
ททท.ชวนเที่ยวไทย “คิดแล้วไปให้ถึง” กับกิจกรรม Exclusive Trip เที่ยวฟรี 5 เส้นทางทั่วไทย
การท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. จัดกิจกรรมต่อยอดแคมเปญ “คิด..แล้วไปให้ถึง” ชวนคนไทยที่คิดถึงเมืองไทย ออกไปเที่ยวเมืองไทยแบบฟรี ๆ
ย้อนไปสมัยเด็ก หากโดนถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เชื่อว่าน่าจะมีไม่น้อยตอบว่า อยากเป็น “นักบินอวกาศ” พอเติบโตขึ้นความฝันน้อย ๆ เหล่านั้นก็เติบโตตามไปด้วย สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้างตามแต่ละเส้นทาง แต่ความฝันเหล่านั้นยังถูกเก็บไว้ในความทรงจำและพร้อมที่จะฝังรากเมล็ดพันธุ์แห่งจินตนาการไว้ในใจเด็กคนหนึ่ง
ครั้งนี้นายรอบรู้ ขอพาไปเติมเต็มความฝันและจินตนาการในวัยเด็กของใครหลายคน ด้วยการพาไปชม หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพรรชนมพรรษา สงขลา หรือเรียกสั้น ๆ ว่า หอดูดาวภูมิภาคสงขลา หอดูดาวเพียงแห่งเดียวในภาคใต้ที่ดูได้ตั้งแต่ดวงดาวบนท้องฟ้าจรดท้องทะเลสีครามสุดสายตา
หอดูดาวสงขลา ตั้งอยู่ที่ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ซึ่งห่างจากตัวเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวเมืองสงขลาไม่มากนัก ที่นี่เป็นหอดูดาวภูมิภาคสำหรับประชาชน แห่งที่ 3 ของประเทศไทย ถัดจาก นครราชสีมา และฉะเชิงเทรา ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งอันโดดเด่นของหอดูดาวแห่งนี้ บริเวณละติจูด 7 องศาเหนือ ทำให้สามารถศึกษาปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ได้ดีในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย และศึกษาวัตถุในอวกาศของซีกฟ้าใต้ได้ดีกว่าหอดูดาวแห่งอื่น ๆ และหอดูดาวแห่งนี้ตั้งอยู่บนเขาสามารถมองเห็นวิวรอบตัวเมืองสงขลารวมถึงทะเลทั้งสองด้าน คืออ่าวไทยและทะเลสาบสงขลา จุดนี้เองทำให้หอดูดาวแห่งนี้ถูกเรียกว่า หอดูดาวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย
หากใครบอกว่ามาดูดาวต้องมากลางคืนเท่านั้น แต่สำหรับหอดูดาวสงขลาแห่งนี้มาได้ทั้งวัน ภายในประกอบไปด้วย 3 อาคารหลัก ๆ ให้ได้ทำกิจกรรมกัน ในส่วนแรกคือ นิทรรศการดาราศาสตร์ ซึ่งจัดตั้งมากถึง 14 ฐานการเรียนรู้ ไม่เพียงแต่ตั้งโชว์เพียงเท่านั้น นิทรรศการเกือบทั้งหมดสามารถจับต้องและมีส่วนร่วมได้ เรียกได้ว่า ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก นอกจากได้ความรู้เข้าใจทางด้านดาราศาสตร์ยังสามารถจับต้องและเล่นได้อย่างสนุกสนานทีเดียว เช่น ฐานแรงโน้มถ่วงบนดวงดาวต่าง ๆ ซึ่งไม่เท่ากันทำให้มวลของวัตถุต่างกันไปด้วย ในฐานนี้น้อง ๆ จะได้ลองยกน้ำหนักเปรียบเทียบกันในดาวแต่ละดวงซึ่งหนักแตกต่างกันไป เป็นต้น
ต่อมาคือ อาคารฉายดาว มีโดมฉายดาว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 เมตร ติดตั้งเครื่องฉายดาวระบบฟูลโดมดิจิทัล มีเครื่องฉายดาวรอบโดมด้วยระบบเกรย์สกรีน ให้บริการชมภาพยนตร์ดาราศาสตร์ พร้อมเรียนรู้ระบบสุริยะและกลุ่มดาว ซึ่งท้องฟ้าจำลองของหอดูดาวแห่งนี้นั้นรองรับถึง 52 ที่นั่ง ฉายดาวได้สวยงามสมจริง ซึ่งการเข้าชมจะมีเป็นช่วงเวลา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงต่อรอบ
ถ้าใครกังวลว่าจะเมื่อยเนื่องจากต้องเงยหน้าดูจนเมื่อยคอ หมดห่วงได้เลยเนื่องจากเก้าอี้ในหอดูดาว ได้รับการออกแบบมาอย่างเป็นพิเศษ เหมาะแก่การนอนดูดาวโดยเฉพาะ แอบได้ยินเพื่อนข้าง ๆ กรนออกมาระหว่างดูดาวเลยทีเดียว ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นเพียงกิจกรรมเดียวที่มีค่าใช้จ่าย สำหรับบุคคลทั่วไปเพียง 50 บาทแต่สำหรับนักเรียนนักศึกษาเพียง 30 ต่อคน ซึ่งไม่แพงเลยสำหรับความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากท้องฟ้าจำลองแห่งนี้
สุดท้าย คือ อาคารหอดูดาว เป็นโดมหอคอยทรงเปลือกหอย ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 18 ฟุต ติดตั้งกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.7 เมตร พร้อมอุปกรณ์สำหรับงานวิจัยทางดาราศาสตร์ สามารถเปิดออกกว้างได้ 180 องศา ทำให้ศึกษาท้องฟ้าในซีกใต้ได้รอบทิศทาง ส่วนอีกด้านคือลานระเบียงดาวภายใต้หลังคาเลื่อน ติดตั้งกล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็กอีกจำนวน 5 ชุด สำหรับให้บริการสังเกตวัตถุท้องฟ้าและจัดกิจกรรมดาราศาสตร์ แต่กิจกรรมบนอาคารหอดูดาวจะมีบริการเฉพาะวันเสาร์ช่วงหลังพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้น
นอกจากเป็นแหล่งเรียนรู้ดาราศาสตร์เต็มรูปแบบแห่งแรกของภาคใต้ หอดูดาวภูมิภาคสงขลายังเป็น “ศูนย์การเรียนรู้ดาราศาสตร์มุสลิมแห่งแรกของไทย” เพื่อร่วมสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ ให้ความรู้เกี่ยวกับการกำหนดเวลาที่ใช้ในพิธีทางศาสนาอิสลาม อันเป็นการสนับสนุนภารกิจของสำนักจุฬาราชมนตรีอีกด้วย
หากอยากออกมาพักผ่อนสายตา พักผ่อนอาการเมื่อยล้าจากเดินชมนิทรรศการ ที่นี่มีร้านกาแฟไว้รองรับ นั่งจิบกาแฟพร้อมชมบรรยากาศวิวท้องฟ้าเมืองสงขลาก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย
แอบบอกเลยว่าควรจะคำนวณเวลาในการมาถึงและเข้าไปชมนิทรรศการต่าง ๆ รวมถึงท้องฟ้าจำลอง ให้จบช่วงเย็น เป็นเวลาที่ประจวบเหมาะพอดี เพราะออกมาจะได้เวลามาดูพระอาทิตย์กำลังตกดินอย่างพอดิบพอดี พร้อมวิวท้องฟ้าที่ค่อย ๆ เปลี่ยนสีอย่างช้า ๆ กับท้องทะเลรอบด้านที่บรรจบกับท้องฟ้ายามเย็น พร้อมกับสายลมเย็นสบายปะทะให้ได้ชื่นใจ พอพระอาทิตย์ตกก็ไปดูดาวผ่านกล้องโทรทัศน์ เรียกว่ามาหอดูดาวที่เดียวสามารถสัมผัสบรรยากาศได้ครบทั้ง ท้องฟ้า ท้องทะเลและดวงดาวอันสวยงาม
เชื่อว่าเมล็ดพันธ์แห่งความฝันจะค่อย ๆ เติบโต โดยผ่านการพรวนดินและรดน้ำแห่งจินตนาการเข้าไป และหอดูดาวแห่งนี้ได้ทำหน้าที่ให้ความรู้ ความสนุกสนานและเป็นสถานที่พักผ่อนย่อนใจได้อย่างครบถ้วน และสุดท้ายในอนาคตอาจจะมีนักบินอวกาศชาวไทยจริง ๆ เกิดขึ้นจากแรงบัลดาลใจของพื้นที่เรียนรู้แห่งนี้อีกหลายคนก็เป็นได้
กิจกรรมและการให้บริการหอดูดาวภูมิภาคสงขลา
เปิดบริการ อังคาร – อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
ช่วงเวลารับชมท้องฟ้าจำลองอาคารฉายดาว
อังคาร – ศุกร์ : 11.00 – 12.00 น. และ 15.00 – 16.00 น.
