ท้องฟ้าเปลี่ยนสีบนผืนน้ำ
เรือค่อยๆ ผ่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สวนสันติชัยปราการ ที่ร่มรื่นในยามเย็น มีป้อมพระสุเมรุที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 เป็น 1 ใน 2 ป้อมที่ยังเหลืออยู่ในกรุงเทพฯ จากนั้นผ่านสะพานพระราม 8 สะพานขึงไร้ตอม่อที่เกิดจากโครงการพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 เพื่อช่วยลดความคับคั่งของการจราจร ซึ่งออกแบบได้อย่างสวยงามลงตัวที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
ในช่วงนี้ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีม่วงสะท้อนไปบนผืนน้ำ เมฆสะท้อนสีส้มของดวงอาทิตย์ เป็นช่วงเวลาที่บรรยากาศริมน้ำเจ้าพระยาสวยงามที่สุด เรืออังสนาของเรากลับลำ แล้วย้อนกลับลงมาทางปากแม่น้ำ ผ่านปากคลองบางกอกน้อย วังหลัง พระบรมมหาราชวัง ก่อนจะถึงช่วงไฮไลต์สำคัญคือบริเวณวัดอรุณราชวราราม
เวลานี้พระปรางค์วัดอรุณฯ ซึ่งเปิดไฟประดับจะดูโดดเด่นสวยงามกลางท้องฟ้าที่มืดลง พระปรางค์แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองบางกอก มีขนาดสูงใหญ่ที่สุดในยุครัตนโกสินทร์ และบูรณะต่อเนื่องมาตลอดรวมทั้งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ยังดูสง่างามแม้ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน
ใกล้กันคือ พระราชวังเดิม พระราชวังของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของกองทัพเรือ และวัดกัลยาณมิตร วัดที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยจำลองวัดพนัญเชิงที่กรุงเก่า-พระนครศรีอยุธยามา มีพระประธานคือหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ประดิษฐานในวิหารหลวง
ถัดมาอีกนิดเราจะเริ่มเห็นชุมชนนานาชาติในเมืองบางกอก นั่นคือศาลเจ้าเกียงอันเกงของชาวจีนฮกเกี้ยน และโบสถ์ซางตาครู้ส โบสถ์ของชุมชนกุฎีจีน สร้างโดยชาวคริสต์เชื้อสายโปรตุเกส โบสถ์หลังปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ชื่อซางตาครู้สหมายถึงหมายไม้กางเขน
ถัดมาฝั่งซ้ายมือคืออาคารสุนันทาลัย ในโรงเรียนราชินี ซึ่งเป็นอาคารอิฐสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคที่สวยงามและทรงคุณค่า อายุกว่า 130 ปี จากนั้นเรือจะผ่านตลาดยอดพิมานบริเวณปากคลองตลาด วัดประยุรวงศาวาส และลอดผ่านสะพานพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช