
บุกป่าตามหาพระศิวะที่นครศรีธรรมราช
เมื่อเอ่ยถึงภาคใต้ หลายคนคงนึกถึงทะเลสีคราม หาดทรายสีขาว หากจะลองเปลี่ยนบรรยากาศมาขึ้นเขา บุกตะลุยตามหาความศักดิ์สิทธิ์ของมหาเทพศิวะก็คงตื่นเต้นไม่น้อยกว่ากัน…
กรุงเทพฯ – บ้านปาร์คนายเลิศ เรือนไม้สักอายุมากกว่า 100 ปี ของนายเลิศ เศรษฐบุตร หรือ พระยาภักดีนรเศรษฐ ผู้สร้างธุรกิจรถเมล์ขาว โรงน้ำแข็งแห่งแรกของไทย สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2345 ตั้งอยู่บนผืนดินอันร่มรื่นใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งในอดีตเป็นที่ดินริมคลองแสนแสบ นายเลิศได้สร้างเรือนไม้สักนี้ไว้เพื่อเป็นเรือนพักผ่อนของครอบครัวและมิตรสหายในวันสุดสัปดาห์ และยังได้เปิดกว้างให้คนทั่วไปเข้ามาเที่ยวหย่อนใจโดยไม่หวงห้าม คนทั่วไปจึงเรียกว่า “ปาร์คนายเลิศ” ส่วนเรือนไม้สักหลังงามถูกเรียกว่า “บ้านปาร์ค” ต่อมาได้เป็นเรือนอยู่อาศัยถาวรของนายเลิศและครอบครัว ตกทอดมาถึงท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ บุตรสาวคนเดียวของนายเลิศ ผู้สืบสานตำนานรถเมล์ขาวและเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหญิงคนแรกของประเทศไทย
ปัจจุบัน บ้านปาร์คนายเลิศอยู่ภายใต้การบริหารของคุณน้องเล็ก ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ทายาทรุ่นที่ 4 กรรมการผู้จัดการบริษัท สมบัติเลิศ จำกัด และเครือนายเลิศ กรุ๊ป ได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์กลางสวน ให้บุคคลภายนอกเข้ามาเยี่ยมชมบ้านได้ ภายในบ้านมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของครอบครัว เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เรื่องราวการใช้ชีวิตของคนไทยสมัยก่อน รวมถึงภูมิปัญญาของคนไทยในอดีตที่ผสมผสานกับความเป็นอยู่ร่วมสมัยได้อย่างลงตัว
ทั้งนี้ บ้านปาร์คนายเลิศ จะทำการเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์อย่างเต็มรูปแบบ จากเดิมเปิดเพียงสองวัน มาเป็นเปิดห้าวันให้บุคคลทั่วไปเข้าเยี่ยมชมได้ทุกวันพุธ – วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์และอังคาร) และจะมีกิจกรรมเวิร์คช็อปคุกกิ้งคลาสทำอาหารไทย การร้อยมาลัย รวมถึงกิจกรรมอื่นๆและการจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนตลอดทั้งปี รวมถึงพิพิธภัณฑ์เรือของนายเลิศ โดยมีไกด์นำเยี่ยมชมเป็นรอบ ได้แก่ เวลา 9.30 น. 11.30 น. 14.30 น. และ 16.30 น. อัตราเข้าเยี่ยมชม ผู้ใหญ่ 250 บาท นักเรียน/นักศึกษา 100 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี ไม่เสียค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมนี้เป็นต้นไป ผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์บ้านปาร์คนายเลิศ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 02 253 0123 อีเมล์
