เที่ยวโหดมันฮา ที่บ้านคีรีวงกต

“ถ้าไม่ผ่านเขาวงกต คุณมาผิดแล้วละครับ” เสียงหัวเราะพร้อมคำตอบจากปลายสายคลายความหวั่นใจของเราไปได้เปลาะหนึ่ง เพราะเส้นทางที่ผ่านมาช่างคดเคี้ยว โอบล้อมด้วยผืนป่าและภูเขา ชวนให้คิดว่าหลงอยู่ในเขาวงกตสมชื่อหมู่บ้านคีรีวงกต เสียจริงๆ !

ไม่นานพวกเราก็ถึงจุดหมายที่ซ่อนตัวในผืนป่าของอุทยานแห่งชาตินายูง-น้ำโสม ในตำบลนาแค อำเภอนายูง  นรินทร์ อนันทวรรณ์ ผู้ใหญ่บ้านเจ้าของเสียงหัวเราะในสายโทรศัพท์ ยิ้มร่ามาพาแขกต่างถิ่นขึ้นบ้านไปเก็บสัมภาระ  นั่งไม่ทันหายเหนื่อยก็ได้ยินเสียง “พี่เสือ” ดังมาแต่ไกล  ใครมาเที่ยวบ้านคีรีวงกตย่อมรู้ดีว่า นี่คือกิจกรรมนั่งรถเสือภูเขา  ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด !

รถเสือภูเขาของคนที่นี่ เราขอเรียกว่า “พี่เสือ”  มันไร้ลายพาดกลอน คำรามเป็นเสียงเครื่องยนต์ มีตัวถังสีดำมะเมื่อมประกอบขึ้นจากเหล็ก  ชาวบ้านนำรถไถนามาใส่เกียร์ ล้อหน้า พวงมาลัย กลายเป็นรถสี่ล้อที่มีสมรรถนะสูง นับเป็นภูมิปัญญาสุดเจ๋งเพราะทำให้รถไถกำลังเครื่องยนต์เพียง 14 แรงม้าวิ่งฉิวขึ้นเนินได้ราวเสือหนุ่มปราดเปรียว

ชาวคีรีวงกตมีนาข้าว ไร่มันสำปะหลัง ลูกเดือย และสวนยางพาราอยู่ในป่าและบนภูเขา   รถเสือภูเขาจึงเป็นพาหนะใช้เดินทางและบรรทุกผลิตผลที่สำคัญ  เมื่อปี 2550 พวกเขาคิดจัดกิจกรรมท่องเที่ยว  จึงต่อยอดสิ่งที่มีอยู่ด้วยการจัดทริปพานั่งรถเสือภูเขาไปชมวิถีชีวิต ซึ่งนอกจากสร้างรายได้เสริม ยังเป็นอีกวิธีที่ทำให้ชาวบ้านเห็นความสำคัญและช่วยกันรักษาผืนป่า

เมื่อทุกคนก้าวขึ้นหลังเรียบร้อย “พี่เสือ” ก็ออกวิ่งจากถนนลาดยางที่ราบเรียบกลางหมู่บ้านสู่ทางดินขรุขระ ทิ้งรอยเท้าไว้เป็นทางยาว ผ่านทุ่งนาเขียวขจี ผ่านไร่มันสำปะหลังกว้างสุดสายตา ก่อนปีนไปตามสวนยางพาราบนเนินเขา  ช่วงที่เร้าใจที่สุดคือตอนที่ “พี่เสือ” กระโจนลงลำธาร น้ำกระเซ็นแหวกเป็นสองข้าง ตะกอนดินฟุ้งขึ้นจนน้ำขุ่นคลั่ก

สี่ล้อของรถเสือภูเขาบดขยี้ไปตามโขดหินสูงต่ำในน้ำจนตัวรถกระเด้งกระดอน ผู้โดยสารอย่างพวกเราต้องเกาะรถไว้แน่น เกรงจะกลิ้งตกลงน้ำเปียกมะล่อกมะแล่กจนดูไม่จืดไม่ว่าจะขึ้นเขา ลงห้วย หรือข้ามลำธาร “พี่เสือ” พาไปอย่างไม่หวาดหวั่น จนเรารู้สึกเหมือนนักผจญภัยที่กำลังขี่หลังเสือวิ่งทะยานไปในพงไพร

ใช้เวลาราวชั่วโมงเศษ รถเสือภูเขาก็พามาถึงน้ำตกห้วยช้างพลาย  ปลายฤดูฝนเช่นนี้มีน้ำไหลบ่าเต็มผาหิน บรรยากาศปกคลุมด้วยความชุ่มชื้น  ชาวบ้านพาเราล้อมวงกินข้าวในป่า  พวกเขานำกระบอกไม้ไผ่ที่ตัดเตรียมไว้มาล้าง จากนั้นนึ่งข้าวเหนียว ย่างไก่ ต้มน้ำซุป และตัดใบตองมารองนั่ง เรียกว่าแทบไม่ใช้วัสดุแปลกปลอมไปจากธรรมชาติเลย แม้แต่ช้อนและที่คีบน้ำแข็งยังเหลาจากไม้ไผ่อย่างสวยงาม

“เราจะกินข้าวป่าต่อเมื่อออกไปล่าสัตว์  คนสมัยก่อนเข้าป่าไม่ได้นำภาชนะอะไรติดตัวไปเลย จะให้ถือหม้อไปด้วยก็ไม่สะดวก จึงไปตัดกระบอกไม้ไผ่มาหุงหาอาหารแทนหม้อ  คนรุ่นใหม่ไม่เคยทำแล้ว พอเขามากินข้าวในป่า เราก็จะได้บอกว่าสมัยก่อนคนรุ่นพ่อแม่เขากินอย่างไร” ผู้ใหญ่บ้านไขความลับว่าทำไมถึงชวนแบกท้องมากินข้าวที่นี่

