
ป้าจิ๊บฟาร์ม ลุย-เล่น-เลอะ ยิ่งเยอะประสบการณ์
“ป้าจิ๊บฟาร์ม” เปรียบเสมือนโลกกว้างให้เด็กๆ ได้มาเรียนรู้วิถีชีวิตพอเพียงแบบเกษตรอินทรีย์ ได้ลงมือปฏิบัติจริง ไม่ใช่การเรียนรู้ที่อยู่แต่ในห้องเรียน
สมัยเด็กจำได้ว่า การมาแถวย่านนางเลิ้งทำให้ฉันตื่นเต้นได้ตลอด นอกจากสถาปัตยกรรมเก่าแก่ดั้งเดิม ยังมีวิถีชีวิตของผู้คนในตลาด และอีกส่วนก็วุ่นอยู่กับการพนันขันต่อม้าแข่งในยามบ่าย ปัจจุบันสนามม้าและบ้านเก่านางเลิ้งคงเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่กลายเป็นเพียงความทรงจำอันล้ำค่าไปเสียแล้ว
การกลับมาเยือนนางเลิ้งครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ความรู้สึกเปลี่ยนไป ภาพของต้นไม้และบ้านเก่าหายไป เหลือแต่เพียงท้องถนนและรถราวิ่งกันขวักไขว่ ความร้อนค่อยๆ ระอุขึ้นเรื่อยๆ จนคอเริ่มแห้งผาก ถ้าได้น้ำสักแก้วคงจะดีไม่น้อย…
สมองและสายตาทำงานสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ประมวลผลได้ว่า ได้เวลาหาที่นั่งหลบแสงแดดยามบ่ายแล้ว ฉันจึงชวนเพื่อนเดินมาจากแยกนางเลิ้ง เดินมาไม่ไกล สายตาก็สะดุดกับข้อความว่า “กชาติ café”
ครั้งแรกที่ฉันมองผ่าน เห็นเป็นคาเฟ่ขนาดเล็กติดริมถนน แต่เมื่อผ่านช่องทางเดินเข้าไปเท่านั้น สิ่งที่เห็นด้านหน้าร้านกลายเป็นเหมือนภาพลวงตาซึ่งพรางสิ่งล้ำค่าไว้ด้านใน
“กชาติกำลังเข้าสู่ปีที่ 5 จุดเริ่มต้นเราเอาบ้านเก่าในย่านนางเลิ้งมารีโนเวตใหม่ ข้างหน้าที่เห็นจะเป็นแบบห้องแถวทั้งหมด แต่ข้างในเป็นบ้านไม้ทรงเก่าขนาดสองชั้นและมีบริเวณสนามหญ้า” คุณไอซ์ เจ้าของร้าน บอกเล่าถึงความเป็นมาของร้าน
ชื่อร้าน “กชาติ” มาจากสมัยก่อนพื้นที่ตรงนี้เป็นของสภากาชาดไทย เจ้าของที่บริจาคให้และทิ้งไว้ 10 กว่าปี ก่อนหน้านี้มีคนมาขอใช้บ้านหลังนี้แต่ไม่ได้ไป จึงว่างมาหลายปีก่อนที่คุณไอซ์จะทำเป็นร้านอาหาร
ร้านแห่งนี้นับได้ว่าครบครันในเรื่องพื้นที่ใช้สอยเพราะนอกจากที่นั่งในตัวบ้านที่โอ่โถงโล่งสบายแล้วยังมีส่วนของพื้นที่นอกบ้านที่ประดับด้วยไม้นานาพันธุ์เหมือนเป็นสวนหย่อมเล็กๆให้ผู้ที่อยากดื่มกาแฟไปพร้อมกับรับพลังงานสีเขียวจากธรรมชาติได้เลือกนั่ง
คุณไอซ์เป็นคนชอบสะสมของเก่าอยู่แล้ว จึงยังคงบรรยากาศของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ไว้ ความคิดแรกของเธอคืออยากตกแต่งร้านให้ไม่อึดอัด ก็เลยใส่กระจกเพิ่มเข้าไปหลายจุด
“ร้านเราให้ความสำคัญกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ ค่อนข้างมาก อาจจะเป็นความรู้สึกที่ตัวเองชอบก่อน แต่เราคิดว่าใครเข้ามาน่าจะสัมผัสได้เช่นกัน…แล้วก็มีส่วนต้นไม้ข้างนอก เราว่าเป็นสิ่งสำคัญให้ความร่มรื่น ซึ่งแถวนี้ไม่ค่อยจะมีแล้ว”
ย่านนี้มีหน่วยงานราชการหลายแห่ง ยามเที่ยงหรือบ่ายลูกค้าของร้านจึงมักเป็นข้าราชการและคนเก่าแก่ในพื้นที่ บางคนยังรับรองพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ร้านนี้ด้วย เมื่อประกอบกับความสวยงามของบ้านและการตกแต่งแบบสมัยใหม่ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว คนในพื้นที่จึงเรียกร้าน “กชาติ” ว่า “ห้องรับแขกแห่งนางเลิ้ง”
