
“ใบอ้ม” เครื่องหอมในวัฒนธรรมอีสาน
“หอมเอ้ยหอมใบอ้ม หอมลอยลมจนคนส่า”
คำผญาอีสานพรรณนาถึงความหอมจนเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาของใบอ้มที่ล่องลอยอยู่ในสายลมที่พัดผ่านไปมา
หลายคนฝันที่จะตื่นขึ้นพบกับภาพป่าเชียวชอุ่มจากหน้าต่างห้องพัก ฝันว่ามีเสียงน้ำไหลรินขับกล่อมให้เข้านอนและเป็นเสียงแรกที่ได้ยินเมื่อตื่น ทุกอย่างเป็นจริงได้ที่นี่ — “บ้านป่าเหมี้ยง” ชุมชนเล็กๆ ที่น่ารักในอำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง — เมืองรองต้องห้ามพลาด
บ้านป่าเหมี้ยงเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซุกตัวอยู่หลังทิวเขาในอ้อมกอดของผืนป่า ผู้คนหล่อเลี้ยงชีวิตด้วยลมหายใจแห่งความสุขและวิถีชีวิตพอเพียง ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเก็บใบชาป่า ซึ่งนำมาแปรรูปเป็นของกินเล่นของคนภาคเหนือที่เรียกว่า “เหมี้ยง” หรือ “เมี่ยง” ในภาษากลาง จนเป็นชื่อหมู่บ้านว่า “บ้านป่าเหมี้ยง”
ปลายฝนต้นหนาวนี้ อยากชวนคุณมาเที่ยว! ทดลองเก็บใบเมี่ยง ชิมอาหารพื้นบ้านแสนอร่อย พักผ่อนในบรรยากาศธรรมชาติอันเย็นฉ่ำของผืนป่า แล้วดื่มด่ำความสุขแบบช้าๆ ให้เต็มอิ่ม!
เส้นทางสู่บ้านป่าเหมี้ยงใช้ทางหลวงหมายเลข 1252 จะตัดผ่านผืนป่าอันหนาทึบของอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน สองข้างทางมีหญ้าดอกขาวปลิวไหวตามแรงลม ก่อนถึงหมู่บ้านจะผ่านลานดอกเสี้ยว ซึ่งดอกไม้นี้จะบานสะพรั่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ที่นี่จึงเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลวันดอกเสี้ยวบาน
ที่บ้านป่าเหมี้ยงมีโฮมสเตย์ให้พักหลายหลัง จัดการโดยคนในชุมชน ซึ่งต้องติดต่อมาล่วงหน้า เมื่อจัดแจงนำสัมภาระเข้าเก็บในบ้านแล้วชาวบ้านชวนเราเดินชมบรรยากาศหมู่บ้าน ความที่ตั้งอยู่เกือบใจกลางอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ที่นี่จึงร่มรื่นด้วยพรรณไม้หลายขนาด ตั้งแต่ไม้น้ำเล็กๆ ที่พลิ้วไหวอยู่ในลำธารไหลเย็นไปจนถึงไม้ใหญ่ขนาด 10 คนโอบ
ผืนป่ารอบบ้านป่าเหมี้ยงจัดเป็นป่าต้นน้ำระดับ 1-A ของแม่น้ำวัง ซึ่งได้รับการอนุรักษ์จากชาวบ้านในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน เพราะการทำเหมี้ยงต้องอาศัยร่มไม้ใหญ่ค่อนข้างหนาทึบในป่าดิบเขา ที่ความสูงระดับ 900-1,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล และระบบรากของเหมี้ยงต้องรับอาหารและแร่ธาตุผ่านไมคอร์ไรซา (mycorrhiza) เชื้อราชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงระบบรากของต้นไม้ในป่า ดังนั้นการที่ชาวบ้านดูแลรักษาป่าให้มีความอุดมสมบูรณ์ก็เท่ากับเป็นการทำนุบำรุงแหล่งผลิตรายได้ของชุมชน