สำหรับสื่อมวลชน ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ชลิดา ตรูทัศนวินท์ (มีมี่)
Nai Lert Group
โทร. 0 2 253 0123 มือถือ 065 969 5091
Email: chalida@nailertgroup.com
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
เมื่อเอ่ยถึงภาคใต้ หลายคนคงนึกถึงทะเลสีคราม หาดทรายสีขาว หากจะลองเปลี่ยนบรรยากาศมาขึ้นเขา บุกตะลุยตามหาความศักดิ์สิทธิ์ของมหาเทพศิวะก็คงตื่นเต้นไม่น้อยกว่ากัน…
“นายรอบรู้” ขอแนะนำคาเฟ่วาฬสีน้ำเงินที่มาแล้วจะรู้สึกเหมือนได้จิบกาแฟอยู่ในโลกใต้ทะเล
หลายคนเรียกร้องให้ “นายรอบรู้” แนะนำร้านกาแฟน่ารักๆ ในกรุงเทพฯบ้าง วันนี้ขอจัดสนองนีด(need)ซะหน่อย
ร้านบะหมี่เกี๊ยวรถเข็นเล็ก ๆ ในตรอกเจริญไชย ย่านเยาวราช บอกเลยว่ารสชาติไม่ธรรมดา ด้วยเปิดขายมานาน 20 ปีกว่าแล้ว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
บรรยากาศแสนสบายช่วงหัวค่ำในฤดูฝน ท้องนาเขียวขจี แหงนมองบนฟ้ามีเมฆหมอกลอยล่องจางๆ มีผาหินใหญ่บ้านค้างคาวเป็นเบื้องหลังกระทบกับแสงสุดท้ายของวันที่ช่างแสนอบอุ่น เพื่อนร่วมทริปคนนึงที่เชี่ยวชาญพื้นที่แถบนี้บอกกับเราว่า “จะพาไปกินหมูกระทะที่สุดแสนจะพิเศษ” ได้ฟังอย่างนั้นก็แปลกใจเล็กน้อย จนกระทั่งมาถึง..ไม่น่าเชื่อที่อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น จะมีร้านหมูกระทะที่หรูหราด้วยบรรยากาศเช่นนี้
แม้จะเป็นร้านรถเข็นดูบ้านๆ ไม่ได้โด่งดังมีชื่อในวงกว้าง แต่ก็จอดขายส้มตำอยู่ข้างธนาคารกสิกรไทย สาขาบางลำพู มานานกว่า 25 ปี ลูกค้าในละแวกต่างรู้จักกันดีแถมการันตีว่า อร่อย ถูก คุณภาพคับจาน พี่ใจ-อุทุมพร สาวอีสานมหาสารคาม เคยคว้ารางวัลชนะเลิศจากการเข้าร่วมแข่งขัน “สูตรเด็ดส้มตำ” ของทางช่อง 3 สูตรเด็ดอยู่ที่การเลือกใช้พริกถึงสามชนิด ทั้งพริกแห้ง พริกขี้หนู และพริกกะเหรี่ยง ส่วนปลาร้าก็ต้มสุกปรุงรสด้วยกะปิจนกลมกล่อมหอมฉุย ที่ขาดไม่ได้คือมะนาว ไม่ว่าจะถูกจะแพงพี่ใจก็ใช้มะนาวสดเท่านั้น เมนูห้ามพลาดคือตำผลไม้ ตำข้าวโพดไข่เค็ม ตำปลาร้าหมูยอ ตำซั่ว ตำลาว และไม่ว่าจะสั่งตำอะไร
ใครหลายคนคงฝันอยากมีบ้านหลังเล็กๆ ท่ามกลางสวนร่มรื่น ที่ตื่นขึ้นมาแล้วได้ทำอะไรในแบบที่ตัวเองรักในทุกๆ วัน Sweet Balcony คือบ้านสีขาวหลังเล็กกลางสวนร่มรื่นสไตล์อังกฤษ และคือความฝันที่เป็นจริง
เมื่อวันที่ 22-23 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ณ บริเวณสวนสาธารณสะพานหิน ได้มีพิธีทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ครบรอบ 49 วัน ให้กับผู้เสียชีวิตกรณีประสบภัยทางทะเลเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561
© 2018 All rights Reserved.