ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อจังหวัดตรัง เรานึกถึงชายหาดขาว น้ำทะเลสีฟ้าใสแจ๋ว ลงมือค้นหาข้อมูลในอากู๋ก็พบว่าความงามของทะเลตรังนั้นยากจะปฏิเสธ ติดที่ว่าช่วงฤดูมรสุมทะเลไม่ได้สวยดังที่หวัง และยังมีอันตรายจากคลื่นลมอันน่ากลัว เราจึงตัดสินใจทิ้งทะเลตรังอันสวยงามที่เห็นในภาพถ่ายไว้ก่อน แล้วออกเดินทางเข้าไปสัมผัสเมืองเก่า วิถีชีวิต และธรรมชาติของจังหวัดตรังแทน บอกเลยว่า สวยงามประทับใจไม่แพ้ทะเลและชายหาดอย่างแน่นอน
ตัวเมืองตรังมีความสวยงามคลาสสิคอยู่ไม่น้อย เมื่อแรกเห็น ที่นี่ดูเนิบช้า ไม่เร่งรีบ ทั้งผู้คนที่ไม่แออัดแบบในเมืองใหญ่ สีหน้าอารมณ์ของคนที่นี่ดูใจดี มีอัธยาศัย นอกจากรอยยิ้มที่สะดุดใจเราแล้ว ตึกเก่าและสถาปัตกรรมก็ชวนให้สะดุดตาไม่น้อย
ตึกเก่าในตัวเมืองตรังคล้ายตึกเก่าในเมืองภูเก็ตอยู่พอสมควร ถึงแม้จำนวนตึกจะไม่หน้าแน่นเท่ากับเมืองภูเก็ต แต่ก็มีความสวยงามชวนให้หลงใหลไม่แพ้กัน อย่างเช่น บ้านไทรงามที่ตั้งอยู่ในย่านทับเที่ยง บ้านสีเหลืองรูปทรงสะดุดตา ตกแต่งแบบสมมาตร และลวดลายปูนปั้น ศิลปะแบบนิโอคลาสสิค นอกจากนี้ยังออกแบบตามคติความเชื่อของชาวจีน เกิดเป็นการผสมผสานอาคารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของที่นี่ อีกอาคารที่สะดุดตาเราตั้งแต่มาถึงคือ โรงแรมจริงจริง ซึ่งเป็นโรงแรมเก่าแก่ที่ปรับปรุงเป็นเกสเฮาส์รับนักท่องเที่ยวในราคาจับต้องได้ ภายนอกได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมแบบปินัง จุดเด่นของอาคารนี้คือเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่บนหัวมุมถนน เพิ่มความสวยงามสะดุดตาแก่ผู้พบเห็น
เมืองตรังมีศาสนสถานเก่าแก่อย่างโบสถ์คริสต์ตรัง ที่มีอายุกว่า 100 ปี เป็นอาคารชั้นเดียวสถาปัตยกรรมแบบโกธิค มีหอระฆังอยู่ติดตัวอาคาร ทาสีเหลืองทั่วทั้งตึกตัดกับสีเขียวของต้นไม้ที่ปลูกไว้โดยรอบให้ความสวยงามน่าหลงใหล โดยเฉพาะคนรักการถ่ายรูปต้องติดใจมากเลยทีเดียว
ระหว่างทางยังมีภาพเขียนสีที่ปรากฎอยู่ตามผนังของอาคารทั่วเมืองเก่า เช่น ภาพเขียนสีถ้ำมรกต ถ้ำทีมีชื่อเสียงของ จ. ตรัง หรือจะเป็นภาพเขียนสีต้นตรัง ต้นไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองตรัง ก็ดูเป็นอีกหนึ่งมิติที่ช่วยเพิ่มสีสันในการเดินเที่ยวในวันนี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นสีสันให้กับการเดินเที่ยวเมืองตรังในครั้งนี้ก็คือร้านอาหารรสเด็ดสองข้างทาง ที่รสชาตินั้นไม่ต้องคุยกันมาก เพราะดูจากจำนวนคนตรังที่นั่งในร้าน หรือต่อคิวซื้อกลับบ้านนี่รับรองได้เลยว่าเด็ดแน่นอน อย่างเช่นร้าน กิ๊ป&แก๊ป ร้านติ่มซำที่คนตรังรู้จักกันดี อีกร้านชื่อจีบขาว ติ่มซำที่นี่ก็เกินบรรยาย หากเริ่มง่วงมีร้านทับเที่ยง old town คาเฟ่ตกแต่งสไตล์คลาสสิคไว้นั่งจิบกาแฟพักเหนื่อยระหว่างเดิน และยังมีร้านเด็ดอีกหลายร้านที่นายรอบรู้ได้ลองแล้วติดใจจนอย่างมาบอกต่อ แต่ขอยกยอดไปเป็นรวมลายแทงร้านเด็ดเมืองตรังครั้งหน้าแล้วกัน