กิจกรรมสำคัญเมื่อมาเยือนที่นี่คือการเที่ยวป่าเหมี้ยงหรือเมี่ยง ป้าเจ้าของสวนจะนำไปพร้อมอุปกรณ์ครบมือ ไล่ไปตั้งแต่ “ส่า” หรือตะกร้าขนาดพอเหมาะสำหรับใส่ใบเมี่ยงสะพายอยู่บนบ่า มีตอกเส้นเรียวบางเอาไว้มัดเมี่ยง มีดพร้าสำหรับฟันวัชพืช และ “ปอก” (หรือปลอก) ซึ่งทำจากแผ่นสังกะสีม้วนคล้ายแหวนใส่ที่ปลายนิ้ว ที่ปลายติดใบมีดโกนไว้ ใช้เก็บใบเมี่ยง รวมทั้ง “ขอ” ซึ่งเป็นเชือกยาวที่ปลายเชือกติดตะขอไม้ใช้โน้มต้นที่สูงให้ต่ำลงจะได้เก็บง่ายขึ้น
เมี่ยงที่นี่ไม่ใช่เมี่ยงคำ-ของกินเล่นที่เราคุ้นเคย แต่คือชาพันธุ์อัสสัม ซึ่งเติบโตในป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ อากาศหนาวเย็นและความชื้นสูง ชาวบ้านทำเมี่ยงสืบต่อกันมาเกือบ 200 ปี ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ฤดูกาลเก็บเมี่ยงเริ่มตั้งแต่เข้าหน้าฝนไปจนหมดหน้าหนาว ราวเดือนพฤษภาคมจนถึงกุมภาพันธ์
ป้าใช้ “ปอก” ตัดฉับที่ใบอ่อนตามยอดอย่างคล่องแคล่ว การเก็บเหมี้ยงไม่ใช่เด็ดทั้งใบ แต่ให้ตัดโดยเว้นก้านใบเอาไว้ เพื่อให้ใบเมี่ยงได้หายใจ ไม่อย่างนั้นต้นจะไม่แตกยอด เน้นเก็บยอดสามใบแรกเท่านั้น คนตัดเมี่ยงมือสมัครเล่นอย่างพวกเรา จะตัดแต่ละทีจึงต้องเล็งแล้วเล็งอีกจนแน่ใจ
แม้วิถีของเหมี้ยงคือลมหายใจของที่นี่ แต่น่าเสียดายที่ลมหายใจนี้กำลังแผ่วลงไปทุกที ด้วยปัจจุบันเหมี้ยงไม่ค่อยเป็นที่นิยมอย่างที่ผ่านมา ชาวบ้านจึงนำพลับและกาแฟพันธุ์อะราบิกามาปลูกแซมในป่าเมี่ยง ในหน้าหนาวเม็ดกาแฟสุกสีแดงฉานและผลพลับสีเหลืองดกเต็มต้นให้ชิมกันอีก
กลับจากป่าเมี่ยงแล้วอย่าลืมแวะบ้านทำเมี่ยง ซึ่งทำส่งขายเพียงเจ้าเดียวในหมู่บ้าน จะเห็นได้ว่าขั้นตอนการทำไม่มีอะไรมาก ใส่ใบเมี่ยงที่นึ่งแล้วเรียงลงเป็นแถววงกลมในถังในถังซีเมนต์ เติมน้ำเปล่าแล้วหมักไว้ 20 วันถึง 1 เดือนขึ้นอยู่กับความอ่อนความแก่ของเมี่ยง จากนั้นนำขึ้นมาทุบเพื่อให้นุ่ม มัดส่งขายไปทั่วจังหวัดในภาคเหนือ ลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนอายุ 40 ปีขึ้นที่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมการกินเมี่ยงมาแต่ดั้งเดิม นิยมอมเล่นเวลาหลังอาหารหรือทำงาน เพราะจะช่วยให้กระชุ่มกระชวย ไม่ง่วงนอน เรียกกันเล่นๆ ว่าเป็น “โอเล่ดอย”
ถ้าไม่เคยชิมเมี่ยงมาก่อน อยากให้ลองหยิบเมี่ยงหนึ่งคำเข้าปาก แล้วก็พบว่ารสชาตินั้นสุดจะบรรยาย ทั้งเปรี้ยว หวาน และฝาดจับใจ ใครได้ชิมคงไม่ลืมไปตลอดชีวิต!
