
ตะลุยกิน เที่ยว ช็อป รอบเมืองเชียงราย
เชียงราย จังหวัดเหนือสุดของประเทศที่มีทั้งธรรมชาติอันสวยงาม ภูเขา ทะเลหมอก ดอกไม้ เป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาสัมผัสความสวยงาม
ใครจะเชื่อว่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของชุมชนบ้านเชียงจะเก่าแก่เทียบเท่า อารยะธรรมเมโสโปเตเมียอันเลื่องชื่อ ยังได้รับเลือกให้เป็นแหล่งมรดกโลกอีกด้วย หากไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองก็ต้องต้องคิดว่าโกหกแน่ๆ ที่พิพิธภัณฑ์บ้านเชียงยังมีเรื่องราวอารยะธรรมก่อนประวัติศาสตร์น่าสนใจ ชวนให้เราเรียนรู้อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น วิถีชีวิต เรื่องราวจากข้าวของเครื่องใช้ การฝังศพ และอีกมากมายมาให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกัน
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง ก่อตั้งขึ้นหลังการเสด็จประพาสเยี่ยมชมหลุมขุดค้นทางโบราณคดีของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบรมราชินีนาถ ในปีพ.ศ. 2515 เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของประวัติศาสตร์และโบราณสถาน ซึ่งกำลังประสบปัญหาการลักลอบค้าโบราณวัตถุในสมัยนั้น
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 กรมศิลปากรได้ดำเนินการเปิดพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม ซึ่งถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ประจำแหล่งแห่งแรกของประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกแห่งอนุสัญญาคุ้มครองเมื่อปี พ.ศ. 2535 อีกด้วย
ในพื้นที่จะมีการแบ่งอาคารออกเป็น 4 อาคารด้วยกัน ก็คือ อาคารสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นศูนย์รวมส่วนบริการต่างๆ ได้แก่ จุดประชาสัมพันธ์และจำหน่ายบัตรเข้าชม ห้องประชุม และห้องจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน
อาคารกัลยาณิวัฒนา เป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการหลัก จัดแสดงเรื่องเล่าความเป็นมา วิถีชีวิตของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์ ความเชื่อ การขุดค้น และวัตถุโบราณในพื้นที่บ้านเชียง ไม่ว่าจะเป็น ภาชนะดินเผา เครื่องมือ เครื่องใช้ ฯลฯ แต่ไฮไลต์ที่สำคัญของที่นี่ก็คือ 7 มหัศจรรย์ไทยที่บ้านเชียง ที่กรมศิลปากรเลือกให้เป็นของหายาก มีเอกลักษณ์ ชิ้นเดียวในไทย ก็คือ กระบวยสำริด, ใบหอก, เครื่องมือเกษตรกรรม, ภาชนะดินเผา 3 ชิ้น, โครงกระดูกสุนัขโบราณ ได้มาจัดแสดงอยู่ที่นี่ด้วย เรียกได้ว่าห้ามพลาด…
ข้างในอาคารแบ่งออกเป็นอีก 9 ส่วนด้วยกัน โดยขั้นตอนการเดินชม ต้องเริ่มจากห้องในสุดก่อนเป็นห้องแรก แล้วเดินออกมาเรื่อยๆ
ส่วนที่ 1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บอกเล่าเรื่องการเสด็จประพาสเข้ามาศึกษา และพัฒนาของในหลวงรัชการที่ 9
ส่วนที่ 2 การดำเนินงานทางโบราณคดี จัดแสดงลำดับเวลาการศึกษาด้านโบราณคดีในบ้านเชียง เน้นเหตุการณ์ และบุคลากรสำคัญ ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเป็นหลัก
ส่วนที่ 3 การปฏิบัติงานทางโบราณคดีที่บ้านเชียง แสดงขั้นตอนการทำงานและการศึกษาระหว่างการขุดค้นของนักโบราณคดีที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่
ส่วนที่ 4 หลุมขุดค้นทางโบราณคดี จำลองสภาพหลุมขุดค้น ฉาก และบรรยากาศสภาพหลุมขุดค้น ที่นี่จะทำให้คุณได้สังเกตขั้นตอนการทำงานภายในหลุมขุดค้นจำลองอย่างใกล้ชิด
ส่วนที่ 5 จัดแสดงโบราณวัตถุจากการขุดค้นทางโบราณคดีที่วัดโพธิ์ศรี โบราณวัตถุที่ถูกพบในหลุมขุดค้น ถูกนำมาจัดแสดงในส่วนจัดแสดงนี้ แบ่งออกตามสมัยของวัฒนธรรมบ้านเชียง
ส่วนที่ 6 วัฒนธรรมบ้านเชียงยุคก่อนประวัติศาสตร์ จำลองบรรยากาศ และโบราณวัตถุเกี่ยวกับวิถีชีวิตคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ส่วนที่ 7 การค้นพบยุคสำริดที่หายสาบสูญ เป็นส่วนที่จะอธิบายการศึกษาทางโบราณคดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีป
ส่วนที่ 8 มรดกโลก จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติที่แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ได้รับเลือกเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ.2535