“บ้านหลังนี้เป็นเหมือนห้องรับแขกนางเลิ้ง คนที่อยู่ละแวกนี้เวลานัดเจอใครหรืออยากขอบคุณใครสักคน เขาก็จะนึกถึงที่นี่ ตอนเรารีโนเวตบ้าน เราคิดว่าทำยังไงให้ลูกค้าที่เข้ามารู้สึกเหมือนมาบ้านเพื่อนมากกว่า มานั่งคุย นั่งรับประทานอาหาร บรรยากาศสบายมากกว่า”
นอกจากบรรยากาศอบอุ่นสบายๆ แล้ว คุณไอซ์ยังปรับพื้นที่ชั้น 2 ของอาคารทางเข้าร้านเป็นส่วนสำหรับทำเวิร์กช็อปด้วย เธอสนใจการทำงานคราฟต์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงรู้สึกว่าการเปิดเป็นพื้นที่เพื่อสร้างสรรค์ผลงานและศิลปะน่าจะเป็นสิ่งที่ดี โดยให้กลุ่มต่างๆ เข้ามาจัดกิจกรรมหมุนเวียนกันไป
“เราเปิดให้ทุกคนที่ต้องการจัดกิจกรรมต่างๆ แต่ต้องดูก่อนว่าเขาทำเพื่อกำไรหรือสังคม เราต้องรู้ก่อนว่ากิจกรรมที่เขาทำคืออะไร เราถึงจะสามารถจัดให้ได้ ถ้าเป็นนักศึกษามาจัดนิทรรศการหรืออะไร เรายินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่หากเป็นโมเดลธุรกิจ เราต้องคุยกันอีกที”
ความน่าสนใจของที่นี่ยังไม่หมด โดยเฉพาะกับผู้ที่ชื่นชอบผักออร์แกนิก ร้าน “กชาติ” ซื้อผักออร์แกนิกมาจากฟาร์มของเพื่อนๆ ที่ปลูกไว้กิน ส่วนที่เหลือก็นำมาแบ่งขายกันในหมู่เพื่อน
“ผักเรามาจากหลายแหล่งที่มาจากฟาร์มออร์แกนิกจริงๆ เพราะรู้ที่มา เรารู้จักคนปลูก มีการแบ่งปันช่วยเหลือกัน แต่ไม่ใช่ผักในร้านจะเป็นออร์แกนิกทั้งหมด เพราะบางอย่างการใช้ออร์แกนิกแท้จะไปเพิ่มราคาอาหาร แล้วจะผลักภาระให้ลูกค้าก็ไม่ควร แต่อย่างสลัดหรือผักใบนี่ออร์แกนิกแน่นอน”
ใครที่ได้ลิ้มลองผักสลัดของร้านนี้จึงติดใจในความสดกรอบอร่อยและปลอดภัยกันทั้งนั้น และอีกสิ่งที่สำคัญ ทางร้านสนับสนุนการลดจำนวนขยะ โดยถ้าใครนำแก้วมาเอง จะลดราคาให้ 5 บาท ซึ่งรวมถึงการนำกล่องมาใส่อาหารที่สั่งกลับบ้านด้วย
ฉันที่ได้บังเอิญมาพบสถานที่แห่งนี้ ทำให้หายคิดถึงนางเลิ้งเมื่อสมัยเด็กไปได้มากอยู่ และการได้หวนคิดถึงคุณค่าของสิ่งเก่าๆ ได้ใช้เวลาอย่างสบายๆ ไม่เร่งรีบ ได้ชิมอาหารปลอดสารเคมีในสวนหย่อมเย็นลมธรรมชาติของย่านเก่า ก็เป็นประสบการณ์แปลกไปจากชีวิตประจำวันที่น่าจดจำ
อีกอย่างฉันได้พบกับบาริสตาน้อย ลูกของคุณไอซ์ เธอกำลังจะเข้าเรียนในสายศิลปะ ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจได้เห็นการเติบโตของร้านควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะก็เป็นได้
ที่ตั้ง ถ. นครสวรรค์ แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพฯ
เปิด 08.30-18.30 น. ปิดวันอาทิตย์
โทร. 0-2282-0392
Facebook กชาติ café
Instagram kachart_cafe
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
“ป้าจิ๊บฟาร์ม” เปรียบเสมือนโลกกว้างให้เด็กๆ ได้มาเรียนรู้วิถีชีวิตพอเพียงแบบเกษตรอินทรีย์ ได้ลงมือปฏิบัติจริง ไม่ใช่การเรียนรู้ที่อยู่แต่ในห้องเรียน
