ร้านป้านาง ส้มตำยโสเก่าแก่กลางกรุง

ปัจจุบันร้านส้มตำในกรุงเทพฯ เป็นของธรรมดาที่สามารถหารับประทานได้ทั่วไป เนื่องจากชาวอีสานเข้าทำงานในกรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก คนอีสานจำนวนไม่น้อยที่ใช้ร้านอาหารอีสานเป็นพื้นที่พบปะพูดคุยและรวมกลุ่มกัน

มื้อนี้กินหยังดีน้อเสียงหวานๆ ของป้านาง อุ่นเรือน สว่างวงษ์ แม่ค้าส้มตำวัย 62 ปี ที่ทักทายลูกค้าทุกคนด้วยความเป็นกันเอง โดยใช้ภาษาอีสานบ้านเกิดและความคุ้นเคยที่ขายส้มตำในย่านนี้กว่า 40 ปี ถือว่าเป็นแม่ค้าส้มตำอีสานที่มีความเก่าแก่ร้านหนึ่งในกรุงเทพฯ สลับกับการตระเตรีมอาหารเพื่อเสิร์ฟลูกค้าคนอื่นๆ อย่างชำนิชำนาญ

แม้ไร้ชื่อแต่รู้จักกันดี

ในตรอกพระศุลีริมถนนดินสอใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยโรงเรียนสตรีวิทยาและโรงเรียนวัดบวรฯหลบมุมถนนใหญ่เข้ามามีร้านส้มตำอาหารอีสานเล็กๆไม่มีชื่อไม่มีป้ายแต่เป็นที่รู้จักกันในหมู่นักชิมแถบนั้นดีโดยเฉพาะครูนักเรียนโรงเรียนสตรีวิทยาและในละแวกใกล้เคียง

เดินเข้ามาจะพบเจอรอยยิ้มจากสองแม่ค้าคือป้านาง และพี่ติ๊ก ประภาภรณ์ แสงพล วัย 39 ผู้เป็นหลานสาวและการเคลื่อนไหวร่างกายที่ทะมัดทะแมงแข็งขันว่องไวไม่หยุดนิ่งเพื่อให้ทันใจลูกค้าผู้หิวโหยหลังสิ้นการงาน

คนแถวนี้เขารู้จักกันดีเพราะป้าออกจากบ้านมาขายส้มตำแถวนี้มาตั้งแต่เป็นสาวป้านางเริ่มเล่าเรื่องราวส่วนตัวว่าเริ่มเข้ากรุงมาแสวงโชคเหมือนคนอีสานอื่นๆ

ป้านางเป็นชาวอำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธรเริ่มเข้ามาทำมาค้าขายในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี พ.. 2522 โดยช่วงแรกนั้นปูเสื่อขายส้มตำบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา จากนั้นเมื่อปี พ.. 2527 จึงได้ย้ายมาตั้งร้านณตรอกพระศุลีจนถึงปัจจุบัน

แต่ก่อนบ้านป้าอยู่ในซอยตรงนั้นน่ะป้านางชี้ไปฝั่งตรงข้ามที่ปัจจุบันกลายเป็นอาคารเรียนของโรงเรียนวัดบวรฯ เมื่อบ้านพักเดิมได้ถูกเวนคืนที่ดินทำให้ชาวบ้านที่เคยเช่าอยู่พื้นที่ตรงนั้นต้องย้ายออกไปพักที่อื่น ป้านางก็คือหนึ่งในนั้น แต่ถึงแม้จะพักอยู่ที่อื่นแล้วยังคงยึดมั่นที่จะค้าขายอยู่จุดเดิม

ป้านางเดินทางมาจากบ้านพักที่ถนนจรัญสนิทวงศ์ ฝั่งธนบุรี เริ่มเตรียมของย่างไก่ ย่างหมูตั้งแต่บ่ายสามโมงของทุกๆ วัน วันธรรมดาจันทร์ศุกร์มีน้องๆนักเรียนเป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่เลิกเรียนประมาณสี่โมงเย็นป้านางและพี่ติ๊กก็จะเริ่มประจำที่ของตนเพราะจะเป็นช่วงที่วุ่นมากๆเมื่อนักเรียนมัธยมเข้ามารับประทานอาหารและถือเป็นการคั่นเวลาที่จะเรียนพิเศษณโรงเรียนกวดวิชาที่อยู่ข้างๆ