ออกจากตัวเมืองตรังมาไม่ไกล จากตึกเก่าสไตล์คลาสสิคก็เปลี่ยนไปสู่ฉากธรรมชาติสองข้างถนน เราเดินทางออกมาเพื่อมาสัมผัสธรรมชาติของป่าฝนเขตร้อนที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก ที่นี่คือสวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) นั่นเอง
สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ตั้งอย่ใน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ห่างจากตัวเมืองตรังเพียง 13 กม. เท่านั้น บนพื้นที่กว่า 2,600 ไร่ ของสวนแห่งนี้ อุดมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ มีต้นไม้น้อยใหญ่ และสัตว์ป่านานาชนิด
ในสวนพฤกษศาสตร์มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ทอดยาวเข้าไปในป่า ให้อารมณ์เหมือนกำลังเดินทางเข้าสู่เมืองดึกดำบรรพ์ สังเกตุได้จากสองข้างทางมีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เมื่อเทียบกับตัวเราแล้ว เหมือนยืนอยู่ในเมืองไดโนเสาร์เลยจริงๆ
ที่นี่มีสถานที่น่าสนใจอย่าง สะพานศึกษาเรือนยอดไม้ (Canopy walkway) มีความยาว 175 เมตร มีความสูงตั้งแต่ 10 – 18 เมตร โดยจะเพิ่มระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ศึกษาสิ่งมีชีวิตที่ระดับความสูงต่างๆ กัน ระหว่างเส้นทางจะมีหอคอยที่เราสามารถชมวิวของป่า และความสวยงามของธรรมชาติในมุมต่างๆ ได้ไม่มีเบื่อ เรียกได้ว่าลืมภาพสวนพฤกษศาสตร์ทั่วๆ ไปได้เลย
เราเดินทางมากันตัง เพราะต้องการมาสัมผัสเมืองสุดทางรถไฟสายอันดามันแห่งนี้ด้วยตาตัวเองสักครั้ง หลังจากพบเห็นชื่อกันตังอยู่บนป้ายบอกขบวนรถไฟ ที่หัวลำโพงอยู่หลายหนในเวลาออกเดินทางด้วยรถไฟ ครั้งนี้ถึงแม้ไม่ได้มารถไฟ แต่ก็อยากมาเห็นกันตัง มากว่าชื่อกันตังบนป้ายเสียที่
สถานีรถไฟกันตัง เป็นสถานีสุดท้ายของขบวนรถไฟสายอันดามัน ที่นี่เป็นสถานีรถไฟขนาดไม่ใหญ่ มีรถไฟเพียง 1 ขบวน คือ สายกรุงเทพฯ – กันตัง ที่จะเดินทางมาจอดส่งคนที่สถานีนี้ และรับคนมุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร เป็นเช่นนี้มาหลายสิบปีแล้ว
