
เที่ยวชุมชนทรายขาว สัมผัสของดีแห่งเมืองปัตตานี
วันนี้ นายรอบรู้นักเดินทาง พาทุกคนลงใต้ไปสัมผัสเมืองแห่งวัฒนธรรม ศิลปะ และธรรมชาติ ที่ ชุมชุนทรายขาว จ. ปัตตานี ใครอยากชมวิว ดูสถาปัตย์ ชิมผลไม้ ชอปปิ้งผ้าทอ ตามมาทางนี้
เคยสงสัยกันบ้างไหมว่ามีดอรัญญิกที่โด่งดังและยังคงเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบันนั้นมีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน เหตุใดจึงเป็นมีดที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่ใครๆ ก็พูดถึง
คำว่า อรัญญิก ที่เรียกกันติดปากนั้นเป็นเพียงที่ตั้งของตลาดที่มีสินค้านานาชนิด หนึ่งในสินค้าขึ้นชื่อคือ มีดอรัญญิก โดยต้นกำเนิดมาจากคนที่ซื้อมีดไปใช้แล้วชอบ เกิดการบอกต่อจนกลายเป็นว่าจะซื้อมีดต้องมีดอรัญญิก น้อยคนจะทราบว่าแท้จริงแล้วชุมชนที่ผลิตมีดคุณภาพดีเหล่านี้คือบ้านหนองไผ่และบ้านโพธิ์ ชุมชนที่สืบสานภูมิปัญญาและเทคนิคจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนกลายเป็นมีดอันสวยงามและทนทานสามารถใช้ได้เป็นปีๆ เลยทีเดียว
มีดดาบอรัญญิกในสมัยก่อน ทำขึ้นเพื่อใช้เป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ที่นักรบกรุงศรีอยุธยาทำศึกสงครามและยังเป็นสัญลักษณ์ในการแสดงตำแหน่งยศ โดยมีดเหล่านี้ถูกตีขึ้นด้วยฝีมือชาวเวียงจันทร์ที่เป็นไพล่พลเชลยศึก ด้วยชาวเมืองเวียงจันทร์มีฝีมือทางด้านการตีมีดและทำทอง ทำให้มีวิชาติดตัวมาตั้งรกรากในแผ่นดินสยาม พอว่างจากศึกสงครามชาวบ้านที่มีวิชาความรู้ด้านการตีมีดก็เริ่มหันมาทำเครื่องมือไว้ใช้ทำมาหากินส่วนที่เหลือจากการใช้งานก็นำออกวางขาย จนกลายมาเป็นมีดที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน
ร้านมีดวินัย รวยเจริญ เป็นร้านที่มีมีดหลายแบบแบ่งไว้เป็นหมวดหมู่ มีมีดมากมายราวกับตลาดขายมีดขนาดใหญ่ ที่มีทั้งมีดของคนในชุมชนทำขึ้นและมีดของทางร้านเองรวมแล้วกว่าร้อยชนิด สามารถแบ่งออกเป็น 4 ตระกูลกว้างๆ ได้แก่ มีดทำครัว มีดเดินป่า เครื่องมือเกษตร และ มีดสวยงาม แต่ละตระกูลก็มีความโดดเด่นและคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป โดยมีดทำครัวเป็นมีดที่นิยมที่สุด ด้วยความคมของมีดทำให้การทำอาหารเป็นเรื่องง่าย หากใครได้แวะมาเยี่ยมชมอาจถูกใจได้มีดอรัญญิกติดครัวไว้สักเล่มสองเล่ม
ด้านหลังร้านนั้นเป็นบริเวณตีมีด ขั้นตอนการตีมีดของที่ร้านยังคงยึดตามแบบฉบับโบราณ ด่านแรกเราจะพบกับครูเตา เป็นผู้ที่คอยดูแลการเผาและตีมีด คุณลุงอายุกว่า 60 ปี นั่งอยู่หน้าเตาร้อนๆ กำลังเผาเหล็กด้วยถ่านไม้ไผ่จนเหล็กร้อนกลายเป็นสีแดงได้ที่
การตีมีดใช้คนตี 3 คน ผลัดกันตีตามจังหวะผ่านการควบคุมโดยครูเตา ตีต่อไปจนได้รูป ครูเตาจะเป็นคนเก็บรายละเอียดในขั้นสุดท้าย จากนั้นชุบแข็งด้วยน้ำที่มีส่วนผสมเฉพาะออกมาเป็นมีดรูปร่างสวยงาม แล้วนำไปขัดต่อให้ขาวด้วยเครื่องและฝนให้คมด้วยหินรับมีด
เคล็ดลับความคมของร้านมาจากเหล็กที่ใช้ตีมีด เป็นเหล็กชั้นดีนำเข้าจากเยอรมันและสวีเดน สามารถตัดเหล็กได้โดยที่มีดไม่เป็นรอย ด้านในร้านจะมีเหล็กขนาดใหญ่วางเอาไว้สำหรับทดลองคุณภาพของมีด เราสามารถลองใช้มีดที่ทำจากเหล็กเยอรมันเหล็กขึ้นชื่อของทางร้านตีให้สุดแรง จนเกิดร่องรอยบนตัวเหล็ก แต่มีดกลับสวยงามตามเดิมไม่มีแม้ลอยบิ่น