ท่ามกลางฤดูฝน สายชลหลั่งจากฟ้า ชโลมต้นหญ้าให้ชุ่มฉ่ำ เหล่าผีเสื้อนานาพันธุ์ มาชุมนุมกันที่ปางสีดา” สายฝนชุ่มฉ่ำแบบนี้ “นายรอบรู้” ขออาสาพาคุณไปยังอุทยานแห่งชาติปางสีดา “ดินแดนผีเสื้อแห่งผืนป่าตะวันออก” ที่ที่คุณจะได้พบกับผีเสื้อนับร้อยนับพัน เสน่ห์ของผีเสื้อปางสีดา คือ พบได้ง่าย มีจำนวนมาก และหลากหลายสายพันธุ์ ที่สำคัญได้เห็นแบบใกล้ๆ ขนาดผีเสื้อบินมาเกาะเลยทีเดียว หากไม่อยากพลาด ขอแนะนำให้เลือกวันที่ฟ้าเป็นใจ ช่วงฟ้าเปิด มีแสงแดดรำไร โดยเฉพาะช่วงเช้า 9 โมงถึง 11 โมง จะพบผีเสื้อเกาะนิ่งๆ ผึ่งปีกบนใบไม้ บ้างก็โบกบินไปมาอวดสีสันสวยงาม เส้นทางดูผีเสื้อปางสีดามีถึง
เชื่อหรือไม่! ว่าคนเราอยู่แบบพึ่งพาธรรมชาติได้จริง? เชื่อไหมว่า ความสุขง่ายๆ เกิดจากการใช้ชีวิตแบบพอเพียง คุณอาจจะมีคำถามในใจมากมาย…ลองหาคำตอบเหล่านั้นที่ บ้านห้วยปลาหลด ดูสิ แล้วคุณอาจได้พบกับความสุขท่ามกลางธรรมชาติ พบความอิ่มเอิบหัวใจจากวิถีชีวิตคนที่นี่
ตอนนี้พูดได้ว่าปัตตานีเป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานโครงการพระราชดำริการทำปะการังเทียมมาช่วย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ทศกาลแขวนโคมหลากสีสวยงาม เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาต่อองค์พระธาตุเจ้าหริภุญชัย และถวายเพื่อเคารพสักการะพระนางเจ้าจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งเมืองลำพูน ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติมาเที่ยวชมความงดงาม พร้อมทั้งเขียนข้อความอธิษฐานขอพรลงบนโคม ก่อนจะนำไปแขวนไว้ตามจุดต่างๆ นับเป็นภาพสะท้อนความศรัทธาของชุมชนในเมืองบุญแห่งล้านนาของนครหริภุญชัย
เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศจัดกิจกรรมล่องเรือชมโบราณสถานยามค่ำคืนในแม่น้ำเจ้าพระยาต้อนรับคณะผู้แทนเขตเศรษฐกิจเอเปคที่เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๙-๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ เพื่อสานต่อเป้าหมายการเป็นเจ้าภาพเอเปค ๒๕๖๕ ภายใต้แนวคิดหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” หรือ “Open. Connect. Balance.” มุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ยุคหลังโควิด-19 ให้มีการค้า การลงทุนที่เปิดกว้าง เสรี และมีพลวัต เชื่อมโยงความสะดวกและปลอดภัย พร้อมกำหนดแผนการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจ BCG เพื่อการเตรียมรับมือสถานการณ์ความผันผวนต่าง ๆ ในโลก
ด้วยความเป็นเมืองในเขตปริมณฑลและสามรถเดินทางไปได้ง่ายด้วยรถไฟ “นายรอบรู้” จึงอยากชวนกินตามรอยเส้นทางกินในมหาชัยและท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร ใครเที่ยวไปกินไปอย่าได้พลาดไปอ่านนะจ๊ะ เริ่มต้นจากฝั่งมหาชัย
“หอมเอ้ยหอมใบอ้ม หอมลอยลมจนคนส่า”
คำผญาอีสานพรรณนาถึงความหอมจนเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาของใบอ้มที่ล่องลอยอยู่ในสายลมที่พัดผ่านไปมา
© 2018 All rights Reserved.