เวลาห้าโมงคือกลุ่มลูกค้าในเวลาต่อมาซึ่งเป็นกลุ่มคนวัยทำงานที่จะเลิกงานประมาณห้าโมงเย็นไปจนถึงค่ำ กลุ่มนี้มีหลากหลายทั้งครูโรงเรียนใกล้เคียง พนักงานออฟฟิศ และผู้ปกครองที่มารอรับบุตรหลาน ส่วนเสาร์อาทิตย์ และวันหยุดก็จะมีลูกค้าเป็นผู้ที่พักอาศัยอยู่ในแถบนี้และนักท่องเที่ยวทั่วไป

ส่วนใหญ่เมนูอะไรขายดีผู้เขียนถามแม่ค้าทั้งสอง พี่ติ๊กมือตำส้มตำตอบด้วยความไม่ลังเลที่จะตอบว่าคอหมูย่างจะขายดีที่สุด ส่วนส้มตำจะเท่าๆ กันระหว่างตำไทยและตำลาวพี่ติ๊กยังกล่าวไปอีกว่าเดี๋ยวนี้น้องๆ มัธยมกินตำลาวเผ็ดๆ เก่งมาก ทางร้านจึงขายดีเลยทีเดียวรสชาติส้มตำพริกติดครกของเราที่สั่งทานประจำดูจืดไปเลย

ทีเด็ดคือปลาร้าโฮมเมดจากยโส

ร้านส้มตำในกรุงเทพฯมีมากก็จริงแต่จะหารสชาติบ้านๆดั้งเดิมนั้นก็ยากจากการสังเกตและตระเวนรับประทานอาหารอีสานอยู่หลายร้านพบว่าร้านส้มตำอีสานเปลี่ยนมาใช้ปลาร้าขวดสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงงานไปหมดแล้วส้มตำหลายๆร้านจึงมีรสชาติคล้ายๆกันไปหมด

จากการสนทนากันไปเรื่อยๆ ผู้เขียนเริ่มแลกเปลี่ยนกับแม่ค้าทั้งสองด้วยการบอกว่าเป็นคนอีสานเหมือนกัน โดยแนะนำตัวว่าเป็นคนจังหวัดมหาสารคาม

ถ้าป้ากลับยโสในเส้นทางเก่าจะต้องผ่านบ้านหนูแน่ๆ แต่ตอนนี้ป้ากลับทางตัดใหม่แล้วคือเส้นอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย เพราะมันใกล้และสะดวกกว่า แต่ก็แล้วแต่คนขับนะป้าพูดไปยิ้มไป

หลังจากที่รู้ว่าพื้นเพเป็นชาวอีสานเหมือนกัน ภาษาในการสนทนาก็เริ่มเปลี่ยนไป ป้าไม่พูดภาษากลางกับเราและมีความสนิทสนมมากยิ่งขึ้น เพลงคนบ้านเดียวกันของพี่ไผ่ พงศธร ก็แว๊บเข้ามาในหัวทันที สำนึกร่วมความเป็นท้องถิ่นเดียวกันเริ่มชัดขึ้น ป้าเริ่มถามไถ่เราต่างๆ นานาเหมือนลูกเหมือนหลาน

ปลาร้าป้าเอามาจากบ้านเฮาเลย ป้าเอามาต้มเองป้านางกลับเข้าเรื่องส้มตำที่ค้างกันไว้พร้อมทั้งกล่าวถึงเคล็ด (ไม่) ลับของความอร่อยและความดั้งเดิมของส้มตำยโสธรบ้านเกิดในตำรับของป้า

