
ครัวบ้านกรู
ใครที่ชื่นชอบอาหารอินเดียคงไม่พลาด Rang Mahal Rooftop Indian Restaurant ห้องอาหารอินเดียในรูปแบบ fine dining บนชั้น 26 ของโรงแรมแรมแบรนดท์ ย่านสุขุมวิท ที่ได้รับรางวัล Thailand’s BestRestaurants จากนิตยสาร Thailand Tatler ถึง 13 ปีซ้อน
มนุษย์คงเป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่เหินห่างกับธรรมชาติมานาน แต่ด้วยสัญตชาตญาณที่อยู่ภายในยังคงเรียกร้องถึงธรรมชาติอยู่ การได้ไปเดินป่าขึ้นเขาสักที่อาจจะเป็นตัวช่วยอย่างดีที่จะทำให้เราไม่หลงลืมธรรมชาติไปก่อน และ “เขาใหญ่” คงเป็นชื่อแรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจของใครหลายคน ทั้งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และการเดินทางก็ไม่ลำบากนัก
ในพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 2,000 ตร.กม. ของ อช.เขาใหญ่ โดยมีป่าดงดิบเป็นพระเอก เพราะครอบคลุมพื้นที่ถึงร้อยละ 90 ของพื้นที่ป่าบนเขาใหญ่ทั้งหมด ป่าดงดิบเป็นสถานที่ที่รวบรวมความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตและพืชพันธ์หายากไว้มากที่สุด นอกจากจะได้เรียนรู้ถึงสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ แล้ว การเข้าไปในป่าแห่งนี้ก็อาจทำให้เราได้เรียนรู้ตัวเราเองด้วยว่า อะไรที่ขาดหายไป และ“ธรรมชาติ” มันคืออะไร
อช. เขาใหญ่ มีเส้นทางให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาศึกษาธรรมชาติหลากหลายเส้นทางด้วยกัน เช่น จุดชมวิวทิวทัศน์ผาเดียวดาย ที่จะทำให้ได้เห็นทิวทัศน์ของป่าเขาเขียว และเส้นทางศึกษาธรรมชาติกม.33 – หอดูสัตว์หนองผักชี
ถนนธนะรัชต์ ที่เป็นถนนหลักที่ตัดตรงจาก อำเภอปากช่อง ไปถึงทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และที่ กม.33 ของถนนธนะรัชต์นี้เอง เป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินสำรวจป่าครั้งนี้
สำหรับ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกม.33 – หอดูสัตว์หนองผักชี มีความยาวประมาณ 3.5 กิโลเมตร เดินเท้าได้ง่าย อาจจะใช้เวลาการเดิน 2-3 ชั่วโมงหรืออาจจะมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับจังหวะการก้าวเท้าของแต่ละคน ใครมาเดินเพื่อศึกษาธรรมชาติเราก็จะได้พบเห็นพันธุ์ไม้หลากหลายรวมถึงสัตว์ป่าหายาก เช่น นกเงือก สัญลักษณ์ของป่าดงดิบที่หาชมได้ยากเต็มที หรือจะเป็น กระจง สัตว์กีบขนาดเล็กที่สุดบนเขาใหญ่ ชะนี ที่คอยห้อยโหนเก็บลูกไม้หากิน และอาจได้พบร่องรอยของช้างป่า เช่น รอยเท้าหรือมูลช้าง แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องวงเล็บไว้ว่า “ถ้าโชคดีอาจจะเจอ”