สินค้าบางอย่างอาจต้องสังเกตว่าเป็นของเเท้หรือของเลียนเเบบ แต่สำหรับมีดอรัญญิกนั้นดูได้ง่ายมาก ตัวมีดบาง ความงดงามของลายดาบที่ผสมกันได้อย่างลงตัว มีดทุกเล่มถูกบรรจงตีด้วยความใส่ใจและความชำนาญ จนสรรค์สร้างออกมาเป็นงานศิลปะที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะใช้ในการทำครัว การเกษตร หรือเก็บสะสมบูชาเป็นศรีแก่ตัว
ที่ตั้ง ต.ท่าช้าง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา
เปิด ทุกวัน 8.00-17.00 น
โทร 089-892-8627
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
วันนี้ นายรอบรู้นักเดินทาง พาทุกคนลงใต้ไปสัมผัสเมืองแห่งวัฒนธรรม ศิลปะ และธรรมชาติ ที่ ชุมชุนทรายขาว จ. ปัตตานี ใครอยากชมวิว ดูสถาปัตย์ ชิมผลไม้ ชอปปิ้งผ้าทอ ตามมาทางนี้
นิทรรศการ ร่องรอยชีวิตของชาวนา โดย นัฐวุฒิ กองลี จัดแสดง 2 มีนาคม – 27 มีนาคม 2565 ณ People’s Gallery ห้อง P1
นิทรรศการDISSECTION OF BREATHING โดย สิทธิพนธ์ เลาะไชยสงค์ จัดแสดง 3 มีนาคม- 27 มีนาคม 2565 ณ People’s Gallery ห้อง P2
นิทรรศการ ลวดลายในธรรมชาติ โดย วิริยะพร จิตราภิรมย์ จัดแสดง 2 มีนาคม 2565 – 27 มีนาคม 2565 ณ People’s Gallery ห้อง P3
โปรโมชั่นพิเศษสำหรับนักเดินทางท่องเที่ยวที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนสะดวกสบายหรูหราในจังหวัดเชียงใหม่
แพ็คเกจสเตย์เคชั่นสุดคุ้ม “พัก 3 จ่าย 2” ในสองโรงแรมสองสไตล์ให้เลือกพร้อมสิทธิพิเศษมากมาย ในราคาเริ่มต้นเพียงคืนละ 3,200 บาทต่อคืนเท่านั้น
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
คลื่นจากระยะไกล โดย Rafael Alvarez | BODYBUILDERS (โปรตุเกส / ญี่ปุ่น)
(การแสดง) contemporary dance performance โดย Noeli Kikuchi และ Rafael Alvarez
4 – 5 มีนาคม 2565 | 19:00 น. BACC | หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกุรงเทพมหานคร ห้องสตูดิโอ ชั้น 4
รอบการแสดง วันศุกร์และเสาร์, 4-5 มีนาคม เวลา 19:00 น. ** พิเศษสุดช่วงโปรโมชั่น ซื้อบัตร 1ใบ ฟรี อีก 1 ใบ ทันที **
อุบลราชธานีจังหวัดที่ได้รับแสงแรกของวันก่อนใครอื่นเพราะอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของประเทศไทยและถือเป็นจังหวัดใหญ่อันดับต้นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเมืองที่มีความพิเศษที่มีแม่น้ำสายสำคัญของอีสานไหลมาบรรจบกันทั้งโขงชีมูล จึงทำให้เมืองอุบลราชธานีนอกจากจะมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลแล้วยังเป็นชุมทางการเดินทางสำคัญของผู้คนในแถบนี้จึงทำให้เมืองอุบลฯ มีที่กิน ที่เที่ยว หลากหลายให้เราเลือกสรรกัน
การทำย่านลิเภา มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 จนถึงปัจจุบันก็ประมาน 23 ปีแล้ว คนที่นี่สานย่านลิเภาเป็นอาชีพเสริมรองจากการกรีดยางและทำนา โดยมี ป้าลั่น ชูศรี ผู้ริเริ่มสานย่านลิเภาเป็นคนฝึกสอน จุดประสงค์ที่ก่อตั้งกลุ่มจักสานย่านลิเภานี้ขึ้นมาเพราะอยากให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยใช้เวลาว่างหลังจากการทำสวนยาง
ขอเชิญชวนคุณมาจิบน้ำชายามบ่ายในธีม สปริง ซีซั่น (Spring Season) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น ที่ เดอะ เบเกอรี่, โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล และเลือกใช้ภาชนะสไตล์ญี่ปุ่น รวมทั้งวัตถุดิบญี่ปุ่นทั้งเมนูของคาวและของหวาน พร้อมชาที่สามารถเลือกได้ รวมถึงชาออร์แกนิกของชายดิม (Chaidim)
© 2018 All rights Reserved.