พรานล่ากุ้งมือหนึ่งแห่งบ้านภูสิงห์
พวกเราเดินทางไปที่ท่าเรือภูสิงห์ เพื่อไปพบกับพรานเมษ ผู้เชี่ยวชาญด้านการงมกุ้งก้ามกรามแห่งบ้านภูสิงห์แห่งนี้ ถ้าจะให้เรียกกันจริงๆ นี่อาจคือพรานล่ากุ้งมือหนึ่งแห่งบ้านภูสิงห์ก็ว่าได้ ด้วยประสพการณ์อย่างโชคโชน ทำให้พรานเมษสามารถจับกุ้งก้ามกรามตัวโตๆ ขึ้นมาให้พวกเราได้เห็นกัน
“การจับกุ้ง พรานจะมีพื้นที่ของใครของมัน เวลาจับก็จะไปหากุ้งในพื้นที่ของตัวเอง กุ้งจะอยู่ที่เดิมๆ ที่มันเคยอยู่ ถ้าเราเป็นเจ้าของที่ เราก็จะเจอกุ้งได้ง่าย” พรานเมษอธิบายวิธีการจับกุ้งของเขา พร้อมกับเอ่ยปากชวนพวกเราขึ้นเรือ พาไปดูกระบวนการจับกุ้งแบบติดขอบเวที
เรือล่องไปตามลำน้ำลัดเลาะไปตามชายฝั่ง ไม่ไกลจากบริเวณท่าเรือเท่าไรนัก ที่แห่งนี้น่าจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของพรานเมษ เพราะเขาเริ่มลดความเร็วเรือ หยิบหน้ากากดำน้ำที่มีสายยางอากาศต่ออยู่ขึ้นมาคาดบนหน้า ตรวจสอบความเรียบร้อยของสายอากาศแล้วโดดลงน้ำเสียง “ตู้มม…..”
จากนั้นพรานเมษหายลงไปใต้น้ำ เราเห็นเพียงแต่ฟองอากาศที่ผุดขึ้นมาเหนือผิวน้ำเป็นระยะ ถึงช่วงนี้หลายคนอาจสงสัยว่า พรานเมษคงมีลักษณะคล้ายนักดำน้ำ ที่มีหน้ากากดำน้ำ สายอากาศ และถังอากาศสำหรับหายใจอยู่แน่ๆ ผิดแล้วครับ พรานเมษมีหน้ากากดำน้ำเก่าๆ ที่เจาะรูเล็กๆ ให้เสียบสายยางอากาศเข้าไปได้ เขาไม่ได้แบกถังอากาศลงน้ำแต่อย่างใด แต่ใช้การปั๊มอากาศจากบนเรือเข้าไปในหน้ากาก เพื่อให้หายใจได้ระหว่างออกล่ากุ้งตัวโต นี่คือภูมิปัญญาที่เราเห็นแล้วถึงกับอึ้ง…ไปสักพักเลยทีเดียว แต่มันคืออุปกรณ์ช่วยจับกุ้งที่เจ๋งที่สุดที่เคยเห็น ก็ว่าได้
พรานเมษลงน้ำไปสักพัก ขึ้นมาจับขอบเรือ แล้วลงไปอีก ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา ไม่นานพรานเมษก็ขึ้นมาจากน้ำ พร้อมกับกุ้งตัวโตในมือ พวกเราร้องเฮเป็นเสียงเดียวกัน ไม่คิดว่าในสภาพน้ำขุ่นเช่นนี้ จะได้มีโอกาสเห็นการจับกุ้งก้ามกรามตัวเป็นๆ แบบที่เห็นอยู่ตรงหน้าได้