ผู้เขียนเริ่มตื่นเต้นและถามต่อว่าป้าใช้ปลาแบบไหนมาทำปล้าร้าปลาข่อนบ้านเฮานี่ล่ะลูกปลาข่อนในที่นี้หมายถึง ปลาที่อยู่ในแอ่งน้ำขนาดเล็กตามทุ่งนา การทำปลาร้าของป้าจะนำปลาตัวเล็กๆ ที่ได้จากแอ่งน้ำน้อยๆ มาหมักในไหตามสูตรเฉพาะ ป้านางบอกว่าปลาร้าที่มาจากบ้านรสจัดเกินไปต้องปรุงโดยใช้น้ำกระเทียมดองก่อนมาใส่ส้มตำจึงจะได้รสชาติที่พอดี

ปลาร้าทำเองที่ว่าเด็ดและจะให้ครบเครื่องเรื่องส้มตำตามสูตรตำรับที่คนอีสานกินกันต้องใส่มะกอกลงไปด้วย เพิ่มรสชาติความนัวจึงจะถึงใจ ปัจจุบันแม้แต่ในพื้นที่อีสานเองจะหาส้มตำที่ใส่มะกอกก็ว่ายากแล้ว ในกรุงเทพฯ ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ น้อยนักน้อยหนาที่จะเจอ แต่ร้านป้านางมีครบเพิ่มความเป็นอีสานที่ชาวอีสานโหยหาอย่างมาก จึงไม่แปลกที่จะพบชาวอีสานทั้งวัยรุ่นหนุ่มสาว วัยทำงาน ตลอดจนถึงผู้สูงอายุ มารวมตัวกันที่นี่

ถึงแม้ว่าร้านป้านางจะมีเมนูให้เลือกไม่มาก แต่อยากจะบอกว่าน้อยแต่ดีนัวทั้งส้มตำครกลาวและไทยเมนูปิ้งย่างก็มีทั้งไก่หมูปลาดุกเมนูลาบหรือจะต้มแซบร้อนๆซดให้สดชื่น

เราเริ่มสะสางค่าใช้จ่ายที่เราสั่งไป 4-5 อย่างในราคาไม่ถึง 200 บาท ถือว่าพอใจทั้งผู้จ่ายและผู้รับ อิ่มหนำสำราญจากอาหารและการพูดคุย

จากนั้นลาจากป้าและมื้อค่ำด้วยการบันทึกภาพบรรยากาศที่แสนอบอุ่น แสงพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินกระทบกับควันไฟย่างหมูของป้านางกำลังงาม สลับกับความวุ่นวายของผู้คนที่เดินผ่านไปมาเข้าออกตรอกมิขาดสาย แม้ว่าช่วงสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิด -19 จะทำให้ซอยนี้ไม่มีชาวต่างชาติเข้าๆออกๆเหมือนเคยก็ตาม

เสร็จสิ้นภารกิจมื้อเย็นแล้ว ป้าทิ้งทายกล่าวคำอำลาเราด้วยความสนิทชิดเชื้อโชคหมานเด้อลูกตามประสาไทอีสานเหมือนกัน

Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest

Info

ร้านป้านาง

ที่ตั้ง ตรอกพระศุลี ริมถนนดินสอ ใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โรงเรียนสตรีวิทยาและโรงเรียนวัดบวรฯ

