สนุก..เรียนรู้..การทำโคมไฟ บ้านม่วงตึ๊ด
ถ้าเอ่ยถึง “บ้านม่วงตึ๊ด” หลายคนอาจไม่รู้จักว่าอยู่แห่งหนตำบลใด แต่ถ้าพูดถึง “พระธาตุแช่แห้ง” เชื่อว่าหลายคนต้องร้องอ๋อ!!!
หลายคนคงคุ้นเคยกับภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงามอ่อนช้อยที่ปรากฏอยู่ภายในโบสถ์วิหาร ซึ่งส่วนมากเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและชาดก แล้วถ้าบอกว่าเราจะชวนไปดู “ฮูปแต้ม” คุณนึกออกไหมว่าคืออะไร
“ฮูปแต้ม” หรือรูปแต้ม คือจิตรกรรมฝาผนังของชาวอีสานที่นอกจากปรากฏบนผนังภายในสิมหรือโบสถ์แล้ว ช่างยังแต้มหรือวาดที่ผนังภายนอกสิม เนื่องจากสิมมีขนาดเล็ก ช่างแต้มไม่สามารถวาดได้จบเรื่อง จึงต้องวาดบนผนังภายนอกสิมด้วย ซึ่งนับเป็นเรื่องดีเพราะผู้ที่ไม่สามารถเข้าไปร่วมพิธีในสิม โดยเฉพาะผู้หญิงที่ตามขนบอีสานไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในสิมซึ่งเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับประกอบกิจของสงฆ์ จะได้มีโอกาสเรียนรู้หลักธรรมคำสอนจากฮูปแต้มภายนอกสิม
ฮูปแต้มมักเป็นเรื่องราวในพุทธศาสนาหรือนิทานพื้นบ้านที่มุ่งเพาะบ่มขัดเกลาจิตใจ เรื่องที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากคนอีสานและช่างแต้มในแถบอีสานตอนล่างได้แก่ จ. ขอนแก่น มหาสารคาม และร้อยเอ็ด คือเรื่อง สินไซ หรือ สังข์ศิลป์ชัย ดังเช่นฮูปแต้มที่สิมวัดไชยศรี อ. เมือง และฮูปแต้มที่สิมวัดสนวนวารีพัฒนาราม อ. บ้านไผ่ จ. ขอนแก่น ฮูปแต้มที่สิมสองแห่งนี้เป็นฝีมือช่างพื้นบ้าน เขียนได้สนุกสนาน โดยเฉพาะที่วัดสนวนวารีฯ นั้นมีแผ่นป้ายข้อมูลประกอบการชมและเข้าชมได้อย่างสะดวกสบาย
ภาคอีสานในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19-23 อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรล้านช้าง อาณาจักรของชนชาติลาวแถบลุ่มน้ำโขง ต่อมาภายหลัง แม้สูญเสียเอกราชให้แก่สยาม แต่วัฒนธรรมทั้งด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรม และขนบธรรมเนียมประเพณี ยังคงมีอิทธิพลต่อคนในภาคอีสาน อีกทั้งคนอีสานในหลายพื้นที่ก็สืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษที่อพยพมาจากเมืองเวียงจันทน์และหลวงพระบางของล้านช้าง
สินไซ เปรียบเสมือนมรดกทางวรรณกรรมอันล้ำค่าของชาวล้านช้าง เป็นวรรณกรรมเก่าแก่ซึ่งเดิมเป็นหนังสือเทศน์ แต่งเป็นคำกลอนโดยท้าวปางคำใน พ.ศ. 2192 ต่อมามีการพิมพ์เป็นภาษาไทยและลาวอย่างกว้างขวาง วรรณกรรมเรื่องนี้นอกจากมีความงดงามทางภาษาแล้ว เนื้อหายังสนุกสนานน่าติดตามด้วยการผจญภัย “หกย่านน้ำ เก้าด่านมหาภัย” ของสินไซ ทั้งยังสอดแทรกเรื่องคุณธรรมหลายอย่าง คนอีสานส่วนใหญ่เชื่อว่า สินไซเป็นอดีตชาติของพระพุทธเจ้า โดยเป็นแบบปัญญาสชาดกหรือชาดกนอกนิบาต จึงไม่มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก
ขอขอบคุณ : อาจารย์ทรงวิทย์ พิมพะกรรณ์ รองผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น เอื้อเฟื้อข้อมูล
นิทานพื้นบ้านแดนอีสานเรื่องนี้เริ่มจากพระนางสุมณฑา พระขนิษฐาของท้าวกุศราชผู้ครองเมืองเป็งจาล ถูกท้าวกุมภัณฑ์แห่งเมืองอโนราชลักพาตัวไป ท้าวกุศราชจึงออกตามหาพระขนิษฐา ระหว่างทางพบหญิงงามและได้พวกนางเป็นมเหสีอีก 7 องค์ นอกเหนือจากที่มีพระนางจันทาเป็นมเหสีเอกอยู่แล้ว
เมื่อมเหสีทั้งแปดตั้งครรภ์ โหรหลวงทำนายว่าจะมีผู้มีบุญญาธิการมาเกิดในครรภ์ของมเหสี 2 องค์ คือ พระนางจันทาและพระนางลุน มเหสีองค์อื่นริษยาจึงวางแผนให้สินบนโหรหลวงเพื่อกลับคำทำนาย ทั้งทำเสน่ห์ยาแฝดให้ท้าวกุศราชลุ่มหลง
พระนางลุนคลอดโอรส 2 องค์ องค์แรกเป็นหอยสังข์ พระนามว่าสังข์ องค์ที่ 2 เป็นมนุษย์ถือดาบและศรศิลป์ออกมาด้วย พระนามว่าสินไซ (ศิลป์ชัย) ส่วนพระนางจันทาคลอดโอรสเป็นคชสีห์ หัวเป็นช้าง ตัวเป็นราชสีห์ พระนามว่าสีหราช หรือสีโหที่คนขอนแก่นนิยมเรียกขาน ต่อมาโอรสทั้งสามมีวิชาอาคมแก่กล้าเรียกเนื้อเรียกปลาได้
ท้าวกุศราชทรงอับอายที่มเหสีมีประสูติการประหลาด จึงเนรเทศทั้งสองพระนางและโอรสออกจากเมือง พระอินทร์ล่วงรู้ก็เนรมิตปราสาทกลางป่าให้เป็นที่พำนัก
กาลผ่านไปท้าวกุศราชยังคงตามหาพระขนิษฐาไม่พบ จึงโปรดให้โอรสอีก 6 องค์ไปร่ำเรียนวิชาเพื่อจะได้ช่วยตามหา แต่ทั้งหกกลับไม่ใส่ใจศึกษา เป็นเหตุให้ต้องวางอุบายเพื่อโกหกพระบิดา
บังเอิญโอรสทั้งหกได้พบกับสีหราช สังข์ และสินไซ และรู้ว่าเป็นพี่น้องร่วมบิดา ก็วางอุบายว่าท้าวกุศราชให้ออกมาตามกลับเมืองและโปรดให้ทั้งสามเรียกฝูงสัตว์น้อยใหญ่เข้าไปในเมืองด้วย แต่เมื่อโอรสทั้งหกพบพระบิดาก็หลอกว่าฝูงสัตว์นั้นเกิดจากอาคมของพวกตน ท้าวกุศราชหลงเชื่อ จึงให้ทั้งหกออกช่วยตามหาพระขนิษฐา
โอรสทั้งหกออกมาบอกสินไซที่รออยู่นอกเมืองว่า พระบิดาเชื่อแล้วว่าพวกสินไซยังมีชีวิตอยู่และให้ออกตามหาพระนางสุมณฑา ระหว่างทางพบอุปสรรคต่างๆ นานา เช่น พบงูซวงงูตัวใหญ่ยาวพ่นพิษเป็นไฟ สินไซก็ฟันขาดเป็นสองท่อน พบแม่น้ำกว้าง 1 โยชน์ สินไซกับสังข์ก็เดินทางข้ามไป ให้สีหราชอยู่เฝ้าน้องทั้งหก สังข์กับสินไซฝ่าอันตรายไปอีก ๘ ด่านจนถึงเมืองอโนราชและฆ่าท้าวกุมภัณฑ์ได้ พาพระนางสุมณฑาและธิดาคือนางสีดาจันกลับเมืองเป็งจาล
สังข์กับสีหราชกลับไปหาพระมารดา ส่วนสินไซพาพระนางสุมณฑากลับเมือง ระหว่างทางโอรสทั้งหกผลักสินไซตกเหว แต่พระนางสุมณฑาไม่เชื่อว่าสินไซสิ้นพระชนม์ จึงนำของ 3 สิ่ง คือ ปิ่น ซ้องประดับผม และสไบ ซ่อนไว้ที่หน้าผา พร้อมอธิษฐานว่า ถ้าสินไซยังมีชีวิต ขอให้มีผู้นำสิ่งของเหล่านี้กลับมาคืนพระนาง
