
ช็อปเพลิน เดิน “ตลาดสุขใจ”
วันหยุดอย่ารอช้า ถ้าคิดไม่ออกว่าจะไปไหน ไปเดินตลาดสุขใจกับ “นายรอบรู้” กันดีกว่า เพราะที่นี่เขามีทีเด็ดซ่อนอยู่มากมายทำให้ใครหลายคนช็อปเพลินจนลืมเวลากันเลยทีเดียว
“หอมเอ้ยหอมใบอ้ม หอมลอยลมจนคนส่า”
คำผญาอีสานพรรณนาถึงความหอมจนเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาของใบอ้มที่ล่องลอยอยู่ในสายลมที่พัดผ่านไปมา
ใบอ้มนี้เป็นชื่อเรียกในภาษาอีสานลักษณะเป็นพืชที่มีใบปกคลุมสีเขียว ใบเรียว ส่งกลิ่นหอมราวกับกลิ่นใบเตยผสมยอดข้าว ตลบอบอวลเมื่อสัมผัสกับความร้อนนอกจากนี้ยังพบว่าอ้มนั้นยังมีชื่อที่หลากหลายเรียกแตกต่างกันในหลายพื้นที่ เช่น เนียมอ้ม เนียมหอม อ้มหอม ฯลฯ
อ้ม หรือ เนียมอ้ม ชื่อในทางวิทยาศาสตร์ว่า Chloranthus spicatus (Thunb.) Makino เป็นพืชในวงศ์ Chloranthaceae เป็นพืชพื้นเมืองของจีน แต่พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากความหอมที่เป็นคุณสมบัติเด่นแล้ว อ้มสามารถนำใบและดอกนำมาชงเป็นน้ำชาแก้ไอ ใบสามารถตำพอกรักษาฝีและแผลที่เกิดจากน้ำร้อนลวก ส่วนรากรับประทานในขนาดที่พอดีตามตำรายาสามารถแก้มาลาเรียได้แต่หากรับประทานเกินขนาดมากไปจะเป็นพิษ
ชาวอีสานในอดีตใช้อ้มกันอย่างหลากหลาย เช่น นำมาผสมกับน้ำทาผมช่วยให้ผมดำเงา และซอยใบให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่รวมกับเต้าปูนจะช่วยให้ปากหอม สูตรนี้ผู้สูงวัยนิยมกันเป็นอย่างมาก ส่วนในมุมมองจากกลุ่มผู้ชายใบอ้มลนไฟแช่ไว้ในไหเหล้าของคนสมัยก่อนหอมหวานจนลืมเมากันเลยทีเดียว รวมถึงยังนำไปอบทำยาสูบลดกลิ่นฉุนให้หอมนุ่มนวลขึ้นมาทันที
คุณย่ากองสี ด้วงคำจันทร์ วัย 81ปี เล่าย้อนถึงวัยเด็กที่ผ่านพ้นมานานแสนนานให้ฟังว่า “ตัวย่าเองบ่ทันได้ใช้ใบอ้มเป็นเครื่องหอมโดยตรงดอก แต่ว่าตอนน้อยๆ ยายใช้ให้เข้าไปป่าพลูเพื่อเก็บใบพลูมาเคี้ยวหมาก เพราะสมัยก่อนตามบ้านปลูกต้นพลูไม่ได้”
“ทำไมถึงต้องไปเก็บใบพลูที่อื่น ที่บ้านไม่มีหรือ” ผู้เขียนก็ตั้งคำถามด้วยความสงสัย คุณย่าก็ตอบพลางนั่งขูดขมิ้นเบาๆ ว่า “เอ้า..กะสมัยนั้นเพิ่นบ่ให้เคี้ยวหมากเนาะ เลยได้ถางเครือพลูต้นหมากทิ้งไปหมด” อ่อ..เล่าที่มาที่ไปของการเก็บพลูก็สะท้อนสภาพการเมืองและสังคมที่ส่งผลมาถึงชีวิตชาวบ้านอีสานที่ห่างไกลได้บ้างเหมือนกัน
การเข้าไปหาพลูตั้งแต่ตอนนั้นของคุณย่าเองเลยทำให้ได้ไปเห็นผู้ใหญ่ในสมัยก่อน (หากเทียบอายุคงเป็นร้อยกว่าปีได้แล้ว) กำลังโฮมกันหรือรวมกลุ่มกันทำ “หมกอ้ม”
การทำหมกอ้มนั้นสามารถทำได้โดยวัสดุง่ายๆ ที่มีตามธรรมชาติและอยู่ในวิถีของคนอีสานโบราณ ว่าแล้วคุณย่าก็จัดเตรียมอุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัวพร้อมสาธิตบอกวิธีทำ ขั้นตอนแรกคือนำเอาขมิ้นบดละลายน้ำผสมกับดินสอพอง วางใบอ้ม 3-4 ใบ ห่อใบตองอ่อนตั้งกับขี้เถ้าร้อนๆ จนสุก วิธีการนี้เรียกว่า “หมกขี้เถ้า” จากนั้นนำแป้งที่ได้มาทาตัวเป็นเครื่องสำอางและเครื่องหอม
