ต่อมาอีกไม่นาน ค้างคาวก็เยอะขึ้น ชาวบ้านก็พากันยิงและเอาไปกิน ค้างคาวจึงหนีออกไปจากวัด อดีตเจ้าอาวาสจึงนั่งสมาธิและแผ่เมตตาไปยังค้างคาว ให้กลับมาวัดอีกครั้ง และสาปแช่งคนที่ยิงและกินค้างคาว บางคนก็นิ้วขาด ปากแหว่งบ้าง เจ็บป่วยและไปรักษาที่โรงพยาบาลก็ไม่หาย ต้องมาจุดธูปขอโทษ จากนั้นชาวบ้านก็ไม่กล้าจะทำร้ายค้างคาวอีก” “ค้างคาวพวกนี้กินผลไม้ เช่น กล้วย ฝรั่ง และใบโพธิ์อ่อน และยังไม่รบกวนสวนผลไม้ของชาวบ้าน เพราะหากินในป่าและค้างคาวที่นี่สามารถบอกเหตุร้าย หรือเรื่องไม่ดีภายในหมู่บ้านได้ เช่น เรื่องจะมีคนเสียชีวิต หรือจะมีการทำพิธีศพเข้ามาที่วัด โดยที่จะบินกระจายวนๆ อยู่บนท้องฟ้า จากนั้นไม่เกิน 3 วันก็มีการจัดงานศพขึ้น” เจ้าอาวาสเล่าให้เราฟังอย่างออกรส ใครอยากชมค้างคาว ต้องมาก่อน 6 โมงเย็น เพราะหลังจากเวลานั้นพวกค้างคาวก็จะออกหากินกันแล้ว ที่วัดมีบริการกล้องส่องทางไกล เพื่อให้ได้ชมค้างคาวกันแบบชัดๆ และที่วัดวันเสาร์อาทิตย์ก็จะมีตลาดนัดไว้ให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายซื้อของกัน
ขอขอบคุณ : งานสื่อมวลชนสัมพันธ์ในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)