สินไซไม่สิ้นพระชนม์เพราะพระอินทร์ช่วยเหลือ พระนางสุมณฑาเมื่อพบท้าวกุศราชก็เล่าเหตุการณ์ที่โอรสทั้งหกกำจัดสินไซให้ฟัง แต่ท้าวกุศราชไม่เชื่อ พระอินทร์จึงดลใจให้คนเดินเรือสำเภาเก็บของเสี่ยงทาย 3 สิ่งไปให้ท้าวกุศราช พระองค์จึงเชื่อพระขนิษฐาและสำเร็จโทษโอรสและมเหสีทั้งหกรวมถึงโหรและหมอเสน่ห์ แล้วเชิญพระนางจันทา พระนางลุน และสามโอรสกลับเมือง ทั้งโปรดให้สินไซครองเมืองเป็งจาลสืบไป
นอกจากเนื้อหาที่สนุกสนาน ตื่นเต้น มีครบทุกรสแล้ว สินไซ ยังให้แง่คิดหลายประการ เช่น การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว การไม่เอาเปรียบ ไม่โกรธแค้น และที่โดดเด่นคือความกตัญญูรู้คุณบิดามารดาอันจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ตน
ถ้าเอ่ยถึง “บ้านม่วงตึ๊ด” หลายคนอาจไม่รู้จักว่าอยู่แห่งหนตำบลใด แต่ถ้าพูดถึง “พระธาตุแช่แห้ง” เชื่อว่าหลายคนต้องร้องอ๋อ!!!
เมื่อร่างกายต้องการปะทะของหวาน แต่ก็อยากรักษาสุขภาพอยู่ “นายรอบรู้” ขอแนะนำ ร้านขนมหวานไข่เย็น ร้านของหวานที่ใส่ใจสุขภาพ พิกัดอยู่ที่เลี่ยงเมืองนนบุรีนี่เอง
สัมผัสวิถีวัฒนธรรมของหมู่บ้านม้งพันครอบครัวแห่งซีเจียง เป็นหมู่บ้านชนเผ่าเหมียวจู๋ (ม้ง) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “หมู่บ้านแม้วพันครอบครัว”
ใครที่มองหาแหล่งท่องเที่ยวแนวธรรมชาติผสมผสานวิถีชีวิตชุมชน ไม่ไกลกรุง ไปเช้าเย็นกลับได้แบบ one day trip แล้วละก็ “นายรอบรู้” ขอชวนเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี “บ้านศาลาดิน” ต.มหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐมกัน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
กรุงเทพฯ 15 มกราคม 2562 – สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เชิญชวนนักออกแบบ ผู้ประกอบการ และผู้ที่สนใจ ร่วมฟังเสวนาในหัวข้อ “เล่นแร่แปรพลาสติก: จากพอลิเมอร์สู่งานออกแบบที่ไร้ขีดจำกัด”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้าพลิกโฉมการท่องเที่ยวไทยสู่มิติใหม่ สะท้อนสัญญาณความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จัดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 40 ประจำปี 2565”ระหว่างวันที่ 18 – 22 กุมภาพันธ์ 2565 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ส่งเสริมปีท่องเที่ยวไทย 2565 และ “Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters” มอบประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ปลอดภัย ประทับใจ และแตกต่าง ผสานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับเทคโนโลยีการท่องเที่ยวที่พร้อมชูมาตรการสาธารณสุขจัดงานรูปแบบ Covid Free Event
ยามเช้าต้นฤดูหนาว ที่อำเภอปาย มีสายลมเย็นๆ พัดผ่าน ใครได้มาเดินบนสะพานโขกู้โส่ ที่คดโค้งไปมาเหนือนาข้าวสีเหลืองทอง คงได้รับความรู้สึกสุดแสนพิเศษ
ประเพณีที่โดดเด่นของอำเภอแม่สะเรียง คือ ประเพณีออกหว่า หรือ ปอยออกหว่า ถือเป็นประเพณีที่สืบทอด
กันมายาวนานกว่าร้อยปี
© 2018 All rights Reserved.