ส่วนที่ 9 การกระจายตัวของวัฒนธรรมบ้านเชียง จัดแสดงโบราณวัตถุที่ถูกพบระหว่างการสำรวจจากแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ กับพื้นที่ใกล้เคียง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียงยังมี อาคารนิทรรศการไทพวน จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของชาวไทพวน ซึ่งเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานในแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงในปัจจุบัน และ หลุมขุดค้นวัดโพธิ์ศรีใน ตั้งอยู่ห่างออกไปจากพิพิธภัณฑ์ราว 500 เมตร ที่จัดแสดงหลุดขุดค้นทางโบราณคดี ไว้ให้ผู้ที่สนใจได้ชมกันอีกด้วย
หลังจากที่ได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ จะทำให้คุณได้เรียนรู้ถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อนได้อย่างดีว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง กว่าจะมาเป็นสิ่งที่เรามีในปัจจุบัน ไม่ได้มีแค่เพียงโบราณวัตถุอย่างเดียวเท่านั้นที่สวยงาม แต่ยังมีเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้วัตถุนั้นดูสวยงาม และมีคุณค่าขึ้นมาอีกด้วย สิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น คุณไม่อยากไปเห็นด้วยตาตัวเองดูซักครั้งหรอคะ
ที่ตั้ง ถ. สุทธิพงษ์ ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
เปิด พ.-อา. 09:00 – 16:00 น. เปิดทำการในวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ที่ตรงกับวันพุธ – วันอาทิตย์)
โทร. 042-208-340
Facebook พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง กรมศิลปากร
Website http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/banchiang/index.php/th/
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
เชียงราย จังหวัดเหนือสุดของประเทศที่มีทั้งธรรมชาติอันสวยงาม ภูเขา ทะเลหมอก ดอกไม้ เป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาสัมผัสความสวยงาม
มาเบตงครั้งนี้ นายรอบรู้อยากพาไปสัมผัสกับ สิ่งห้ามพลาด ที่หากว่าพลาดไปแล้ว อาจเรียกว่ามาไม่ถึง เบตง ก็ว่าได้ จะมีอะไรบ้างตามไปดูพร้อมๆกันเลย…
เพื่อนหญิงคนหนึ่งของผมเคยลั่นวาจาไว้เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน สมัยที่เราทั้งกลุ่มยังเป็นนักเรียนอุดมศึกษาร่วมชั้น แล้วทุกเที่ยงวันก็เที่ยวตระเวนกินหมี่เนื้อวัวตุ๋นน้ำแดง ลาบ – น้ำตกแซ่บๆ เนื้อย่างติดมันตามร้านข้างทาง หรือบางทีก็เป็นผัดพริกกะเพราเนื้อสับรสเผ็ดจัดจ้านที่เราผลัดกันไปทำกินที่ครัวบ้านเพื่อนคนนั้นทีคนนี้ที, เธอว่า “…ชีวิตนี้ถ้าชั้นกินเนื้อ (วัว) ไม่ได้เมื่อไหร่ ต้องแย่แน่ๆ เลย…”
แห้ว!! พูดคำนี้ทุกคนคงนึกถึง เวลาที่ตัวเองไปจีบสาวแล้วจีบไม่ติดล่ะสิ ไม่ใช่นะครับ แห้วที่ผมจะพูดถึงก็คือแห้วจริง ๆ หรือมีอีกชื่อที่เรียกได้แบบน่ารัก ๆ ก็คือสมหวัง ซึ่งวันนี้ผมจะพาไปเก็บแห้วและกินแห้วที่ตัวเองเก็บ ที่สมหวัง@วังยาง นาแห้วใน ต. วังยาง อ. ศรีประจันต์ จ. สุพรรณบุรี
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ซ.เจริญกรุง 21 ข้างวัดเล่งเน่ยยี่ มีชุมชนเล็กๆ ที่เป็นแหล่งผลิตเครื่องกระดาษสำหรับไหว้เจ้าสำคัญที่สุดของเมืองไทย ว่ากันว่า งานเทศกาลใหญ่ๆ อย่างกินเจภูเก็ต หรืองานกงเต็กอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ ชาวไทยเชื้อสายจีนต่างก็จะมาซื้อเครื่องกระดาษไปจากที่นี่
พืชที่ถือได้ว่าเป็นของดีขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นของพังงา นั่นคือ “ลูกชก”
หลายคนอาจสงสัยว่าลูกชกคืออะไร รสชาติของมันเป็นอย่างไร
คำถามนานาต่างเข้ามาเมื่อได้ยินชื่อของมัน
เราคิดถึงคนข้างใน คนข้างในฝากถึงคนข้างนอก
ความรู้สึกผ่านรสชาติอาหารแสนอบอุ่น
หลายคนคงสงสัยว่า เอ๊ะ! นี่มันฤดูอะไรกันหว่า อากาศมันช่างร้อนเหลือหลายสลับกับฝนตกบ้างเป็นบางวันจนร่างกายปรับตัวไม่ถูกแล้ว เอาน่า…แม้ว่าฤดูกาลจะสับสนไปบ้างแต่เราก็อย่าสับสนไปตามฤดูกาลแล้วกัน ร้อนๆ อย่างนี้หาของกินชื่นใจช่วยให้ร่างกายสดชื่นกันดีกว่า
© 2018 All rights Reserved.