
งานลอยกระทงกาบกล้วย เมืองแม่กลอง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอเชิญเที่ยวงานลอยกระทงกาบกล้วย เมืองแม่กลอง ในวันที่ 22-23 พฤศจิกายน 2561 ณ วัดภุมรินทร์กุฎีทอง และอุทยาน ร.2 จังหวัดสมุทรสงคราม
แสงเหลืองอ่อนขึ้นอยู่เหนือศีรษะ คือสัญญาณการมาถึงของเช้าวันใหม่ที่ย่างเยื้องเข้ามาด้วยความแช่มช้า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างช่างดูว่างเปล่าอย่างไร้สีสัน ไม่เฉพาะเพียงทิวทัศน์อันสุดแสนวิจิตรของทุ่งนาเขียวขจี หรือเสียงเจื้อยแจ้วของนกกระจาบคู่รักบนต้นตาลโตนด ที่ยืนเด่นอยู่ริมอ้างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก หากแต่ภายในหัวใจของผม กลับรู้สึกว่างเปล่า และคลุมคลั่งไปด้วยความหดหู่ บางครั้งทำให้รู้สึกได้ว่า กลางวันและกลางคืน เป็นเพียงความรู้สึกยามเมื่อร่างกายเหนื่อยล้าเท่านั้น
ผมชำเลืองมองออกไปสุดสายตา ตรงบริเวณที่สายลมกำลังพัดพริ้วด้วยแรงเหนื่อยอ่อน ตรงที่มีเสียงอึกทึกของนกนับร้อยสายพันแผ่วผ่านมาด้วยความแช่มชื่น ชำเลืองมองไปที่ปลายสุดของเส้นขอบฟ้า พลันจึงเกิดความคิดอันสุดแสนประหลาดขึ้นมา นั้นคือความสุขที่ผมได้ทำล้นหายไปเมื่อนานแสนนาน
อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก มีขนาดพื้นที่กว่า 3,876 ไร่ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำซึ่งดึงดูดนกประจำถิ่นและนกอพยพตามฤดูกาลมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ที่นี่เป็นจุดศูนย์รวมของนกไม่น้อยกว่า 170 ชนิด ไม่ว่าจะนกขมิ้นท้ายทอยดำ นกกระเต็นน้อย นกยอดหญ้าหัวดำ หรือแม้แต่นกที่เคยสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยมาแล้ว นั้นคือ นกกระเรียนพันธุ์ไทย ก็สามารถหาพบได้ที่อ่างเก็บน้ำแห่งนี้
ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นแหล่งชุ่มน้ำ ทั้งยังมีระบบนิเวศน์ที่หลากหลาย รวมถึงมีที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์มากนัก จึงไม่แปลกที่อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ จะเป็นแหล่งชุมนุมของทั้งมนุษย์และสัตว์ ให้มาพักผ่อนหย่อนใจ เพื่อหลีกหนีชีวิตอันแสนเหน็ดเหนื่อยและวุ่นวายในวันทำงาน
ผมมาถึงที่นี้เป็นเวลาสายมากแล้ว เป้าหมายของผมคือการได้พบนกกระเรียนพันธุ์ไทยสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ขณะที่ยืนมองดูดอกบัวบนผิวน้ำโยกเยกโอนเอน มีลมเย็นปะทะกับใบหน้า จึงสูดลมเย็นเข้าไปให้ชุ่มปอด ได้กลิ่นหอมของดอกไม้คละคลุ้งมากับสายลม เป็นกลิ่นหอมที่สูดดมแล้วทำให้รู้สึกสบายใจ เสียงนกนานาชนิดกู่ร้องแข่งขัน นกเป็ดน้ำที่เดินอยู่บนตะไคร่น้ำ จ้องมองดูผมด้วยความสงสัย มันก้ม ๆ เงย ๆ พร้อมทั้งใช้จะงอยปากอันเล็กแหลมจิกกินตะไคร้น้ำเข้าไป เงาของมันสั่นกระเพื่อมไปพร้อมกับคลื่นเล็ก ๆ ลอนลาดไปตามกระแสน้ำ ผมพยายามเดินเข้าไปให้ใกล้มากกว่านี้ แต่มันกลับบินหนีไปเสียก่อน