เปิด ทุกวัน ประมาณ 16.00 เป็นต้นไป

โทร 089-0697187 พี่ติ๊ก

Previous
Next

Guide ใกล้ : Application คู่ใจคนชอบท่องเที่ยวตัวจริง

Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว

Writer/ Photographer

จารุวรรณ ด้วงคำจันทร์

จารุวรรณ ด้วงคำจันทร์

Relate Place

Sleep

ริเวียร่า วิลล่า รีสอร์ท พักกาย พักใจ ในธรรมชาติ

จะดีแค่ไหน…ถ้าลืมตาตื่นมาตอนเช้าแล้วเห็นพระอาทิตย์ขึ้นริมสายน้ำ ได้ฟังเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วแทนเสียงนาฬิกาปลุกได้ปั่นจักรยานรับลมเย็นๆ ใต้ร่มเงาไม้ได้กินอาหารอร่อยที่ปรุงจากวัตถุดิบอินทรีย์ ได้เดินนวดเท้าท่ามกลางสายน้ำเย็นฉ่ำได้ออกกำลังกับกิจกรรมแอดเวนเจอร์ได้รับลมชมพระอาทิตย์ตกท่ามกลางบึงน้ำและขุนเขา ได้ดูหิ่งห้อยก่อนเข้านอนได้พักกายพักใจตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ในสถานที่ที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขา ต้นไม้ และสายน้ำ กับที่พักแสนอบอุ่นและสบายเหมือนบ้าน Riviera Villa Resort รีสอร์ทแสนร่มรื่นริมแม่น้ำนครนายก สถานที่ที่ใครได้มาเยือนแล้วจะต้องหลงรัก ทางเข้าเป็นถนนคอนกรีตเล็กๆ ที่สองข้างทางเขียวครึ้มไปด้วยต้นไม้ ผ่านสวนเงาะของชาวบ้าน และสวนกล้วยที่รีสอร์ทปลูกไว้  ภายในรีสอร์ทมีบึงน้ำกว้างและลานโล่งที่มองเห็นเขาใหญ่เป็นฉากหลัง พื้นที่กว่า 50 ไร่ของรีสอร์ท เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และสวนสมุนไพรที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ บ้านพักเป็นวิลล่าหลังใหญ่สไตล์วินเทจ มี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ

Central

กรุงเทพมหานคร

ข้อมูลจังหวัด กรุงเทพมหานคร รวบรวมโดย นายรอบรู้นักเดินทาง จากหนังสือท่องเที่ยวจังหวัดต่างๆ ในเมืองไทย ที่รวมรวมข้อมูลน่ารู้ ที่เที่ยวน่าไป ของกินน่าทาน

Travel

“สะเร็นน่า” น่าไป ปราสาทตาเมือน จุดเชื่อมสองแผ่นดิน

“สะเร็นน่า” น่าไป ปราสาทตาเมือน จุดเชื่อมสองแผ่นดิน สุรินทร์ดินแดนร่ำรวยปราสาท เพราะมีปราสาทอยู่ถึง ๓๙ แห่ง สันนิษฐานว่าสมัยขอมเรืองอำนาจ สุรินทร์คงเป็นดินแดนหนึ่งที่อยู่ในเส้นทางการไปมาของขอมโบราณ จึงได้สร้างปราสาทขึ้นตามเส้นทางสัญจร ปราสาทในจังหวัดสุรินทร์เป็นปราสาทขนาดเล็ก ที่โดดเด่นคือปราสาทศีขรภูมิ ที่อำเภอศีขรภูมิ เพราะอยู่ในชุมชน มีความสมบูรณ์ สวยงาม และปราสาทภูมิโปนที่อำเภอสังขะ เพราะเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย มีความสัมพันธ์กับนิทานท้องถิ่นเรื่อง “เนียงเด๊าะทม” (นางนมใหญ่) ธิดากษัตริย์ขอมที่มาพักเพื่อหลบหนีภัยสงคราม แต่สำหรับครั้งนี้จะขอนำเสนอปราสาทริมชายแดนที่เป็นจุดร่วมของคนเดินทางระหว่างคนเขมรต่ำ-เขมรสูงในอดีต ซึ่งก็คือกลุ่มปราสาทตาเมือน กลุ่มปราสาทตาเมือน ประกอบด้วยปราสาท ๓ หลังที่บ้านหนองคันนาสามัคคี ตำบลตาเมืยง

News

ยูนิลีเวอร์ ฟู้ดโซลูชั่นส์ นำทัพเชฟและกูรูอาหารอัพเดทที่สุดของเทรนด์อาหารแห่งปีกับ “Trend Watch Expo 2019” พร้อมเปิดเคล็ดลับบริหารร้านอาหารให้ติดกระแส

อยากรู้ไหมว่าทำอย่างไรให้ร้านอาหารของคุณปัง และติดเทรนด์เสมอ?