ในหมู่บ้านยังมีกลุ่มหมอนใบชาเพื่อสุขภาพ ที่กำลังยัดใบเมี่ยงแก่แห้งลงในปลอกหมอนสีหวาน ภายใต้ชื่อแบรนด์ “หมอนดอกเหมี้ยงหอมไก๋” หรือ หอมไกล นั่นเอง มีหลายแบบให้เลือก ทั้งหมอนทรงธรรมดาไปจนถึงหมอนเล็กใช้แขวนในตู้เสื้อผ้า กลิ่นใบเมี่ยงหรือใบชามีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายความเครียดและช่วยให้หลับสบาย
เดินสำรวจการทำเมี่ยงจนเหนื่อย ก็ถึงเวลาอาหารที่เรารอคอย มีเมนูเด็ดอย่างยำใบเมี่ยงที่ทำกินกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่า ปัจจุบันกลายเป็นเมนูต้อนรับนักท่องเที่ยวไปแล้ว วิธีทำไม่ยาก เพียงเด็ดใบอ่อนปานกลางไม่ขมไม่แข็งเกินไป นำไปล้างแล้วซอยละเอียด ใส่หอมใหญ่ซอย มะเขือเทศหั่นลูกเต๋า พริกขี้หนูซอยละเอียด กระเทียมสับละเอียดที่เจียวจนเหลืองหอม ลงคลุกเคล้า แล้วบีบมะนาว เติมน้ำปลา จากนั้นเทปลากระป๋องลงเคล้าให้เข้ากัน เพียงเท่านี้ก็จ๊าดลำ ยังมีเมนูจานเด็ดอีกคือน้ำพริกเห็ดหอมสด ซึ่งเพิ่งตัดมาใหม่ๆ และไส้อั่วที่ชาวบ้านทำกินเองจึงอัดเครื่องไม่ยั้ง กัดแล้วหอมกลิ่นสมุนไพรทั่วทั้งปาก กินทั้งหมดแล้วต้องสรรเสริญความอร่อยเป็นภาษาเหนือว่า ลำแต้ๆ
นอกจากมารู้จักวิถีชีวิตคนป่าเหมี้ยงแล้ว แค่การพาตัวเองมา “อยู่” ที่นี่ ก็เป็นความสุขอีกอย่างหนึ่ง เพราะตัวหมู่บ้านตั้งอยู่อยู่บนเทือกเขากลางป่า จึงมีอากาศเย็นสดชื่นตลอดปี มีลำธารไหลผ่านในหมู่บ้าน เดินๆ ไปได้ยินเสียงน้ำไหลให้รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ แม้ตามรายทางแทบทุกครัวเรือนมีกระถางดอกไม้เล็กๆ ประดับอยู่ ทว่าความสวยงามกลับเป็นรอยยิ้มของชาวบ้านที่ส่งให้พร้อมคำทักทาย
อีกวันชาวบ้านพาเราไป “กิ่วฝิ่น” จุดชมทิวทัศน์อีกแห่งที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่พักของคาราวานพ่อค้าฝิ่น กิ่วฝิ่นสูงจากระดับน้ำทะเล 1,517 เมตร ในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิบนยอดจึงอาจลดลงเหลือเพียง 3-4 องศาเซลเซียส ตามทางขึ้นมีสนสามใบขึ้นทั่วไป จากกิ่วฝิ่นเราจะได้ตื่นตาตื่นใจกับสายหมอกขาวที่ปกคลุมทั่วหุบดอย จนนึกว่ากำลังยืนอยู่ในความฝัน
กลับจากบ้านป่าเหมี้ยงแล้วยังรู้สึกคิดถึง เป็นชุมชนเล็กๆ ในอ้อมกอดธรรมชาติ ที่ดีต่อใจอย่างแท้จริง
ที่ตั้ง ต. แจ้ซ้อน อ. เมืองปาน จ. ลำปาง
>> ติดต่อชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง โทร. 08-4894-9122,08-9560-6820
>> การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลำปาง โทร. 054-222-214
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
“หอมเอ้ยหอมใบอ้ม หอมลอยลมจนคนส่า”
คำผญาอีสานพรรณนาถึงความหอมจนเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาของใบอ้มที่ล่องลอยอยู่ในสายลมที่พัดผ่านไปมา