ฉับพลัน ตรงบริเวณท่าน้ำทางทิศใต้ ใกล้กับหอดูนกและต้นหว้าใหญ่ ชายคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับการสวมชุดไอ้มดแดง ผมหยุดชะงักเมื่อเห็นเขา จึงละความสนใจจากการดูนกไปชั่วขณะหนึ่ง เขาเองก็มองมาที่ผมด้วยสายตาที่เป็นมิตรไม่ต่างกัน
ผมเดินตรงไปที่เขาอย่างไม่รั้งรอ และดูเหมือนว่าเขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าผมกำลังสนใจในตัวเขา แต่กลับเป็นผมเอง ที่รู้สึกประหม่า
หลังจากพูดคุยได้สักพักใหญ่ จึงทราบว่าไอ้มดแดงหนุ่มผู้นี้ มีชื่อว่า สมเจตน์ ยุงรัมย์ หรือ ‘เจตน์’ อายุ 18 ปี เป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์โดยกำเนิด เขามักจะเดินทางมาที่อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากทุกวันเสาร์ เพื่อถ่ายรูปคอสตูมของตัวเองร่วมกับทัศนียภาพอันงดงามของอ่างเก็บน้ำ และนำภาพที่ได้ไปเผยแพร่ในเพจ ‘Fc กูบ้าไรเดอร์’ ซึ่งเขาเป็นแอดมินอยู่
ไม่เพียงเท่านั้น เขาได้ใช้ช่วงเวลาระหว่างนี้ บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ด้วยการเก็บขยะ ที่ตกเรี้ยราดไปตามพื้นถนน และบริเวณทั่วไปของอ่างเก็บน้ำ เพื่อแสดงจุดยืนให้ผู้คนได้ตระหนักถึงปัญหาขยะ ที่จะทำให้ทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำเสียหาย
เจตน์บอกว่า เขามีความสุขกับการได้สวมชุดไอ้มดแดง แม้ชุดของเขา จะดูเก่าและขาดรุยไปบ้าง แต่ก็เป็นชุดที่เขาปักขึ้นมาด้วยลำแข้งของตัวเอง โดยดัดแปลงมาจากเสื้อผ้าเก่า ๆ ที่ไม่ใช้แล้ว แต่ก็ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีค่า ที่ได้มอบความสุขแก่คนทั่วไป และที่สำคัญก็คือ เขามีความสุขกับการได้เป็นฮีโร่ในชีวิตจริง ฮีโร่ที่เขาชื่นชอบมาตั้งแต่ยังเด็ก
ผมมองดูเขาปั่นจักรคู่ใจผ่านไป บนเส้นทางที่สร้างขึ้นมาสำหรับปั่นจักรยานโดยเฉพาะ มันดูคล้ายฉากในภาพยนตร์เรื่องไอ้มดแดงไม่มีผิด ฉากที่ไอ้มดแดงค่อย ๆ ลับหายไปพร้อมกับไอของแสงแดดอันร้อนผ่าว ซึ่งไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นไอ้มดแดงตัวเป็น ๆ ที่จะหาโอกาสได้พบกันนั้น ช่างยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน