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งวิธีคือการนำใบอ้มไปนาบกับหม้อดินตั้งไฟจนร้อน จากนั้นนำเอาใบอ้มที่สุกแล้วมาพกตามตัว ใส่เสื้อผ้า ห่อผ้าแพร หรือเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า คนสมัยก่อนจะใช้เมื่อเวลามีงานบุญ งานรื่นเริง หรือพกติดตัวไว้เวลาไปเกี้ยวสาวเหมือนกับคนสมัยนี้ที่ต้องฉีดน้ำหอมเพื่อเพิ่มความมั่นใจและดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง
ใบอ้มนั้นหอมอย่างไรถึงได้เป็นเครื่องหอมติดใจชาวอีสานมาตั้งแต่โบร่ำโบราณขนาดนั้น ผู้เขียนเองลองนำต้นอ้มมาปลูกไว้หน้าบ้านในกระถางขนาดหนึ่งคนโอบ สังเกตเห็นใบสดก็ไม่มีอะไรน่าสนใจมาก พอโดนความร้อนหรือช่วงแดดแรงๆ ยามบ่ายเท่านั้นแหละ กลิ่นหอมที่เข้ามาสัมผัสจมูกนั้นไม่เคยลืมเลือน จะเป็นใบเตยก็ไม่ใช่ หรือจะเป็นกลิ่นหอมของยอดข้าวก็ไม่เชิง
ใบอ้มที่ถูกย่างไฟอ่อนๆ แล้วสามารถส่งกลิ่นหอมได้ 2-3 วัน หากอยู่ในที่อับส่งกลิ่นหอมได้เป็นสัปดาห์เลยทีเดียว บางคนเก็บไว้ในตลับ หรือกระเป๋าสตางค์แล้วแต่ความชอบ
เรื่องของกลิ่นเป็นสิ่งยากแท้ที่จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ ความหอมของใบอ้มนี้ยังสามารถใช้เปรียบเปรยกับความหอมอื่นๆ ซึ่งปรากฏอยู่ในคำผญาอีสานโบราณ เช่น
“ขาขาวมานั่งใกล้เหม็นคาวฮากสิออก ขาลายนั่งใกล้หอมเนียมอ้มกะบ่ปาน“
หมายถึง ชายที่ไม่ได้สักลายที่ขามานั่งใกล้เหม็นคาวแทบอ้วกจะแตก แต่หากชายใดมีการสักขาลายนั้นผู้คนจะชื่นชอบราวกับได้ดมกลิ่นหอมของใบเนียมอ้ม
ต้นอ้มนี้ยังพบได้ทั่วไป และยังมีการใช้ประโยชน์อยู่ในหลายวัฒนธรรมแตกต่างกันออกไป แต่อ้มที่เก็บมาเล่านี้เป็นเพียงการเล่าเรื่องจากใบไม้สีเขียวในฐานะ “เครื่องหอม” ของชาวอีสานโบราณที่เข้าใจธรรมชาติรอบตัวอย่างถ่องแท้ ถึงแม้จะจางแต่ยังไม่หายไปไหน สืบความรู้ภูมิปัญญาการปรุงแต่งธรรมชาติให้เข้ากับวิถีชีวิตชั่วลูกชั่วหลาน หลงเหลืออยู่ในความทรงจำของบรรพบุรุษที่ถูกเล่ามาเป็นทอดๆ
ใบอ้มหากอยู่เองโดยลำพังแทบไม่มีกลิ่น แต่เมื่อไหร่ที่พบกับความร้อนยิ่งส่งกลิ่นแรงขึ้น เหมือนกับภูมิปัญญาของคนเก่าโบราณยิ่งเล่าต่อยิ่งเสียงดังและมีคุณค่าสืบต่อไป
ขอขอบคุณ คุณย่ากองสี ด้วงคำจันทร์ จังหวัดมหาสารคาม
อ้างอิง
พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ และคณะ.2544.ทรัพยากรพืชในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 16: พืชให้สารกระตุ้น. พิมพ์ครั้ง
ที่ 2. กทม. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย. อ้างใน https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B 8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%99 สืบค้นเมื่อ 2 กรกฎาคม 2563
อุษา กลิ่นหอม, ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมและประเพณีอีสานที่มีต่อความหลากหลายของพันธุ์
พืช,” ใน รายงานการประชุม การสูญเสียความหลากหลายของพันธุ์พืชกับการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมหรือธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดมา, วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554, ณ โรงแรมมารวย การ์เด้น กรุงเทพฯ, หน้า 43-53.