ลำปางฤดูฝนก็คงไม่ต่างจากที่อื่นๆ ที่เคยไปมาหรอก ฉันคิดเช่นนั้นเมื่อรู้ว่าต้องเดินทางมาที่นี่ “บ้านแม่หมี” ดินแดนที่ฉันไม่เคยรู้จัก ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าการเดินทางมายังที่แห่งนี้จะเป็นการอำลาชีวิตการเป็นนักศึกษาฝึกงานของฉันที่ “นายรอบรู้ นักเดินทาง” ที่ฉันประทับใจไม่รู้ลืม และฉันเองหวังใจว่าจะได้กลับมาเยือนที่แห่งนี้อีกครั้ง
วันนี้ นายรอบรู้นักเดินทาง พาทุกคนขึ้นเหนือไปเยือนเมืองน่านกันอีกสักครั้ง ไปสัมผัสหมู่บ้านน่ารักๆ ที่บ้านบ่อสวก อ. เมือง จ. น่าน ไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์เก่าแก่ ไปลองปั้นดิน ไปช้อปผ้าทอ ไปชิมของดี แล้วจะรู้ว่าบ้านบ่อสวกนั้นดี ดี๊ ดี ล่ะคุณ
ลำปางได้ชื่อว่ามีวัดศิลปะพม่ามากที่สุดในประเทศไทย นับเนื่องจากสมัยรัชกาลที่ 5 เมืองลำปางอันอุดมไปด้วยไม้สักจำนวนมหาศาล เป็นที่หมายปองของบริษัทค้าไม้ต่างชาติซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมดินแดนต่างๆรอบๆสยามประเทศอยู่ในขณะนั้น ได้เข้ามาขอสัมปทานค้าไม้จากราชสำนักสยามที่กรุงเทพฯ เข้าทำอุตสาหกรรมไม้ในเขตเมืองลำปาง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
หากคุณมาย่านพระโขนงแล้วกำลังมองหาร้านอาหารดีๆ อาหารอร่อย ราคาเป็นมิตร เราอยากแนะนำ เราภูมิในนำเสนอ หรือเราอยากโฆษณาให้คุณลองเดินเข้าไปในซอยสุขุมวิท 69 หรือซอยข้างไปรษณีย์พระโขนง แล้วจะพบกับร้าน Okinawa Kinjo ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โอกินาว่า ที่ขอบอกเลยว่า ร้านนี้เป็นร้านแนะนำติดดาว 500 ดวง และเป็นร้านในดวงใจของเราจริงๆ
“ตอนนี้ไม่ใช่แค่กาแฟคั่วเข้ม คั่วกลาง คั่วอ่อนแล้ว แต่ตอนนี้คนสนใจเรื่องกลิ่นมากขึ้น อุปกรณ์ที่ใช้ก็เริ่มหลากหลาย อุปกรณ์ต้องเริ่มเปลี่ยนพร้อมๆ เมล็ดกาแฟ เพราะลูกค้าไม่อยากกินแบบเดิมๆ แล้ว เมื่อไลฟ์สไตล์คนต่างกัน เราจึงต้องมีเมล็ดกาแฟหลายตัวเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในทุกๆ เจน (gen) ถ้าแบ่งงานกันผมเป็นคนทำธุรกิจ ส่วนแฟนผมทำกาแฟ” วรพล ภัคสุขชัย หรือ ปิง หนุ่มวัย 34 ปี ผู้สนับสนุนภรรยาในการสานต่อความฝันที่อยากพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟต่อจากคุณพ่อ
กรุงเทพฯ 15 มกราคม 2562 – สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เชิญชวนนักออกแบบ ผู้ประกอบการ และผู้ที่สนใจ ร่วมฟังเสวนาในหัวข้อ “เล่นแร่แปรพลาสติก: จากพอลิเมอร์สู่งานออกแบบที่ไร้ขีดจำกัด”
“ซแรย์ อทิตยา” เป็นภาษาเขมรท้องถิ่น แปลว่า “นาของพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ”
© 2018 All rights Reserved.