
อยุธยามนต์เสน่ห์แห่งเมืองเก่า
ย้อนอดีตสู่กรุงเก่า…ดินแดนออเจ้า จับมือคนรักย้อนเวลากว่า 100 ปี แวะไหว้พระขอพร กับ 2 วัดที่มีความน่าหลงใหล ย้อนวันวานกับพิพิธภัณฑ์ของเล่นหลงยุคสุดว้าว และดื่มด่ำกับบรรยากาศตลาดวิถีไทยยามค่ำคืน
ปัจจุบันร้านส้มตำในกรุงเทพฯ เป็นของธรรมดาที่สามารถหารับประทานได้ทั่วไป เนื่องจากชาวอีสานเข้าทำงานในกรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก คนอีสานจำนวนไม่น้อยที่ใช้ร้านอาหารอีสานเป็นพื้นที่พบปะพูดคุยและรวมกลุ่มกัน
“มื้อนี้กินหยังดีน้อ” เสียงหวานๆ ของป้านาง อุ่นเรือน สว่างวงษ์ แม่ค้าส้มตำวัย 62 ปี ที่ทักทายลูกค้าทุกคนด้วยความเป็นกันเอง โดยใช้ภาษาอีสานบ้านเกิดและความคุ้นเคยที่ขายส้มตำในย่านนี้กว่า 40 ปี ถือว่าเป็นแม่ค้าส้มตำอีสานที่มีความเก่าแก่ร้านหนึ่งในกรุงเทพฯ สลับกับการตระเตรีมอาหารเพื่อเสิร์ฟลูกค้าคนอื่นๆ อย่างชำนิชำนาญ
ในตรอกพระศุลีริมถนนดินสอใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยโรงเรียนสตรีวิทยาและโรงเรียนวัดบวรฯหลบมุมถนนใหญ่เข้ามามีร้านส้มตำอาหารอีสานเล็กๆไม่มีชื่อไม่มีป้ายแต่เป็นที่รู้จักกันในหมู่นักชิมแถบนั้นดีโดยเฉพาะครูนักเรียนโรงเรียนสตรีวิทยาและในละแวกใกล้เคียง
เดินเข้ามาจะพบเจอรอยยิ้มจากสองแม่ค้าคือป้านาง และพี่ติ๊ก ประภาภรณ์ แสงพล วัย 39 ผู้เป็นหลานสาวและการเคลื่อนไหวร่างกายที่ทะมัดทะแมงแข็งขันว่องไวไม่หยุดนิ่งเพื่อให้ทันใจลูกค้าผู้หิวโหยหลังสิ้นการงาน
“คนแถวนี้เขารู้จักกันดีเพราะป้าออกจากบ้านมาขายส้มตำแถวนี้มาตั้งแต่เป็นสาว” ป้านางเริ่มเล่าเรื่องราวส่วนตัวว่าเริ่มเข้ากรุงมาแสวงโชคเหมือนคนอีสานอื่นๆ
ป้านางเป็นชาวอำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธรเริ่มเข้ามาทำมาค้าขายในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 โดยช่วงแรกนั้นปูเสื่อขายส้มตำบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา จากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2527 จึงได้ย้ายมาตั้งร้านณตรอกพระศุลีจนถึงปัจจุบัน
“แต่ก่อนบ้านป้าอยู่ในซอยตรงนั้นน่ะ” ป้านางชี้ไปฝั่งตรงข้ามที่ปัจจุบันกลายเป็นอาคารเรียนของโรงเรียนวัดบวรฯ เมื่อบ้านพักเดิมได้ถูกเวนคืนที่ดินทำให้ชาวบ้านที่เคยเช่าอยู่พื้นที่ตรงนั้นต้องย้ายออกไปพักที่อื่น ป้านางก็คือหนึ่งในนั้น แต่ถึงแม้จะพักอยู่ที่อื่นแล้วยังคงยึดมั่นที่จะค้าขายอยู่จุดเดิม
ป้านางเดินทางมาจากบ้านพักที่ถนนจรัญสนิทวงศ์ ฝั่งธนบุรี เริ่มเตรียมของย่างไก่ ย่างหมูตั้งแต่บ่ายสามโมงของทุกๆ วัน วันธรรมดาจันทร์ – ศุกร์มีน้องๆนักเรียนเป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่เลิกเรียนประมาณสี่โมงเย็นป้านางและพี่ติ๊กก็จะเริ่มประจำที่ของตนเพราะจะเป็นช่วงที่วุ่นมากๆเมื่อนักเรียนมัธยมเข้ามารับประทานอาหารและถือเป็นการคั่นเวลาที่จะเรียนพิเศษณโรงเรียนกวดวิชาที่อยู่ข้างๆ
เวลาห้าโมงคือกลุ่มลูกค้าในเวลาต่อมาซึ่งเป็นกลุ่มคนวัยทำงานที่จะเลิกงานประมาณห้าโมงเย็นไปจนถึงค่ำ กลุ่มนี้มีหลากหลายทั้งครูโรงเรียนใกล้เคียง พนักงานออฟฟิศ และผู้ปกครองที่มารอรับบุตรหลาน ส่วนเสาร์–อาทิตย์ และวันหยุดก็จะมีลูกค้าเป็นผู้ที่พักอาศัยอยู่ในแถบนี้และนักท่องเที่ยวทั่วไป