แสงของดวงตะวันหม่นลงเนื่องจากถูกบดบังโดยหมู่เมฆ ผมตัดสินใจเดินลุยเข้าไปในดงของป่ากก ซึ่งมีขนาดสูงไม่ต่ำกว่าหนึ่งเมตรครึ่ง ลำต้นมีขนาดเท่ากับนิ้วมือ มองออกไปไกลหน่อย จะเห็นฝูงวัว – ควาย ยืนกินหญ้าไปพลาง ส่งเสียงร้อง “มอ มอ มอ” ไปพลาง โดยมีนกกะยางเกาะอยู่บนหลังของมัน สำหรับผมนี้คือภาพหาดูยากอีกภาพหนึ่ง เพราะเคยเห็นแต่นกเอี้ยงเลี้ยงควายเฒ่า ไม่เคยเห็นนกกะยางเลี้ยงควายเฒ่าสักที
ในดงของป่ากก มีรอยทางขนาดใหญ่ที่ฝูงควายใช้เดินเข้าไปกินน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ผมเดินไปตามรอยทางนั้น ด้วยความที่ไม่อยากแหวกป่ากกเข้าไปให้ฝูงนกแตกตื่น จึงค่อย ๆ ย่องช้า ๆ เข้าไป และซุ่มดูฝูงนกกระสาจำนวนหลายร้อยตัวโดยที่พวกมันไม่รู้ตัว
แค่ลมสะบัดพัดโบกเพียงเบา ๆ ฝูงนกกระสาก็สบายปีกของมันออก เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ก็ราวกับถูกสะกดโดยมนต์เสกสร้างจากจิตรกรผู้เลื่องชื่อ บนท้องฟ้า นกกระสาจำนวนมากสยายปีกร่อนฟ้า ร่อนเหินวิหคกันอย่างอิสระ โดยมีแผ่นฟ้าสีครามทาทาบเป็นฉากหลัง พวกมันบินว่อนไปมาอย่างพร้อมเพรียง คล้ายกับกองบินที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี แค่เพียงอึกใจเดียวเท่านั้น พวกมันก็ย้ายไปอยู่อีกฝากหนึ่งด้วยความเร็วรี่ และอยู่ในอาการที่ซุกซนในแบบของมัน คือหยอกล้อเล่นกัน และแย่งอาหารกัน ไปตามประสานกพี่น้องที่คุ้นเคย
เวลาล่วงเลยไป ยังไม่พบนกกระเรียนพันธุ์ไทยสักตัวเดียว นึกท้อถอนใจว่า วันนี้คงจะกินแห้วอีกตามเคย จึงเดินออกมาจากป่ากก โดยที่เนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หมดเรี่ยวแรงอย่างไรก็บอกไม่ถูก ได้แต่คิดปลอบใจตัวเองว่า อย่างน้อยก็ได้พบนกนานาชนิด เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ขณะที่เดินออกมาด้วยความสิ้นหวัง ก็มีเสียงร้องอันแปลกประหลาดดังขึ้น เสียงนั้นแผดกราวออกมาจากดงกกที่อยู่ไม่ห่างจากตัวผมเท่าไหร่นัก จึงเพ่งมองไปตามเสียงด้วยความสงสัย
นกกระเรียนพันธุ์ไทยสองตัวยืนหันหลังให้กับผม คาดว่าคงจะเป็นนกกระเรียนคู่รัก ที่กำลังต้องการเวลาส่วนตัว ตัวผู้คงรำคาญใจที่ถูกรบกวนโดยผม มันสยายปีกออกจนเห็นขนสีเทาปนขาว ตัวของมันสูงใหญ่กว่าต้นกกเพียงเล็กน้อย ลำคอเรียวมีสีแดงเข้มคล้ายกับผลสตอเบอรี่สุก ขาของมันยาวมาก และจะงอยปากยาวไม่แพ้กัน
เจ้าตัวผู้เริ่มร้องคำรามดังขึ้น น้ำเสียงแฝงไปด้วยความก้าวราว ไม่นานนัก พวกมันก็ตวัดปีกสะบัดตัวลอยขึ้นฟ้า เสียงปีกกระทบกับมวลอากาศดัง พรึบพรับ ก้องกังวานไปทั่วบริเวณ แล้วพวกมันก็บินหนีตามกันไป ก่อนจะร่อนลงตรงบริเวณของแหล่งน้ำอีกแหล่ง อย่างสง่างาม
สิ่งที่โรแมนติกที่สุด คือไม่ว่าพวกมันจะบินไปที่ใด พวกมันจะไม่ยอมแคล้วคลาดจากกันเป็นอันขาด