ถ้าเราลองเดินช้า…ลงอีกสักนิด รู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตรอบตัวในป่านี้สักหน่อย เราอาจจะพบคำตอบบางอย่างที่ทำให้เราต้องเดินเข้ามาเดินป่าแห่งนี้
เมื่อก้าวเท้าเดินเข้ามาในป่า สายลม แสงแดดที่มาสัมผัสเรา กลายเป็นคำเชื้อเชิญที่ทำให้เรารู้จักกับป่าแห่งนี้มากขึ้น ในตอนแรกเราอาจจะเป็นคนแปลกหน้า แต่เมื่อก้าวเดินเข้าไปลึกขึ้น เปิดสัมผัสและเปิดในรับธรรมชาติมากขึ้น เราก็ไม่ได้เป็นผู้แปลกแยกอีกต่อไป เราอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวงจรชีวิต และระบบนิเวศน์แห่งนี้ไปโดยปริยาย
เดินมาได้พักใหญ่เราเริ่มสนิทสนมกับป่าแห่งนี้มากขึ้น เหนื่อยมากขึ้นตามระยะทางเดิน เราแวะนั่งพักใต้ร่มต้นไทรใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาที่ให้ความรู้สึกเหมือนพี่ใหญ่ของป่าแห่งนี้ อาจจะเป็นคุณปู่ที่ดูโอบอ้อมอารี ในตอนที่ไม่มีผู้คนผ่านมา ต้นไทรนี้จะกลายเป็นแหล่งชุมนุมสัตว์ป่าน้อยใหญ่ก็เป็นได้
นั่งซึมซับลมเย็นพอให้เหงื่อแห้งได้สักพัก เราก็ลาต้นไทรใหญ่ ขอบคุณในร่มเงาและลมเย็นที่ได้แบ่งปัน ตลอดเวลาไม่นานที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ตรงนั้น
ระหว่างเส้นทางเดิน มีต้นยางต้นหนึ่งที่ดูสะดุดตา เหมือนชักชวนเราให้เข้าไปหา เราเข้าไปโอบกอดต้นไม้เพียงอยากรู้ว่าจะมีขนาดใหญ่เท่าไร แต่กลายเป็นว่าเราได้ สัมผัส ซึ่งกันและกัน ผ่านทางฝ่ามือของเรากับเปลือกของต้นไม้ แอบอิงฟังเสียงของต้นไม้ ถ่ายทอดพลังงานบางอย่างมาสู่เรา การได้กอดใครสักคนอาจจะทำให้เราเดินหน้าต่อไปเหมือนรถยนต์ที่เติมน้ำมันเต็มถัง ต้นไม้ต้นนั้นที่เรากอดก็ไม่ต่างจากบ่อน้ำที่ให้พลังงานเราก้าวเดินต่อไปจนสุดทางได้เช่นกัน
ใกล้พ้นร่มไม้ใหญ่ เนินหญ้าคาสูงที่เหมือนยืนต้อนรับเราอยู่ กำลังจะบอกกับเราว่า “ใกล้สุดทางแล้ว” ต่อจากนี้ไปจะเป็นเนินหญ้าคาที่จะเชื่อมไปยัง “หอดูสัตว์หนองผักชี”
หันหลังมองกลับไปก็ตั้งคำถามว่า เราใช้เวลาเดินผ่านเท่าไรนะ แต่นั่นคงไม่ใช่เรื่องสำคัญที่เราได้จากการเดินครั้งนี้ ที่สำคัญกว่า มันคงเป็นความรู้สึกว่า ป่าแห่งนี้ได้มาเติมเต็มคำว่า “ธรรมชาติ” ที่ขาดหายไป คงเป็นเพราะเราได้มาเจอต้นไม้ใบหญ้า สัมผัสอากาศเย็นบริสุทธิ์อย่างสบายใจไร้ฝุ่นควัน เจอสิ่งมีชีวิตที่หลากหลายที่ทำให้ได้รู้ว่าว่าบนโลกนี้ยังมีสิ่งชีวิตอื่น ๆ อีกเช่นกัน และสิ่งที่สูงใหญ่ก็ไม่ได้มีแค่อาคารสูงเท่านั้น
การเดินครั้งนี้เราก็อาจจะไม่ได้เข้าใจธรรมชาติขึ้นมากจากเดิมนัก แต่มันทำให้เรารู้สึกสนิทสนมกับธรรมชาติมากขึ้น เราก็ขยับเข้าใกล้กันมากขึ้นเช่นกัน
