ซุปหมี่เนื้อวัวที่ตลาดนางเลิ้ง

เพื่อนหญิงคนหนึ่งของผมเคยลั่นวาจาไว้เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน สมัยที่เราทั้งกลุ่มยังเป็นนักเรียนอุดมศึกษาร่วมชั้น แล้วทุกเที่ยงวันก็เที่ยวตระเวนกินหมี่เนื้อวัวตุ๋นน้ำแดง ลาบ –  น้ำตกแซ่บๆ เนื้อย่างติดมันตามร้านข้างทาง หรือบางทีก็เป็นผัดพริกกะเพราเนื้อสับรสเผ็ดจัดจ้านที่เราผลัดกันไปทำกินที่ครัวบ้านเพื่อนคนนั้นทีคนนี้ที, เธอว่า “…ชีวิตนี้ถ้าชั้นกินเนื้อ (วัว) ไม่ได้เมื่อไหร่ ต้องแย่แน่ๆ เลย…”

แต่ในที่สุดเมื่อโรคภัยกรายใกล้เข้ามา เธอก็จำต้องยกเลิกปณิธานอันแรงกล้านั้นไป…นี่เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งเท่านั้นครับ ที่จริงพอถึงวัยกลางคนขนาดนี้ ผมมีเพื่อน, พี่, น้องหลายคนที่เคยเสพติดเนื้อวัวอย่างชนิดสุดจิตสุดใจ หากให้มีอันต้องเลิกราเด็ดขาดไปด้วยเหตุต่างๆ นานา

ผมนั้นชอบแกล้งชวนพวกเขาคุยเรื่องความหลังถึงกับข้าว “เนื้อๆ” ที่เคยกิน เมื่อนั้นนัยน์ตาพวกเขาจะเปล่งประกายแจ่มใส น้ำเสียงก็ดูเหมือนจะร่าเริง..แม้มันจะเป็นเพียงชั่ววาบสั้นๆ ของการระลึกถึงนั้นก็ตามที…

โชคดีที่ผมยังรับประทานเนื้อ (วัว, ควาย, แพะ, แกะ, กวาง) ได้อยู่จนทุกวันนี้ จะว่าไปมันก็เป็นกิเลสและการปรุงแต่งล้วนๆ น่ะนะครับ แต่ถ้าจะให้อธิบายกันจริงๆ ก็คือผมคิดว่า เนื้อสัตว์อะไรก็ตามที่มีกลิ่น มีคาวมากๆ หากว่าเราสามารถกลบกลืนมันด้วยสมุนไพรเครื่องเทศจนพอดิบพอดีแล้วละก็ มันจะได้รสชาติวิเศษลงตัวท้าทายปากลิ้นสุดๆ เลยล่ะครับ

โชคดีซ้ำซ้อนก็อาจเป็นว่าพักหลังๆ ผมชักเริ่มแยกแยะรส – สี – กลิ่นของกับข้าว “เนื้อๆ” ได้มากขึ้น จนพอจะรื่นรมย์กับความแตกต่างของแต่ละสูตร แต่ละร้าน ได้ตามควรแก่การมากกว่าแต่ก่อน

ที่สำคัญคือหมี่เนื้อวัว ซึ่งก็มีมากมายหลายร้านจนแทบจาระไนไม่หมด..แต่ละร้านก็มีจุดดีจุดเด่นต่างๆ กันไป

เวลาผมไปรับประทานหมี่เนื้อวัว ไม่ว่าร้านไหน ผมมักทดสอบฝีมือเขาด้วยซุปเนื้อเปื่อยก่อน โดยสั่งเกาเหลา หรือหมี่น้ำเนื้อเปื่อย ไม่ใส่ถั่วงอก (ผมไม่ชอบกลิ่น/รสถั่วงอกในหมี่น้ำเอาเสียเลย) นั่นทำให้ผมจะได้ดื่มด่ำกับซุปรสดีที่เถ้าชิ้วเจ้าของร้านบรรจงปรุงมาอย่าง ประณีตบรรจงได้เต็มที่

นอกจากซุป ความต่างของชิ้นเนื้อส่วนต่างๆ ตลอดจนวิธีการหั่นตามยาวตามขวาง ขนาดของชิ้นที่ต่างกันไปในชามโคมใบใหญ่ ก็ยังความแปลกใหม่ให้แก่ปากลิ้นได้ทุกครั้งไป