ไม่นานนักข้าวเหนียวที่นึ่งในกระบอกไผ่ก็สุก ส่งกลิ่นหอมเฉพาะตัว   ทุกคนในทีมกินกับไก่ย่างหอมฉุยและต้มไก่รสแซ่บอย่างเอร็ดอร่อย 

จกข้าวเหนียวกันจนเม็ดสุดท้าย ตบท้ายด้วยการจิบกาแฟหอมกรุ่นในกระบอกไม้ไผ่ พลางนั่งฟังเสียงน้ำตกอย่างเพลินใจ ก่อนรถเสือภูเขาจะวิ่งพากลับมาส่งที่บ้านพักโฮมสเตย์ให้พักผ่อนตามสบาย

ช่วงค่ำมี “โฮมพาแลง” หรือการรับประทานอาหารเย็นร่วมกันซึ่งเป็นวัฒนธรรมการต้อนรับแขกผู้มาเยือนของชาวอีสาน   มีเด็กๆ มารำเชิญขวัญและรำบายศรี  นอกจากความเพลิดเพลินแล้ว   ใครที่มาคงสัมผัสได้ถึงความสุขที่ส่งออกมาจากแววตาของชาวคีรีวงกตยามเห็นลูกหลานของตนแสดงต่อหน้าผู้ชมต่างถิ่น

หลังจากนั้นมีพิธีบายศรีสู่ขวัญซึ่งเป็นการเรียกขวัญให้กลับคืนมา ช่วยให้คนที่เจ็บไข้หรือหมดหวัง  มีกำลังใจดีขึ้น  คำสวดมีใจความว่า ขอให้บรรดารุกขเทวดา เทวดา ผี  หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยคุ้มครอง  เมื่อสวดเสร็จสิ้นชาวบ้านนำไข่ในพานบายศรีให้เรากิน  ด้วยเชื่อว่าขวัญกลับมาอยู่ในไข่ เมื่อกินไข่ ขวัญก็จะกลับคืนมาสู่ตัวเรา   จากนั้นพ่อหมอก็พรมน้ำมนต์ขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป แล้วให้ทุกคนล้อมวงเข้ามาผูกข้อมือ

“ขอให้อยู่ดีมีแฮง ขอให้ร่ำรวย เจริญๆ เด้อ” เสียงผู้เฒ่าผู้แก่อวยพรระหว่างผูกสายสิญจน์ ทำให้คนที่ได้รับฟังรู้สึกอบอุ่นและสบายใจราวกับเป็นลูกหลานบ้านนี้

เช้าตรู่พวกเราขึ้นรถเสือภูเขาอีกครั้ง นั่งฝ่าความสลัวไปยังไร่มันสำปะหลังของผู้ใหญ่บ้าน  เราได้ชมบรรยากาศยามเช้าจากบนเขาเหนือหมู่บ้าน  ผู้ใหญ่บอกว่า ช่วงหลังฝนตกหรือฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกปกคลุมดูสวยงามมาก  แม้วันนั้นมีหมอกไม่มากนัก แต่ทิวทัศน์ก็ดูสวยงามในอีกแบบ

ความงามยามเช้าเป็นดังฉากสุดท้ายที่ฝากความประทับใจไว้   ก่อนผู้มาเยือนจากเมืองกรุงอย่างเราจะจากลา  นอกจากสัมภาระและของฝากแล้ว ที่ได้ติดไม้ติดมือกลับมาเพิ่มคือประสบการณ์ตะลุยป่าอันแสนสนุกและอบอุ่นใจในมิตรภาพของชาวบ้าน…เป็นความทรงจำดีๆ จากหมู่บ้านเล็กๆ  กลางป่าที่มีทางเข้าคดเคี้ยวราวเขาวงกต

กลุ่มการท่องเที่ยวบ้านคีรีวงกต โทร. 08-3147-9004 ค่าร่วมกิจกรรม (รวมค่าที่พักและอาหารสามมื้อ) คนละ 900 บาท   ถ้าเฉพาะนั่งรถเสือภูเขาและกินข้าวป่า คนละ 300 บาท

Relate Place

News

ททท. เปิดตัว “โครงการ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน”

ททท. เปิดตัวกิจกรรมสุดว้าว ภายใต้ “โครงการ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ตรงใจนักท่องเที่ยว

เริ่มแล้ว! ททท. จัดเต็มแสง เสียง กับงาน “วิจิตร 5 ภาค @กรุงเทพมหานคร” ดึงเทคโนโลยีล้ำสมัย สะท้อนศิลปะและความเชื่อคนไทย ใน 3 พื้นที่แลนด์มาร์ก กรุงเทพมหานคร
News

ททท. จัดงาน “วิจิตร 5 ภาค @กรุงเทพมหานคร”

เริ่มแล้ว! ททท. จัดเต็มแสง เสียง กับงาน “วิจิตร 5 ภาค @กรุงเทพมหานคร” ดึงเทคโนโลยีล้ำสมัย
สะท้อนศิลปะและความเชื่อคนไทย ใน 3 พื้นที่แลนด์มาร์ก กรุงเทพมหานคร

News

เปิดเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำ กรุงเทพมหานครถึงพระนครศรีอยุธยา

ททท. ร่วมกับหอการค้าไทย เดินหน้าเปิดเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำ กรุงเทพมหานครถึงพระนครศรีอยุธยา หวังกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ สู่การท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน