
ชวนแม่ชมดอกไม้ใน THE BLOOMS ORCHID PARK
ที่นี่เป็นดั่งสวนสวรรค์ของคุณแม่ เพราะจะได้ชมดอกไม้ใบหญ้าในอุทยานกล้วยไม้ที่สวยและใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของประเทศบนเนื้อที่กว่า 100 ไร่
ถ้ามาเที่ยวที่บ้านเชียง และอยากซื้อของฝากกลับไป คุณจะนึกถึงอะไรเป็นอย่างแรก? เชื่อว่าหลายคนทราบกันดีว่าสินค้า OTOP ที่ขึ้นชื่อที่สุดของที่นี่ก็คือ ไหหม้อดิน แต่ก็ไม่ได้มีแค่ไหเท่านั้นที่เป็นของดีของเด่นประจำเมือง นายรอบรู้เลยจะพาทุกคนไปรู้จักกับ ชุมชนบ้านดงเย็น
ชุมชนบ้านดงเย็นเกิดจากการที่ เดิมชาวบ้านอพยพมาจากเมืองเชียงขวาง ประเทศลาว เมื่อปี 2327 เนื่องจากเกิดสงครามแย่งชิงอำนาจของเจ้าเมือง จึงได้อพยพมาเพื่อแสวงหาแหล่งทำมาหากินที่สงบ อุดมสมบูรณ์ จนมาเจอเนินสูงเป็นป่าดงแพง มีลำห้วยล้อมรอบ หลังจากนั้นก็ได้มีผู้อพยพเข้ามาอาศัยเป็นจำนวนมากขึ้นจนเกิดเป็นชุมชน
ชื่อ บ้างดงเย็น นั่นก็เพราะว่า ทางที่จะเข้าไปในชุมชนจะผ่านดงป่าดงหนึ่ง ระหว่างที่เข้าไปในดงอากาศจะเย็น และร่มรื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นอีกหนึ่งความน่าหลงใหลของสิ่งที่ธรรมชาติได้สร้างขึ้นมา จึงเรียกว่า บ้านดงเย็น นั่นเอง
เมื่อก่อนมีการทำงานจักสานกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ถ่ายทอดให้แก่ลูกหลาน จนเป็นที่รู้จักว่าหมู่บ้านแห่งนี้ทำเครื่องจักสานกันมาก ที่นี่มีวัฒนธรรมการบริโภคข้าวเหนียวเป็นปกติ เลยเป็นปัจจัยที่ทำให้เครื่องจักสานประเภทกระติบข้าว เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย จึงผลิตแต่กระติบข้าวที่ทำจากไม้ไผ่เป็นหลัก
ตอนนี้ได้ต่อยอดโดยการผลิตอย่างอื่นขึ้นมา เช่น กล่องใส่ทิชชู่ ตะกร้า โคมไฟไม้ไผ่ กล่องกับตะกร้าอเนกประสงค์ กระเป๋า เพื่อให้มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น สานขึ้นด้วยมือ ทำขึ้นด้วยใจ ของคนในชุมชน
เกิดมาจากการที่ชาวบ้านทอผ้า ย้อมคราม เพื่อสวมใส่กันเอง แล้วได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของชาวบ้านเชียง กลายมาเป็นสินค้า OTOP ของหมู่บ้าน และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย โดยลายผ้าแต่ก่อนดูจากหนังสือ แต่ในภายหลังได้ลองนำลายเขียนสีจากหม้อดินเผาบ้านเชียงมาประยุกต์
ผ้าย้อมครามมาจากการปลูกครามเองตามธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี ใช้ต้นครามที่มีอายุ 3 เดือน เพื่อให้ได้สีครามที่สวยพอดี ไม่เข้มหรืออ่อนจนเกินไป สินค้าที่น่าสนใจ ได้แก่ ผ้าพันคอ, ผ้าตัดเสื้อ, ผ้าซิ่น, ผ้าขาวม้า, ผ้าคลุมไหล่, ผ้าสีพื้น, กระเป๋า และยังรับทำผ้าตามสั่งทั่วไป
งานหัตถกรรมที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของชุมชนบ้านเชียง ทำขึ้นจากดินที่มาจากห้วยดินดำ ดินที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านเชียงนำมาใช้ปั้น เขียนลายสีแดงอิฐ ลวดลาย และรูปทรงเลียนแบบเครื่องปั้นดินเผาโบราณบ้านเชียง และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ในปี 2552 อีกด้วย
ลวดลายแรกที่เริ่มทำคือ ลายก้นหอย ก้างขด ก้างปลา ในปัจจุบันมีลวดลายอิสระ ตามความคิดของเรา เพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ทุกคนได้ลองสัมผัสวิธีการ ปั้นไห หรือ เขียนลาย ได้ด้วยตนเองอีกด้วย คงจะดีไม่น้อยถ้าได้ของที่ระลึกจากมือของเราเองใช่มั้ยหละ
ที่ตั้ง ต. บ้านดงเย็น อ. หนองหาน จ. อุดรธานี
เปิด ทุกวัน 8.00 – 18.00 น.
โทร. 085-675-6288
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ที่นี่เป็นดั่งสวนสวรรค์ของคุณแม่ เพราะจะได้ชมดอกไม้ใบหญ้าในอุทยานกล้วยไม้ที่สวยและใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของประเทศบนเนื้อที่กว่า 100 ไร่
ร้านบะหมี่เกี๊ยวรถเข็นเล็ก ๆ ในตรอกเจริญไชย ย่านเยาวราช บอกเลยว่ารสชาติไม่ธรรมดา ด้วยเปิดขายมานาน 20 ปีกว่าแล้ว
อยากรู้ไหมว่าทำอย่างไรให้ร้านอาหารของคุณปัง และติดเทรนด์เสมอ?
ใครที่ชื่นชอบอาหารอินเดียคงไม่พลาด Rang Mahal Rooftop Indian Restaurant ห้องอาหารอินเดียในรูปแบบ fine dining บนชั้น 26 ของโรงแรมแรมแบรนดท์ ย่านสุขุมวิท ที่ได้รับรางวัล Thailand’s BestRestaurants จากนิตยสาร Thailand Tatler ถึง 13 ปีซ้อน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
เปิดตัวนวัตกรรมรถเข็นสตรีทฟู้ดสุดไฮยีน ภายในงาน “KMITL Street Food Academy 2020” โดยได้ส่งมอบนวัตกรรมดังกล่าวจำนวน 7 คัน ให้แก่ผู้ขายอาหารริมทางที่ได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ และมีความต้องการรับนวัตกรรมดังกล่าวไปต่อยอดการประกอบอาชีพ
ทางจังหวัดเชียงใหม่จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้แบรนด์ We Love Chiang Mai ขึ้นมา เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการท่องเที่ยวในสถานการณ์ที่ต้องพบเจอกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 และ COVID -19 โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเชียงใหม่
ไปกระโดดน้ำคลองแบบ Local พร้อมสัมผัสธรรมชาติให้ฉ่ำปอดกันที่ สวนน้ำชุมชนบ้านคลองแค สวนน้ำเปิดใหม่ใกล้กรุงฯ ที่บอกเลยว่าไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เพราะที่นี่เป็นสวนน้ำที่อยู่ในคลอง รายล้อมไปด้วยธรรมชาติและที่สำคัญเที่ยวฟรี ไม่เสียค่าเข้า
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน “เทศกาลประดับไฟ Aqua Lumina มหัศจรรย์แสงเรืองรองจากท้องทะเลอันดามัน” ใน 3 จังหวัดภาคใต้ กระบี่ ภูเก็ต และพังงา เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และกระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างมาตรฐานด้านความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ โดยงานเทศกาลประดับไฟในครั้งนี้จะมีขึ้นระหว่างเดือน 14 พฤษภาคม – 12 มิถุนายน 2565
© 2018 All rights Reserved.