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
วันหยุดอย่ารอช้า ถ้าคิดไม่ออกว่าจะไปไหน ไปเดินตลาดสุขใจกับ “นายรอบรู้” กันดีกว่า เพราะที่นี่เขามีทีเด็ดซ่อนอยู่มากมายทำให้ใครหลายคนช็อปเพลินจนลืมเวลากันเลยทีเดียว
‘หลงโถวคาเฟ่’ คาเฟ่สไตล์จีนแห่งใหม่บนถนนเยาวราช ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานก็มีลูกค้ามายืนต่อคิวรอกันยาวเหยียดแล้ว
หากวันหนึ่งคุณเริ่มหันมาสนใจโลกและสุขภาพมากขึ้น มันจะดีแค่ไหนถ้ามีร้านที่มีครบทุกอย่างให้คุณได้เข้าไปเลือกซื้อ พร้อมๆ กับได้ช่วยกันลดขยะเพื่อโลก และได้เรียนรู้เข้าใจในวิถีชีวิตสู่เส้นทางสีเขียว
ทุกอย่างที่ว่าได้มารวมอยู่ที่ร้าน OC Organic Shop พื้นที่สำหรับคนที่อยากรู้จักออร์แกนิกและรักษ์โลกไปพร้อมกัน
อยากถ่ายรูปตอนเดินเล่นบนสะพานเหนือท้องนาเขียวๆ สวยๆ แต่ยังไม่มีเวลาไปสะพานซูตองเป้ที่แม่ฮ่องสอน “นายรอบรู้” อยากชวนไปลั้ลลา เที่ยวท้องนา ถ่ายรูปบ้านสวนบรรยากาศดีที่จังหวัดใกล้กรุงอย่างนครนายกแทน ขับรถแว้บๆ ก็ถึงแล้ว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
หากคุณกำลังมองหาบรรยากาศที่แสนร่มรื่นเขียวขจี รายล้อมด้วยทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และเดินทางสะดวกอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองกรุงเทพฯมากนัก “นายรอบรู้” ขอแนะนำ เมาน์เท่น ครีก กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ เรสสิเดนซ์ (Mountain Creek Golf Resort & Residences) รีสอร์ทและวิลล่าสุดหรูแห่งใหม่ใจกลางเขาใหญ่ พร้อมด้วยสนามกอล์ฟ บนเนื้อที่โครงการกว่า 1,750 ไร่
แม้ไม่ใช่หน้าหนาวแต่ “บ้านจ่าโบ่” ก็ยังมีทิวทัศน์กลางหุบดอยที่สวยงามเกินบรรยาย หมู่บ้านเล็กๆ รายล้อมรอบด้วยทะเลภูเขาสีเขียวขจี มีหมอกปกคลุมให้ไอเย็นในยามเช้าตรู่ ไม่ว่าฤดูไหนๆ มาที่นี่แล้วก็รู้สึกผ่อนคลาย
ใครที่ชื่นชอบอาหารอินเดียคงไม่พลาด Rang Mahal Rooftop Indian Restaurant ห้องอาหารอินเดียในรูปแบบ fine dining บนชั้น 26 ของโรงแรมแรมแบรนดท์ ย่านสุขุมวิท ที่ได้รับรางวัล Thailand’s BestRestaurants จากนิตยสาร Thailand Tatler ถึง 13 ปีซ้อน
เจ๊ตุ่ม เต้าส่วนคิวย๊าวยาว>>เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ “นายรอบรู้” ต้องไปยืนต่อแถวซื้อเต้าส่วน ขนมหวานไทยๆ ที่ใครมองว่าธรรมด๊าธรรมดา แต่คงไม่ใช่กับร้านเจ๊ตุ่ม แห่งตลาดไนท์ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ต้องบอกว่าเต้าส่วนเจ้านี้ไม่ธรรมดาจริงๆ !!!
© 2018 All rights Reserved.