สถานีรถไฟกันตัง เปิดใช้งานเมื่อปี พ.ศ. 2456 ตัวสถานีเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยา สีเหลืองสลับน้ำตาล ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนตัวอาคารและชานชาลา ด้านหน้าของอาคารมีมุขยื่น มีการตกแต่งประดับมุมเสาด้วยลวดลายไม้ฉลุเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ส่วนตัวอาคารที่ทำเป็นห้องมีผนังไม้พร้อมช่องลมระแนง ส่วนที่เป็นโถงมีรั้วลูกกรงไม้พร้อมบานประตูขนาดเล็ก ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมเครื่องใช้เกี่ยวกับรถไฟสมัยอดีตอยู่บ้าง นอกจากนี้ยังมีภาพเก่าสมัยอดีตที่ดูแล้วย้อนนึกถึงความงดงามในสมัยนั้นได้ดีเหลือเกิน
ต่อจากสถานีรถไฟกันตัง เรามุ่งหน้าไปกันต่อที่ พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ซึ่งคือบ้านของ พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) เป็นผู้ที่มีบทบาทในการพัฒนาเมืองตรังในหลายด้าน โดยเฉพาะการเป็นผู้นำต้นยางพาราเข้ามาปลูก และส่งเสริมจนเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัด
ที่นี่เป็นเรือนไม้ปั้นหยา 2 ชั้น ทาสีฟ้า ตัวบ้านโปร่ง มีระเบียงรับลมรอบบ้าน ล้อมรอบด้วยสวนเล็กๆ ภายในบ้านก็จัดแต่งไว้เช่นเดียวกับเมื่อสมัยที่พระยารัษฎาฯ อาศัยอยู่ ภายในมีสิ่งที่น่าสนใจอย่างเช่น อนุสาวรีย์พระยารัษฎาฯ ประดิษฐานบนแท่นคอนกรีต หล่อด้วยโลหะ และยังมีภาพถ่ายเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี เป็นภาพเหตุการณ์สำคัญของเมืองตรัง และหัวเมืองปักษ์ใต้ในสมัยรัชกาลที่ 6 ที่ดูแล้วหวนนึกถึงอดีตไปอีก
เห็นไหมว่า มาเมืองตรังครั้งนี้ไม่มีทะเลแม้แต่น้อย แต่ความสุขก็เปี่ยมล้นไม่แพ้มาทะเล ที่สำคัญการมาเมืองตรังครั้งนี้ทำให้เราได้รู้ว่า นอกจากทะเลและชายหาดที่เป็นสถานที่ขึ้นชื่อ เมืองตรังก็ยังมีความงามอื่นซ่อนอยู่ รอให้นักเดินทางอย่างเรามาสัมผัส และนำพาความรู้สึกดีๆ และภาพสวยๆ กลับไป และหวังว่าจะได้มีโอกาสกลับมาเยือนเมืองเรียบง่ายใจดีแห่งนี้อีก…ในไม่ช้า
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
หลายคนฝันที่จะตื่นขึ้นพบกับภาพป่าเชียวชอุ่มจากหน้าต่างห้องพัก ฝันว่ามีเสียงน้ำไหลรินขับกล่อมให้เข้านอนและเป็นเสียงแรกที่ได้ยินเมื่อตื่น ทุกอย่างเป็นจริงได้ที่นี่ — “บ้านป่าเหมี้ยง” ชุมชนเล็กๆ ที่น่ารักในอำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง — เมืองรองต้องห้ามพลาด
“นายรอบรู้” ขอนำเสนอนำเสนอ 6 สถานที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางรถไฟฟ้าสายที่ม่วง ที่สามารถเดินทางได้ง่ายๆ ไม่ไกลจากสถานี….แต่จะมีที่ไหนบ้าง จะสวยแค่ไหนไปดูกันเลย…
ใครเคยดูภาพยนตร์พี่มาก…พระโขนง อาจคุ้นตากับท่าน้ำริมคลองรายล้อมด้วยดงจากที่นางนากมายืนรอสามีสุดที่รักทุกวัน เบื้องหลังความลึกลับสยองขวัญในฉากนั้นส่วนหนึ่งมาจากสถานที่ถ่ายทำอันโดดเด่น นั่นคือ คลองสังเน่ห์ ใน จ. พังงา
© 2018 All rights Reserved.