แทบไม่น่าเชื่อว่าการได้พบนกกระเรียนพันธุ์ไทยเพียงไม่กี่นาที จะทำให้ผมรู้สึกมีความสุขได้มากขนาดนี้ อาจเป็นเพราะการได้พบนั้นยากเย็น จึงทำให้การพบกันนั้นมีค่า ต้องขอบคุณนักอนุรักษ์และผู้เกี่ยวข้อง ที่ช่วยปลุกชีพนกกะเรียนพันธุ์ไทย ที่เคยสูญหายไปจากผืนป่าธรรมชาติ ให้กลับมามีชีวิตอิสระ โผบินโลดแล่นในถิ่นกำเนิดอีกครั้ง
ที่ตั้ง ตำบล บ้านบัว อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอเชิญเที่ยวงานลอยกระทงกาบกล้วย เมืองแม่กลอง ในวันที่ 22-23 พฤศจิกายน 2561 ณ วัดภุมรินทร์กุฎีทอง และอุทยาน ร.2 จังหวัดสมุทรสงคราม
แจกฟรี Gift Voucher ร้าน CORO Field จำนวน 4 รางวัล รางวัลมูลค่า 500 บาท 4 รางวัล ใช้ได้ถึง 31 ธ.ค. 2563
หมอลำเป็นมหรสพที่อยู่ในวิถีชีวิตของชาวอีสานมาอย่างยาวนาน มีความหลากหลายและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่เคยหยุดนิ่ง ทั้งปรากฏอยู่ในพิธีกรรมต่างๆ และเป็นมหรสพเพื่อความบันเทิง ปัจจุบันถูกพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัยและเทคโนโลยีมากขึ้น ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในนาม “หมอลำซิ่ง”
“โรงสี” ร้านอาหารไทยสุดพรีเมี่ยม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในโครงการท่าเรือประวัติศาสตร์ “ล้ง1919” ที่ “นายรอบรู้” อยากแนะนำให้มาลิ้มรสอาหารในคอนเซ็ปต์ Authentic Thai Seafood ที่ครบเครื่องเรื่องความพิถีพิถัน และความใส่ใจในทุก ๆ จานตามสไตล์ของเครือ Iberry
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ถ้าอยากสัมผัสความรู้สึกของนกตัวน้อยที่เดินเล่นอยู่บนยอดไม้ “นายรอบรู้” อยากชวนมาเปิดประสบการณ์ใหม่ ด้วยการเดิน Canopy Walkway หรือ ทางเดินเหนือเรือนยอดไม้ ที่สวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จังหวัดเชียงใหม่ – แล้วจะพบว่ามันเพลินมาก!
คนสายรักษ์โลกจะถูกใจกับร้านนี้ “Less Plastic Able” ร้านรีฟีลล์เล็กๆ ย่านฝั่งธน-วงเวียนใหญ่ ที่สามารถนำภาชนะอย่างขวดพลาสติกใช้แล้วมาบรรจุผลิตภัณฑ์ที่เลือกซื้อจากร้านได้อ
“หาบขนมจีนแก้บน ยลพระนอนแห่งทุ่งโพธิ์ทอง ขอพรพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาหินที่ใหญ่ที่สุดในโลก”ทริปนี้อาจต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัว เพราะ “นายรอบรู้” จะพาไปทัวร์สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อบอวลไปด้วยความเชื่อและความศรัทธา
วันนี้เรามีโอกาสมาเที่ยวที่ชุมชนไทลื้อ บ้านดอนมูล อ. ท่าวังผา จ. น่าน ทำให้ได้รู้จักคุณยายคำหล้า อินปา หรือแม่อุ้ยหล้า ยายหล้า
© 2018 All rights Reserved.