราสาทขนาดเล็ก ที่โดดเด่นคือปราสาทศีขรภูมิ ที่อำเภอศีขรภูมิ เพราะอยู่ในชุมชน มีความสมบูรณ์ สวยงาม และปราสาทภูมิโปนที่อำเภอสังขะ เพราะเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย มีความสัมพันธ์กับนิทานท้องถิ่นเรื่อง “เนียงเด๊าะทม” (นางนมใหญ่) ธิดากษัตริย์ขอมที่มาพักเพื่อหลบหนีภัยสงคราม แต่สำหรับครั้งนี้จะขอนำเสนอปราสาทริมชายแดนที่เป็นจุดร่วมของคนเดินทางระหว่างคนเขมรต่ำ-เขมรสูงในอดีต ซึ่งก็คือกลุ่มปราสาทตาเมือน กลุ่มปราสาทตาเมือน ประกอบด้วยปราสาท ๓ หลังที่บ้านหนองคันนาสามัคคี ตำบลตาเมืยง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
Bangkok Story คาเฟ่เล็กๆ ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง และเหมือนได้เข้ามาในร้านกาแฟสมัยที่คุณปู่คุณย่าชอบมานั่งจิบกาแฟ กินอาหารเช้า อ่านหนังสือพิมพ์ และพูดคุยกันท่ามกลางกลิ่นกาแฟหอมอบอวล ร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาว-สีเหลืองไข่ไก่สบายตา ประตูหน้าต่างเป็นไม้แบบเก่าทั้งหมด ทั้งยังมีขวดโหลใส่ของแห้งตกแต่งผนังร้าน ชวนให้รู้สึกถึงบรรยากาศร้านขายของในยุคก่อน เลือกที่นั่งได้แล้ว ทางร้านจะเสิร์ฟชุดน้ำชาจีนร้อนๆ เป็นการต้อนรับ มีขนมขาไก่ใส่ไว้ในโหลแก้วให้ลูกค้าตักชิมได้ฟรีไม่คิดเงิน ที่นี่นอกจากจะเป็นร้านกาแฟ ชั้นบนยังเปิดเป็นโฮสเทลด้วย สนนราคาค่าเช่าพักคืนละ 650 บาทเท่านั้น คุณสรรภพ พูลสุวรรณ หรือคุณโจ้ เจ้าของร้าน เปิดบริการห้องพักโฮสเทลอย่างเดียว แล้วลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติชอบไปกินอาหารสตรีตฟู้ด บางร้านถ้าปรุงไม่สะอาด กินแล้วก็ป่วย
ปลายฤดูฝนฉ่ำ “นายรอบรู้” อยากชวนมาเยือนอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี ที่ยังอุดมสมบูรณ์ น่าแวะมาพักใจ พักกาย ให้ธรรมชาติช่วยชาร์จแบตชีวิตดีกว่า
“นายรอบรู้” ตั้งกล้องล็อกมุมเก็บภาพความงาม ณจุดชมทะเลหมอกบ้านบนนานับเป็นจุดไฮไลต์ของการชมทะเลหมอกที่ต้องมาสัมผัส
นายรอบรู้” ขอพาคุณมาอิ่มอร่อยและผ่อนคลายในบรรยากาศอบอุ่นร่มรื่นท่ามกลางต้นไม้ สนามหญ้า และสระน้ำ พร้อมลิ้มลองรสชาติที่หลากหลายจากเมนูอาหารที่ใส่ใจต่อสุขภาพตั้งแต่ต้นทางผู้ผลิตจนถึงปลายทางผู้บริโภค
© 2018 All rights Reserved.