บางทีเราอาจจะเคยรู้สึกว่า “ธรรมชาติ” เป็นอะไรที่ไกลตัวเรามาก บ้างเราอาจโหยหามันโดยไม่รู้ตัว เพราะเวลานึกถึงธรรมชาติ เราจะชอบนึกถึงป่าเขาลำเนาไพรที่มันอยู่ห่างไกลเราเป็นร้อย ๆ กิโลเมตร แล้วถ้าเราลองมองใกล้ ๆ ตัวเข้ามาอีกนิด เช่น น้ำที่เราเปิดใช้จากก๊อกทุกวัน ต้นกระบองเพชรที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ กอหญ้าเล็ก ๆ ที่แทรกขึ้นระหว่างฟุตบาท เพียงแค่เราเปลี่ยนมุมมอง ลองดูดี ๆ สิ่งเหล่านี้ก็เป็นธรรมชาติที่ไม่ได้ห่างไกลเราเลย…..มันอยู่รอบตัวเรานี่เอง
เพียงแค่มีสติทุกย่างก้าว เงียบสิ่งที่คิดไว้สักนิดและฟังเสียงรอบตัวอีกสักหน่อย เสียงนกร้องและใบไม้เสียดสีโดยมีสายลมเป็นผู้บรรเลง มองออกไปแบบไม่เพ่งเล็งหาคำตอบ เราอาจจะได้คำตอบที่คาใจมาโดยไม่ต้องขวนขวายอะไรเลย เพียงแค่ปล่อยตัวและใจให้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งรอบตัว ตระหนักไว้ว่าเราไม่ใช่เจ้าของ หรือผู้อยู่ใต้ธรรมชาติ แต่เราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน…เท่านั้นเอง
ที่ตั้ง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต. หมูสี อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา
เปิด วันจันทร์ – วันศุกร์ 07:00 น. – 17:00 น.
วันเสาร์ – วันอาทิตย์ 07:00 น. – 19:00 น.
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว

ใครที่ชื่นชอบอาหารอินเดียคงไม่พลาด Rang Mahal Rooftop Indian Restaurant ห้องอาหารอินเดียในรูปแบบ fine dining บนชั้น 26 ของโรงแรมแรมแบรนดท์ ย่านสุขุมวิท ที่ได้รับรางวัล Thailand’s BestRestaurants จากนิตยสาร Thailand Tatler ถึง 13 ปีซ้อน

เทียบกันแล้ว ภูหลวง อาจไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเท่ากับภูกระดึง ไม่ได้มีทะเลหมอกงดงามยิ่งใหญ่เท่ากับภูชี้ฟ้า แต่ในผืนป่าบนภูแห่งนี้กลับโดดเด่นด้วยพรรณไม้ที่มีมากกว่าใคร โดยเฉพาะบรรดาดอกไม้ป่า เช่น กุหลาบแดง กุหลาบขาว และกล้วยไม้ป่านานาพันธุ์ที่ผลัดกันบานสะพรั่ง แต่งแต้มสีสันอันงดงามให้ผืนป่าสีเขียวตลอดทั้งปี ใครได้ไปชมคงรู้สึกสดชื่น ตื่นตาตื่นใจ จนอดชื่นชมความเก่งกาจของศิลปินที่ชื่อ “ธรรมชาติ” ไม่ได้

เพราะว่ารักและใส่ใจ จึงมอบมื้ออาหารดีๆ แทนความรัก ต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ กับ 5 คาเฟ่ออร์แกนิก ที่ทำด้วยใจ ใส่ใจ และคัดเลือกวัตถุดิบจากคนที่ผลิตด้วยหัวใจเหมือนกัน

ใครที่ชื่นชอบอาหารอินเดียคงไม่พลาด Rang Mahal Rooftop Indian Restaurant ห้องอาหารอินเดียในรูปแบบ fine dining บนชั้น 26 ของโรงแรมแรมแบรนดท์ ย่านสุขุมวิท ที่ได้รับรางวัล Thailand’s BestRestaurants จากนิตยสาร Thailand Tatler ถึง 13 ปีซ้อน