เสาร์ : 10.00 -11.00 น. / 14.00 -15.00 น. / 17.00 – 18.00 น.
อาทิตย์ : 10.00 – 11.00 น. และ 14.00 – 15.00 น.
อัตราค่าเข้าชมท้องฟ้าจำลอง
บุคคลทั่วไป 50 บาท
นักเรียน / นักศึกษา 30 บาท
กิจกรรมดูดาว (NARIT Public Night) การดูดาวและวัตถุบนท้องฟ้าผ่านกล้องโทรทรรศน์หลากหลายชนิด ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
ทุกวันเสาร์ 18.00 – 22.00 น.
ที่ตั้ง ถ. หอดูดาวภูมิภาคสงขลา ต. เขารูปช้าง อ. เมืองสงขลา จ. สงขลา
เปิด 8.30-16.00น.
โทร 074 300 868
Website http://www.narit.or.th/
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
การท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. จัดกิจกรรมต่อยอดแคมเปญ “คิด..แล้วไปให้ถึง” ชวนคนไทยที่คิดถึงเมืองไทย ออกไปเที่ยวเมืองไทยแบบฟรี ๆ
หลายคนฝันที่จะตื่นขึ้นพบกับภาพป่าเชียวชอุ่มจากหน้าต่างห้องพัก ฝันว่ามีเสียงน้ำไหลรินขับกล่อมให้เข้านอนและเป็นเสียงแรกที่ได้ยินเมื่อตื่น ทุกอย่างเป็นจริงได้ที่นี่ — “บ้านป่าเหมี้ยง” ชุมชนเล็กๆ ที่น่ารักในอำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง — เมืองรองต้องห้ามพลาด
สุดยิ่งใหญ่อลังการส่งท้ายปี กับงานเทศกาลหุ่นโคมไฟนครสวรรค์ ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 แล้ว ด้วยจังหวัดนครสวรรค์ เป็นศูนย์รวมของวัฒนธรรมชาวไทยเชื้อสายจีนหลากหลายชาติพันธุ์ จึงได้มีการริเริ่มนำเทศกาลหุ่นโคมไฟมาจัดแสดงในช่วงเทศกาลตรุษจีน เมื่อสิบกว่าปีแล้วนั่นเอง
หากพูดถึงถนนข้าวสาร สิ่งที่นึกถึงเป็นอันดับแรกคงหนีไม่พ้นสถานที่สำหรับนักท่องราตรีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ หรือไม่ก็ street food ที่มีให้เลือกหลากหลายยามค่ำคืน แต่วันนี้ “นายรอบรู้” ขอพาทุกคนไปพบกับ Sané Café & Workshop Studio คาเฟ่ที่ทำให้เรารู้ว่าขนมไทยไม่ได้มีแค่ทองหยิบทองหยอด
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
พูดถึงสามจังหวัด สิ่งแรกที่ทุกคนคิดถึงคงหนีไม่พ้นระเบิด ระเบิด และระเบิด แต่ในฐานะเราเป็นคนพื้นที่ อยากประกาศให้ไทยทั้งชาติรับทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวยังคงมีวิถีชีวิตและมุมสวยๆ ที่ทุกคนยังไม่รู้อีกเยอะ
กำแพงเมืองสร้างด้วยศิลาแลง เป็นกำแพงขนาดใหญ่มั่นคงแข็งแกร่งประดุจเพชร เป็นที่มาของชื่อจังหวัดนี้ จ. กำแพงเพชร มีที่เที่ยวธรรมชาติ วัด ของกิน และของฝากมากมาย
ขนมจีบแต้จิ๋วสูตรโบราณ ตำนานขนมจีบรถเข็น 50 ปีแห่งเยาวราช ที่สืบทอดเคล็ดลับความอร่อยมาสามชั่วคนตั้งแต่สมัยอากงจนมาถึงแป๊ะเซี๊ยะ
แรกเริ่มเดิมทีร้านนี้กางร่มริมทางขายแบบง่ายๆ โดยมีเมนูเด็ดคือไก่นาย่างสมุนไพรและปลาช่อนเผาห่อใบยอ ที่ลูกค้าติดอกติดใจบอกต่อความอร่อยกันปากต่อปาก จนขยับขยายกลายเป็นร้าน “เป็นลาว” อย่างทุกวันนี้
© 2018 All rights Reserved.