“ส่วนใหญ่เมนูอะไรขายดี” ผู้เขียนถามแม่ค้าทั้งสอง พี่ติ๊กมือตำส้มตำตอบด้วยความไม่ลังเลที่จะตอบว่า “คอหมูย่างจะขายดีที่สุด ส่วนส้มตำจะเท่าๆ กันระหว่างตำไทยและตำลาว” พี่ติ๊กยังกล่าวไปอีกว่า “เดี๋ยวนี้น้องๆ มัธยมกินตำลาวเผ็ดๆ เก่งมาก ทางร้านจึงขายดีเลยทีเดียว” รสชาติส้มตำพริกติดครกของเราที่สั่งทานประจำดูจืดไปเลย
ร้านส้มตำในกรุงเทพฯมีมากก็จริงแต่จะหารสชาติบ้านๆดั้งเดิมนั้นก็ยากจากการสังเกตและตระเวนรับประทานอาหารอีสานอยู่หลายร้านพบว่าร้านส้มตำอีสานเปลี่ยนมาใช้ปลาร้าขวดสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงงานไปหมดแล้วส้มตำหลายๆร้านจึงมีรสชาติคล้ายๆกันไปหมด
จากการสนทนากันไปเรื่อยๆ ผู้เขียนเริ่มแลกเปลี่ยนกับแม่ค้าทั้งสองด้วยการบอกว่าเป็นคนอีสานเหมือนกัน โดยแนะนำตัวว่าเป็นคนจังหวัดมหาสารคาม
“ถ้าป้ากลับยโสในเส้นทางเก่าจะต้องผ่านบ้านหนูแน่ๆ แต่ตอนนี้ป้ากลับทางตัดใหม่แล้วคือเส้นอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย เพราะมันใกล้และสะดวกกว่า แต่ก็แล้วแต่คนขับนะ” ป้าพูดไปยิ้มไป
หลังจากที่รู้ว่าพื้นเพเป็นชาวอีสานเหมือนกัน ภาษาในการสนทนาก็เริ่มเปลี่ยนไป ป้าไม่พูดภาษากลางกับเราและมีความสนิทสนมมากยิ่งขึ้น เพลง “คนบ้านเดียวกัน” ของพี่ไผ่ พงศธร ก็แว๊บเข้ามาในหัวทันที สำนึกร่วมความเป็นท้องถิ่นเดียวกันเริ่มชัดขึ้น ป้าเริ่มถามไถ่เราต่างๆ นานาเหมือนลูกเหมือนหลาน
“ปลาร้าป้าเอามาจากบ้านเฮาเลย ป้าเอามาต้มเอง” ป้านางกลับเข้าเรื่องส้มตำที่ค้างกันไว้พร้อมทั้งกล่าวถึงเคล็ด (ไม่) ลับของความอร่อยและความดั้งเดิมของส้มตำยโสธรบ้านเกิดในตำรับของป้า
ผู้เขียนเริ่มตื่นเต้นและถามต่อว่าป้าใช้ปลาแบบไหนมาทำปล้าร้า “ปลาข่อนบ้านเฮานี่ล่ะลูก” ปลาข่อนในที่นี้หมายถึง ปลาที่อยู่ในแอ่งน้ำขนาดเล็กตามทุ่งนา การทำปลาร้าของป้าจะนำปลาตัวเล็กๆ ที่ได้จากแอ่งน้ำน้อยๆ มาหมักในไหตามสูตรเฉพาะ ป้านางบอกว่าปลาร้าที่มาจากบ้านรสจัดเกินไปต้องปรุงโดยใช้น้ำกระเทียมดองก่อนมาใส่ส้มตำจึงจะได้รสชาติที่พอดี
ปลาร้าทำเองที่ว่าเด็ดและจะให้ครบเครื่องเรื่องส้มตำตามสูตรตำรับที่คนอีสานกินกันต้องใส่มะกอกลงไปด้วย เพิ่มรสชาติความนัวจึงจะถึงใจ ปัจจุบันแม้แต่ในพื้นที่อีสานเองจะหาส้มตำที่ใส่มะกอกก็ว่ายากแล้ว ในกรุงเทพฯ ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ น้อยนักน้อยหนาที่จะเจอ แต่ร้านป้านางมีครบเพิ่มความเป็นอีสานที่ชาวอีสานโหยหาอย่างมาก จึงไม่แปลกที่จะพบชาวอีสานทั้งวัยรุ่นหนุ่มสาว วัยทำงาน ตลอดจนถึงผู้สูงอายุ มารวมตัวกันที่นี่
ถึงแม้ว่าร้านป้านางจะมีเมนูให้เลือกไม่มาก แต่อยากจะบอกว่า “น้อยแต่ดี” นัวทั้งส้มตำครกลาวและไทยเมนูปิ้งย่างก็มีทั้งไก่หมูปลาดุกเมนูลาบหรือจะต้มแซบร้อนๆซดให้สดชื่น
เราเริ่มสะสางค่าใช้จ่ายที่เราสั่งไป 4-5 อย่างในราคาไม่ถึง 200 บาท ถือว่าพอใจทั้งผู้จ่ายและผู้รับ อิ่มหนำสำราญจากอาหารและการพูดคุย
จากนั้นลาจากป้าและมื้อค่ำด้วยการบันทึกภาพบรรยากาศที่แสนอบอุ่น แสงพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินกระทบกับควันไฟย่างหมูของป้านางกำลังงาม สลับกับความวุ่นวายของผู้คนที่เดินผ่านไปมาเข้าออกตรอกมิขาดสาย แม้ว่าช่วงสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิด -19 จะทำให้ซอยนี้ไม่มีชาวต่างชาติเข้าๆออกๆเหมือนเคยก็ตาม
เสร็จสิ้นภารกิจมื้อเย็นแล้ว ป้าทิ้งทายกล่าวคำอำลาเราด้วยความสนิทชิดเชื้อ “โชคหมานเด้อลูก” ตามประสาไทอีสานเหมือนกัน
ที่ตั้ง ตรอกพระศุลี ริมถนนดินสอ ใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โรงเรียนสตรีวิทยาและโรงเรียนวัดบวรฯ
เปิด ทุกวัน ประมาณ 16.00 เป็นต้นไป
โทร 089-0697187 พี่ติ๊ก
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ย้อนอดีตสู่กรุงเก่า…ดินแดนออเจ้า จับมือคนรักย้อนเวลากว่า 100 ปี แวะไหว้พระขอพร กับ 2 วัดที่มีความน่าหลงใหล ย้อนวันวานกับพิพิธภัณฑ์ของเล่นหลงยุคสุดว้าว และดื่มด่ำกับบรรยากาศตลาดวิถีไทยยามค่ำคืน
“คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหมครับ” คนพันล้านคนที่เชื่อว่ามันมีอยู่จริง ผมคือหนึ่งในนั้น พรหมลิขิตที่นำพาให้ชายคนหนึ่งได้ทำในสิ่งที่คุณลุงรัก และพรหมลิขิตนี่เองที่ทำให้เขามีโอกาสเข้าใกล้กับบุคคลผู้เป็นแรงบันดาลใจในชีวิต
นิทรรศการ ร่องรอยชีวิตของชาวนา โดย นัฐวุฒิ กองลี จัดแสดง 2 มีนาคม – 27 มีนาคม 2565 ณ People’s Gallery ห้อง P1
นิทรรศการDISSECTION OF BREATHING โดย สิทธิพนธ์ เลาะไชยสงค์ จัดแสดง 3 มีนาคม- 27 มีนาคม 2565 ณ People’s Gallery ห้อง P2
นิทรรศการ ลวดลายในธรรมชาติ โดย วิริยะพร จิตราภิรมย์ จัดแสดง 2 มีนาคม 2565 – 27 มีนาคม 2565 ณ People’s Gallery ห้อง P3
“นายรอบรู้” ขอแนะนำคาเฟ่สุดน่ารักริมแม่น้ำกกในตัวเมืองเชียงราย ที่คุณเห็นครั้งแรกเป็นต้องหลงรัก ด้วยเป็นคาเฟ่สีขาวสไตล์มินิมอล บรรยากาศอบอุ่นคลุมโทน จัดวางโต๊ะเก้าอี้ไม้สีเบส และตกแต่งด้วยของแฮนเมดน่ารัก ๆ อย่างแก้ว จาน ชาม กาน้ำชา เซรามิกสีสันสดใส ไม่ว่าจะเลือกนั่งมุมไหนก็น่ารักกุ๊กกิ๊กทุกมุม
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
กาฬสินธุ์เป็นเส้นทางการค้าระหว่างไทยกับประเทศแถบอินโดจีน และเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศเมื่อค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์จำนวนมากและมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดในไทยที่ภูกุ้มข้าว อ. สหัสขันธ์ โปงลางซึ่งเป็นเครื่องดนตรีชั้นเลิศของอีสานก็ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกที่จังหวัดนี้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ไทที่มีศิลปวัฒนธรรมที่น่าสนใจด้วย
ททท. มอบตราสัญลักษณ์ SHA แก่ผู้ประกอบการ จ. ชลบุรี เพื่อยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวปลอดภัยด้านสาธารณสุข ให้นักท่องเที่ยวได้มั่นใจที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวในวิถีใหม่แบบ New Normal
ลุ้นกันสุดตัวกับการแข่งขัน PTT Thailand Grand Prix หรือ MotoGP ที่สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ. บุรีรัมย์ งามนี้คนดูคุ้มสุดๆ ทั้งการแข่งขัน และกิจกรรมความสนุกมากมาย
© 2018 All rights Reserved.