ถ้าว่าเฉพาะเรื่องชิ้นเนื้อนี้ มีร้านที่ผมชอบไปนั่งรับประทานอยู่ร้านหนึ่ง คือ “เนื้อตุ๋นนางเลิ้ง”  ที่ตลาดนางเลิ้ง กรุงเทพฯ ใกล้กับโรงหนังเฉลิมธานี ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้ฉายหนังแล้วล่ะครับ แต่กลายเป็นโบราณสถานหนึ่งในหมุดหมายความเก่าแก่ของตลาดโบราณแห่งนี้ ร้านนี้อยู่ตรงหัวมุมด้านในซอยนครสวรรค์ ๒ เป็นร้านหมี่ที่น่านั่งทีเดียว มีโต๊ะเก้าอี้ชุดให้นั่งได้ทั้งในร้านและริมฟุตบาทใต้ชายคา โต๊ะเหล่านี้จะแวดล้อมชายหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านยิ้มแย้มแจ่มใส ผู้ทำหน้าที่ลวกหมี่ หั่นชิ้นเนื้อ ตลอดจนปรุงน้ำซุปเสร็จสรรพแต่ผู้เดียวอยู่หน้าเตานั้นเอง

ในบางเที่ยงวัน ผมพบตัวเองนั่งอยู่คนเดียวบ้างกับเพื่อนฝูงบ้าง ที่โต๊ะใกล้ๆ เตาและหม้อซุป ข้างหน้าผมจะมีถ้วยใบเล็กที่ผมตักพริกแห้งป่นกับพริกสดบดดองน้ำส้มปนปรุงรอท่าไว้แล้ว

สักครู่ก็จะมีชามซุปเนื้อเปื่อยเอ็นเปื่อยที่โรยใบผักกาดหอมหรือคื่นไช่หั่นถูกยกมาวางเทียบ เคียงด้วยข้าวสวยร้อนๆ หนึ่งถ้วยเล็ก

อย่างแรกที่ผมทำ คือตักน้ำซุปใส่ไปในถ้วยน้ำส้มพริกดองปรุงรสนั้นสักหน่อยหนึ่ง กับเหยาะน้ำส้มในพวงเครื่องปรุงใส่ชามซุปแค่เพียงหนึ่งช้อน ไม่มากไม่น้อยกว่านั้น

เมื่อรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยชื่นใจมาก ซุปร้านนี้สีน้ำตาลอ่อนๆ ไม่ข้นมากนัก กลิ่นเครื่องเทศที่ถูกตุ๋นเคี่ยวจนอ่อนลงก็นุ่มนวล ไม่ฉุนจมูกจนเอียน ทำให้ซดได้อย่างรื่นรมย์ทีเดียวแหละครับ พริกดองน้ำส้มเป็นแบบที่บดไม่ละเอียดนัก และไม่ได้หมักจนกลิ่นน้ำส้มเปลี่ยนไป คือจะแค่เปรี้ยวและเผ็ดนิดๆ เท่านั้น กับทั้งปริมาณเนื้อพริกก็ไม่มากจนข้นเขียวนอนก้นเหมือนร้านหมี่เนื้อวัวสกุล วัดดงมูลเหล็กแต่อย่างใด

ของอย่างนี้ก็ต้องแล้วแต่ชอบใครชอบมันล่ะครับ

เหตุผลอีกอย่างที่ผมและเพื่อนๆ ชอบมารับประทานที่นี่ ก็คือเนื้อเปื่อย เนื้อสามชั้น และเครื่องใน ซึ่งนุ่มลิ้น แต่ยังไม่เปื่อยมากจนยุ่ย เรียกว่ายังพอให้เคี้ยวเล่นๆ ได้อยู่ โดยของเขาจะหั่นมาอย่างสวยทีเดียว ใครได้แวะไปรับประทานขอให้สังเกตท่วงท่าการหั่นการปรุงหมี่ของชายหนุ่มหน้า ใสอารมณ์ดีคนนั้น แล้วจะเห็นว่าเขาเป็นคนที่มีศิลปะในหัวใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว

“ศิลปะ” ของร้านนี้ยังอบอวลอยู่ในทุกไออณูของบรรยากาศอีกด้วย คือถ้านั่งไปสักพักหนึ่งจะเริ่มได้ยินเสียงเพลงเบาๆ ซึ่งก็มักเป็นเพลง Easy jazz เพราะๆ และเมื่อกวาดสายตาไปตามผนัง จะเห็นภาพถ่ายวิวทิวทัศน์ ผู้คน บ้านเมือง และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในต่างประเทศ (ผมเดาว่าชายหนุ่มคงบันทึกไว้คราวที่เขามีโอกาสผ่านไปเยือน) ..ฟังเพลง – ดูภาพไปเพลินๆ สลับกับรับประทานซุปและข้าวสวย บางทีก็เผลอหมดถ้วยไม่รู้ตัวเอาเหมือนกัน

ชิมซุปเนื้อเปื่อยแล้วก็ต้องลองลูกชิ้นของเขาบ้าง ลูกชิ้นร้านนี้ลูกใหญ่ทีเดียวครับ แล้วก็กรอบดี รสชาตินุ่มนวล ไม่ได้มีกลิ่นเนื้อหรือพริกไทยป่นแรงแบบลูกชิ้นในร้านหมี่ของชาวมุสลิม หากไม่ใช่คนรับประทานจุ ขอแนะนำว่าให้สั่งเป็นลูกชิ้นลวก รับประทานไปพร้อมข้าวและซุปเนื้อเปื่อยตั้งแต่แรกก็ไม่เลวนัก

