คิดถึง…พ่อหลวง ซแรย์ อทิตยา โรงเรียนชาวนา ตามรอยเท้าพ่อ
“ซแรย์ อทิตยา” เป็นภาษาเขมรท้องถิ่น แปลว่า “นาของพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ”
โอเคเบตง คงเป็นคำที่ใครๆ หลายคนฟังคุ้นหู จากภาพยนต์ชื่อดัง ที่กลายเป็นประโยคที่ใครหลายคนที่ได้ยินแล้ว ก็ถึงบางอ้อทันทีว่า คำว่า เบตง เป็นชื่ออำเภอหนึ่งในจังหวัดยะลา
เราอาจรู้จักเบตงกันแต่เพียงชื่อ รู้ไหมว่าที่นี้มีทั้ง อาหาร สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามครบเครื่องที่สามารถเที่ยวจบได้ภายใน 1 วัน และอีกไม่นานนี้สนามบินเบตง กำลังจะเปิดให้บริการ การเที่ยวเบตงได้ภายใน 1 วันนั้น ดูจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนึ่งความโดดเด่นของเมืองเบตงนั้น นอกจากผังเมืองเมืองที่สวยงามเรียบง่าย มีกลิ่นอายวัฒนธรรมจีนหรือความเป็นเยาวราชสาขา 2 ชาวบ้านที่นี่ใจดีพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นทุกคนแล้ว ยังเต็มไปด้วย street art มากมาย แต่ละภาพก็เล่าถึง วิถีชีวิต วัฒนธรรม ของคนเบตง ได้เป็นอย่างดี
จุดประสงค์ของงานศิลปะบนกำแพงเหล่านี้ เพื่อให้เมืองดูมีสีสันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ โดยใช้งานศิลปะที่เล่าเรื่องราวของคนเบตง แทนตัวหนังสือหรือจากคำบอกเล่าขอบคนพื้นที่
อีกหนึ่งไฮไลท์ ถ้าได้มาเบตงแล้วจะพลาดไม่ได้เลยก็คือ ความสวยงามของแสงไฟในยามค่ำคืนที่ประดับประดาระยิบระยับ ตั้งแต่บริเวณ วงเวียนหอนาฬิกาเบตงจนถึงอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ภายในอุโมงค์ก็ประดับด้วยแสงไฟหลากสีระยิบระยับไปมา ตั้งแต่หน้าอุโมงค์ไปจนถึงภายในอุโมงค์จนทะลุออกมาอีกฝั่งนึงของอุโมงค์เลย ยิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีนดวงไฟในเมืองจะถูกประดับมากยิ่งขึ้นจนสว่างไสว ไม่ต่างจากย่านเยาวราช ในกรุงเทพฯ เลยทีเดียว
อีกเรื่องต้องห้ามพลาดนั้นคือ อาหาร เพราะถ้ามาเบตงแล้วไม่ได้รับประทานอาหารพื้นถิ่นของเบตงก็เหมือนมาไม่ถึง อาหารที่นี่จะออกแนวอาหารจีนเป็นส่วนใหญ่ เพราะในเมืองมีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่ค่อนข้างมาก เลยได้รับทั้ง วัฒนธรรมความเป็นจีน ปะปนอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างรวมไปถึงอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ติ่มซำหรือ ไก่เบตง ซึ่งมีความเหนียวนุ่มเป็นเอกลักษณ์ ถ้ามาเบตงแล้วต้องลองชิมดูสักครั้ง
ถ้าบอกว่าภาคใต้นั้นก็มีทะเลหมอกเช่นเดียวกับภาคเหนือ หลายคนฟังแล้วอาจรู้สึกแปลก แต่ทะเลหมอกที่เบตงนั้นสวยงามอลังการไม่แพ้ที่ใดเลย ที่สำคัญยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง เพียงแค่ต้องตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ถ้าอยากชมความสวยงามตระการตาของทะเลหมอกอัยเยอร์เวงนี้
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวงสามารถเที่ยวได้ทั้งปี สำหรับจุดเด่นในการรับชมทะเลหมอกแห่งนี้คือ สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาที่มีความสูงกว่า 600 เมตร เหนือรับน้ำทะเล บนยอดเป็นอาคารเหล็กสูง 45 เมตร และมีสกายวอล์คยาว 63 เมตร ถือว่าเป็นสกายวอล์คที่มีทางเดินยาวที่สุดในอาเซี่ยน ส่วนปลายมีระเบียงและพื้นกระจกเพิ่มความตื่นเต้นอลังการในการรับชมธรรมชาติในรูปแบบรอบทิศ 360 องศา ได้เป็นอย่างดี
ในอนาคตทะเลหมอกแห่งนี้ก็ตั้งเป้าหมายจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศระดับอาเซี่ยนซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้รับชมอย่างเต็มตัวในช่วงปลายปีนี้พร้อมกับช่วงเปิดสนามบินเบตง
นอกจากเมืองน่าจัก ธรรมชาติน่าชม ใน อ. เบตง ยังมีกิจกรรมสุดมันส์ให้นักท่องเที่ยวที่ชอบแนวท้าทายสายAdventure ได้สัมผัสอย่างการล่องแก่งโดยจะล่องเรือคายัคที่ต้นน้ำปัตตานีล่องไปตามลำน้ำ
เรื่องความปลอดภัยนั้นไม่ต้องห่วง เพราะนอกจากจะมีอุปกรณ์ป้องกันสำหรับการล่องแก่งแล้ว ส่วนใหญ่ระดับน้ำจะอยู่ที่ความลึกแค่ครึ่งตัวเราหรือต่ำกว่านั้น
การล่องแก่งจะใช้เวลาราว 1-2 ชั่วโมง ระหว่างทางนอกจากจะได้ชมธรรมชาติของต้นน้ำปัตตานีแล้ว ไฮไลท์ของที่นี่ คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คือการฝ่าผจญกับแก่งในแต่ละจุดที่มีสายน้ำเชี่ยวไหลผ่านให้ได้ลุ้นเรือล่มกันทุกแก่งเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเหมาะมากสำหรับผู้ที่มีความรักในการเที่ยวในเชิง Adventure แบบนี้ ไม่ควรพลาด
ที่ตั้ง ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ต. อัยเยอร์เวง อ. เบตง จ. ยะลา
เปิด 09.00 – 17.00 น.
โทร 088 505 2892
กิจกรรมสุดท้าย ที่เราจะพาไปก่อนปิดท้ายเที่ยวเบตงภายใน 1 วันก็คือ “แช่บ่อน้ำร้อนที่นากอ”
เดิมทีพื้นที่บ่อน้ำร้อนนากอเป็นพื้นที่ปิด ในสมัยก่อนเป็นพื้นที่ตั้งของพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ภายหลังจากมีโครงการผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ชาวพรรคคอมมิวนิสต์มาลายาก็ยังตั้งถิ่นฐานกันอยู่บริเวณนี้จนถึงปัจจุบัน แรกเริ่มเดิมทีเริ่มจากชาวบ้านช่วยกันขุด พยายามช่วยกันพัฒนาแหล่งชุมชนนี้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว จากนั้นทาง ศอ.บต.ก็ได้เข้ามาร่วมผลักดันพัฒนาให้พื้นที่นี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักมากขึ้น
จุดเด่นของที่นี้คือ มีทั้งบ่อน้ำร้อน และน้ำตกไหลผ่าน(น้ำตกนากอ) มีเนื้อที่ประมาณ 11-12 ไร่ มีบ่อน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิราว 48 องศาเซลเซียส และบ่อน้ำอุ่นประมาณ 40 องศาเซลเซียส ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการคิดค่าบริการสำหรับการแช่น้ำร้อน แต่ถ้าหากใครต้องการค้างแรม ที่นี้มีที่พักให้ ราคาเพียงคืนละ 800 บาทเท่านั้น
ที่ตั้ง ต. อัยเยอร์เวง อ. เบตง จ. ยะลา
เปิด 06.00 – 18.00น.
โทร 086 288 8792
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
“ซแรย์ อทิตยา” เป็นภาษาเขมรท้องถิ่น แปลว่า “นาของพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ”
“หนมดู๋” คืออะไร หนมดู๋มาจากไหน? ตอนนี้กำลังสงสัยกันอยู่ใช่ไหมคะ คำว่า ขนมดู๋ คือ ชื่อขนมสำเนียงคนใต้ แต่สำหรับคนภาคกลางที่ไม่คุ้นชินกับคำนี้ จะเรียกกันว่า “ขนมดู” ขนมดูเป็นขนมพื้นบ้านของจังหวัดสงขลา
ข้อมูลจังหวัด เชียงใหม่ รวบรวมโดย นายรอบรู้นักเดินทาง จากหนังสือท่องเที่ยวจังหวัดต่างๆ ในเมืองไทย ที่รวมรวมข้อมูลน่ารู้ ที่เที่ยวน่าไป ของกินน่าทาน
เกาะช้าง จ. ตราด เป็นจุดหมายปลายของใครหลายคนในหน้าร้อนนี้ เล่นน้ำทะเลกันจนเหนื่อยต้องหาอะไรรองท้อง วันนี้”นายรอบรู้”ของจัดร้านเด็ด 5 ร้านที่รสชาติอาหารอร่อยสุดๆในเกาะช้างที่ต้องไปชิม
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ขอเอาใจคนชอบเส้นกันอีกครั้งกับเมนูขนมจีนสูตรปักษ์ใต้ แต่ครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งไหนๆ เพราะคุณจะได้ลิ้มรสความอร่อยของขนมจีนเส้นม้วน สูตรเฉพาะที่หากินได้ในช่วงเทศกาลสำคัญๆ เท่านั้น เพราะกรรมวิธีการทำนั้นค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลาในการทำอยู่ไม่น้อย อยากอร่อยกันแล้วใช่มั้ยตามไปชิมกันเลย
ไม่ว่าช่วงเวลาใด ตัวเมืองปราจีนบุรีก็ยังคงมีบรรยากาศเรียบง่ายสมเป็นเมืองเก่าริมฝั่งน้ำบางปะกง ยิ่งเรื่องอาหารการกินด้วยแล้ว บอกได้แค่สามคำ “อร่อย-จัด-เต็ม” ทั้งเช้าสายบ่ายเย็นกันเลยทีเดียว
หากหัวใจของพุทธศาสนิกชน คือ พระพุทธศาสนาการสักการบูชาและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาจึงเป็นหน้าที่ซึ่งพึงปฏิบัติ
กล่าวโดยพระครูถิรธรรมรัต เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
คาเฟ่เรือนกระจก 360 องศา ตั้งอยู่บนเนินสนามหญ้าที่ถูกโอบล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวของธรรมชาติทุกทิศทาง แต่เดิมพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นที่นั่งชมโรงละครเก่าของสวนสามพรานนั่นเอง
© 2018 All rights Reserved.