เที่ยวได้ทุกวันที่สุพรรณบุรี

เมื่อพูดถึงจังหวัดสุพรรณบุรี อย่างแรกที่นึกถึงคงเป็นการพูดสำเนียง เหน่อๆ ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ของชาวจังหวัดสุพรรณ แต่นั่นเป็นเพียงภาพที่จำจากละครหลังข่าวมากกว่า หากลองมองข้ามเรื่องสำเนียงการพูดไปจะพบว่า จังหวัดนี้เป็นจังหวัดที่มีทั้งแหล่งวัฒนธรรมเก่าแก่ อย่างวัดต่างๆ เรื่องเล่าจากวรรณคดีอย่าง ขุนช้างขุนแผน ที่รู้จักกันดี หรือจะเป็นท่องเที่ยวตามธรรมชาติก็มีอีกหลายหลายที่ได้ลองไปสัมผัส การเดินทางก็สะดวก ห่างจากรุงเทพฯ เพียง 100 กิโลเมตรนิดๆ งั้นอย่ารอช้า เตรียมของให้พร้อม แล้วไปกันเลย! ฮัลโหล สุพรรณบุรี

เมื่อเข้าสู่จังหวัดสุพรรณบุรี สถานีแรกคือ วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ซึ่งเป็นวัดที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนถิ่นสุพรรณบุรี ผู้คนที่มาสักการะ ดูคึกคัก ควันจากธุปที่สักการะมีเยอะราวหมอกในตอนเช้ายังไงยังงั้น แน่นอนว่าเมื่อมาถึงวัดป่าเลไลยก์ต้องกราบหลวงพ่อโต พระพุทธรูปประจำวัดแห่งนี้ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ลักษณะคือนั่งห้อยพระบาท และมีรูปปั้นช้างกับลิงที่กำลังกราบไหว้พระพุทธรูปอยู่เสมอ

บริเวณหน้าอุโบสถ ถูกต้อนรับด้วยหินแกะสลักรูปสัตว์ 2 ชนิด คือ ช้างและลิง ที่ตั้งคู่ขนาบประตูทางเข้าอุโบสถไว้ เมื่อก้าวผ่านประตู จะพบกับองค์ของพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ เกือบจรดหลังคาของอุโบสถก็ว่าได้ ถูกประดิษฐานในอุโบสถของวัด สีทองเงาวับ ทำให้ดูศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้น เมื่อได้สักการะหลวงพ่อโตแล้ว

ในบริเวณโดยรอบสามารถเดินชมงานจิตรกรรมฝาผนังที่ถ่ายทอด วรรณกรรมเก่าแก่ อย่างเรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน ไว้ให้ได้ชมเพลินๆ อีกด้วย เราเดินทางต่อไปยัง

วัดเขาดีสลัก ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ห่างออกไปไกล จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการพักผ่อน และผู้รักความสงบเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ต้อห่วงว่าวัยรุ่น ชิคๆ จะเที่ยวไม่ได้ เพราะสถานที่แห่งนี้จะทำให้รู้สึกดีเมื่อได้ไปเยือนแน่นอน คอนเฟริม!

เมื่อไปถึง เราจะเห็นวิวสวยๆ ในเขตอำเภออู่ทอง เป็นเพราะที่ตั้งของวัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขานั่นเอง เหมือนเป็นมุมเบิร์ดอายวิวก็ว่าได้ บรรยากาศของวัดค่อนข้างเงียบสงบ ป่าไม้รอบๆ ยังมีความอุดมสมบูรณ์ ร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ

และที่พลาดไม่ได้คือ การสักการะรอยพระพุทธบาท ที่แกะสลักขึ้นจากหินทรายแดง สันนิษฐานว่าเป็นงานศิลปะ สมัยทราวดีตอนปลาย คาดการว่าช่วงราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 นับว่าเป็นศิริมงคลแก่การมาท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี

ทักทายยามบ่าย ที่นาเฮียใช้ นาเฮียใช้ หรือศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อขงจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้ที่ชื่นชอบวิชีวิตของชาวนา หรือสนใจเรื่องนาข้าวละก็ ไม่ควรพลาด มีมุมให้ถ่ายรูปเก๋ๆ แลดูวินเทจ ที่รอให้ทุกคนมาสัมผัสเรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย จังหวัดสุพรรณบุรี

ตอนที่ไปกำลังจัดจัดกิจกรรม “ปลูกข้าว เรารักพ่อหลวง” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช ด้วยการปลูกข้าวเป็นรูปหัวใจ ภายในหัวใจคือตัวเลขเก้าไทย นำโดยว่าที่ร้อยตรีสุพีร์พัฒน์ จองพานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี และประชาชนชาวสุพรรณ ร่วมกันปลูกข้าวให้สมบูรณ์

จากนั้นร่วมกันปฏิญาณตนพร้อมกัน ด้วยประโยค “เราจะทำตามคำสอนพ่อ” และร่วมกันเก็บภาพความประทับใจในครั้งนี้ ให้เป็นเรื่องเล่าไปยังลูกหลานต่อไป บ๊ายบาย สุพรรณ ก่อนเข้าเมืองหลวงในช่วงเที่ยง อย่างว่าคนเดินทางต่างจังหวัดก็ควรแวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับไปให้คนสำคัญๆ กันบ้าง

เมื่อมาสุพรรณก็ต้องเป็น ขนมสาลี่ ที่นี่เลย มีครบครันในที่เดียว เอกชัย สาลี่ สุพรรณ ขนมขึ้นชื่อของร้านจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก ขนมสาลี่ ร้าน ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าหะรัด อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี มีขนมมากมาย อย่าง ขนมชั้นใบเตย ขนมสาลี่ที่นำมาปรับสูตรให้เข้ากับวับรุ่นมากขึ้น อย่าง สาลี่ชีสเลเยอร์ ที่โดนใจ และถูกปากอยู่ไม่น้อย หรือจะเป็นจำพวกของใช้หัตกรรมน่ารักๆ ก็เหมาะสำหรับเป็นของฝากจากจังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อเดินทางถึงยังจุดหมาย เราก็ยังคงไม่ลืมกลิ่นไอของความเป็นสุพรรณ

ภาพติดตาคือ ต้นตาลสูง และสองข้างทางที่เป็นทุ่งนาเขียวขจี สำเนียงการพูดชวนฟัง แสดงให้เห็นถึงความเป็นสุพรรณบุรี ที่ยังคงรักษาในสิ่งที่ตนเองมีมาโดยตลอด และคงเป็นอีกจังหวัดหนึ่ง ที่หากมีใครชวนไปเที่ยวอีกล่ะก็ บอกเลยว่า ตอบตกลงทันที !

ขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ภาคกลาง)