ร้านนี้ก็คล้ายร้านหมี่เนื้อวัวแบบร้านคนจีนทั่วๆ ไปนะครับ คือไม่ได้ขายหมี่เหลือง อย่างไรก็ดี ต้องสารภาพว่าผมนั้นกว่าจะสังเกตเรื่องนี้ได้ก็ต่อเมื่อไปหลายครั้งมากแล้ว เพราะตัวเองนั้นชอบหมี่ขาว ดังนั้นพอไปถึงถ้าไม่รับประทานซุปเนื้อเปื่อยกับข้าวสวย ก็มักสั่งหมี่ขาวลูกชิ้นเนื้อสดแบบแห้งหรือน้ำโดยแทบไม่ต้องคิด แล้วไหนยังจะมาติดใจซุปรสดีของเขาชนิดเข้าเส้น ความสามารถในการสังเกตสังกาใดๆ จึงลดน้อยลงไปเป็นอันมาก

บางวันผมนั่งรับประทานลำพังคนเดียวอย่างเอร็ดอร่อย วูบหนึ่งพานนึกถึงเพื่อนหญิงคนนั้นและกลุ่มก๊วนกินเนื้อของพวกเราสมัยครั้งยังหนุ่มยังสาว อดคิดแบบขำๆ ไม่ได้ว่าถ้าพบกันอีกเมื่อไหร่ผมจะเล่าเรื่องร้านนี้ให้ฟังให้น้ำลายไหลไปตามๆ กันเลยเชียว

รับประทานหมี่อิ่มแล้ว เขามีโอเลี้ยง ชาดำเย็น และเฉาก๊วยโบราณถ้วยเล็กให้ลองสั่งมาชิมด้วยครับ ตัวเนื้อเฉาก๊วยนั้นหั่นแผ่นค่อนข้างใหญ่ โรยน้ำตาลทรายแดงและน้ำแข็งป่นมาให้ นับว่าปิดท้ายมื้อกลางวันได้อย่างชื่นใจทีเดียว

“เนื้อตุ๋นนางเลิ้ง” ขายหมี่ตั้งแต่ 10.30 – 14.30 น. เขาหยุดร้านวันเสาร์ – อาทิตย์..เป็นหมี่เนื้อวัวรสชาตินุ่มนวลที่อยากชวนให้ไปลองชิมกันดูครับ

Relate Place

News

ททท. เปิดตัวโครงการ STAR ยกระดับผู้ประกอบการ “มาร่วมสร้างท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืน”
เตรียมพร้อมรับตลาดนักท่องเที่ยวมูลค่าสูง ผ่าน 17 เป้าหมายการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ STAR : Sustainable Tourism Acceleration Rating ณ ห้องโถงธนะรัชต์ อาคาร ททท. เพื่อเดินหน้า Shape Supply ยกระดับห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่มาตรฐานการท่องเที่ยวยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “มาร่วมสร้างท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืน”สอดรับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Tourism Goals : STGs พร้อมผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสมดุลทุกมิติก้าวสู่การเป็น High Value and Sustainable Tourism โดยเตรียมเปิดรับสมัครผู้ประกอบการตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป ทางเว็บไซต์ www.TATstar.org

News

ททท. เปิดตัว “โครงการ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน”

ททท. เปิดตัวกิจกรรมสุดว้าว ภายใต้ “โครงการ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ตรงใจนักท่องเที่ยว

เริ่มแล้ว! ททท. จัดเต็มแสง เสียง กับงาน “วิจิตร 5 ภาค @กรุงเทพมหานคร” ดึงเทคโนโลยีล้ำสมัย สะท้อนศิลปะและความเชื่อคนไทย ใน 3 พื้นที่แลนด์มาร์ก กรุงเทพมหานคร
News

ททท. จัดงาน “วิจิตร 5 ภาค @กรุงเทพมหานคร”

เริ่มแล้ว! ททท. จัดเต็มแสง เสียง กับงาน “วิจิตร 5 ภาค @กรุงเทพมหานคร” ดึงเทคโนโลยีล้ำสมัย
สะท้อนศิลปะและความเชื่อคนไทย ใน 3 พื้นที่แลนด์มาร์ก กรุงเทพมหานคร

News

เปิดเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำ กรุงเทพมหานครถึงพระนครศรีอยุธยา

ททท. ร่วมกับหอการค้าไทย เดินหน้าเปิดเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำ กรุงเทพมหานครถึงพระนครศรีอยุธยา หวังกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ สู่การท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน