ททท. เปิดตัวโครงการ STAR ยกระดับผู้ประกอบการ “มาร่วมสร้างท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืน”
ททท. แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ STAR : Sustainable Tourism Acceleration Rating
นักเดินทางทั่วโลกต่างใฝ่ฝันว่า จะได้มานั่งเรือชมแม่น้ำเจ้าพระยาสักครั้งในชีวิต แล้วคนไทยอย่างเราทำไมไม่ลองสักครั้งล่ะ?
“นายรอบรู้” ถามคำถามนี้กับตัวเองเมื่อหลายปีก่อน แล้วก็เลยตัดสินใจซื้อตั๋วเรือไปชมบรรยากาศยามเย็นกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ความงามตรงหน้าทำให้หายสงสัยเลยว่า ทำไมไกด์บุ๊คทุกเล่ม เว็บไซต์ทุกแห่ง จึงบรรจุโปรแกรมท่องเที่ยวกลางสายน้ำนี้ว่า ห้ามพลาด!
ไม่นานมานี้เราได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้มาสัมผัสประสบการณ์นี้อีกครั้ง เราตอบรับทันทีอย่างไม่รีรอ แล้วก็รู้สึกว่าบรรยากาศอันงดงามนั้นไม่เปลี่ยนไปเลย ราวกับแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสายน้ำที่ไร้กาลเวลา
ครั้งนี้ผู้จัดงานใช้บริการเรืออังสนาของกองทัพเรือ ซึ่งเป็นเรือที่มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ ในปี พ.ศ. 2545 กองทัพเรือมีโครงการสร้างเรือลำนี้ขึ้นเพื่อไว้ใช้สำหรับรับรองพระบรมวงศานุวงศ์ และบุคคลสำคัญต่าง ๆ โดยใช้ชื่อว่า “อังสนา” มีหมายความว่า “ดอกประดู่” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารเรือ
ภารกิจสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของเรือลำนี้คือเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2555 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ เสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับเรือพระที่นั่งอังสนา เสด็จไปยังเกาะเกร็ด อ. ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทอดพระเนตรริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ภายหลังจากน้ำท่วมเมื่อปี พ.ศ. 2554 และทรงเปิดโครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 5 โครงการ
เรามาขึ้นเรือที่หอประชุมกองทัพเรือ พอถึงเวลาหกโมงครึ่งเรืออังสนาก็เคลื่อนออกจากท่าขึ้นไปทางวังหลัง โรงพยาบาลศิริราช แสงสีทองยามเย็นสาดส่องลงมาที่พระบรมมหาราชวัง สะท้อนกับสีทองของเจดีย์และยอดปราสาทดูสวยงาม
แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสายน้ำที่สำคัญของกรุงเทพฯ มาตั้งแต่อดีต เมื่อ 100 ปีที่แล้วสมัยที่ยังไม่มีถนน แม่น้ำเจ้าพระยาคือเส้นทางสัญจรหลัก ทำให้ความเจริญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม นิวาสถานของเจ้านาย หรือบริษัทห้างร้านใหญ่ๆ ล้วนเรียงรายอยู่สองฝั่งแม่น้ำ การนั่งเรือเที่ยวแม่น้ำเจ้าพระยาทำให้เราได้รู้จักกรุงเทพฯ ในอดีตอีกด้วย
เรือค่อยๆ ผ่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สวนสันติชัยปราการ ที่ร่มรื่นในยามเย็น มีป้อมพระสุเมรุที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 เป็น 1 ใน 2 ป้อมที่ยังเหลืออยู่ในกรุงเทพฯ จากนั้นผ่านสะพานพระราม 8 สะพานขึงไร้ตอม่อที่เกิดจากโครงการพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 เพื่อช่วยลดความคับคั่งของการจราจร ซึ่งออกแบบได้อย่างสวยงามลงตัวที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
ในช่วงนี้ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีม่วงสะท้อนไปบนผืนน้ำ เมฆสะท้อนสีส้มของดวงอาทิตย์ เป็นช่วงเวลาที่บรรยากาศริมน้ำเจ้าพระยาสวยงามที่สุด เรืออังสนาของเรากลับลำ แล้วย้อนกลับลงมาทางปากแม่น้ำ ผ่านปากคลองบางกอกน้อย วังหลัง พระบรมมหาราชวัง ก่อนจะถึงช่วงไฮไลต์สำคัญคือบริเวณวัดอรุณราชวราราม
เวลานี้พระปรางค์วัดอรุณฯ ซึ่งเปิดไฟประดับจะดูโดดเด่นสวยงามกลางท้องฟ้าที่มืดลง พระปรางค์แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองบางกอก มีขนาดสูงใหญ่ที่สุดในยุครัตนโกสินทร์ และบูรณะต่อเนื่องมาตลอดรวมทั้งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ยังดูสง่างามแม้ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน
ใกล้กันคือ พระราชวังเดิม พระราชวังของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของกองทัพเรือ และวัดกัลยาณมิตร วัดที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยจำลองวัดพนัญเชิงที่กรุงเก่า-พระนครศรีอยุธยามา มีพระประธานคือหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ประดิษฐานในวิหารหลวง
ถัดมาอีกนิดเราจะเริ่มเห็นชุมชนนานาชาติในเมืองบางกอก นั่นคือศาลเจ้าเกียงอันเกงของชาวจีนฮกเกี้ยน และโบสถ์ซางตาครู้ส โบสถ์ของชุมชนกุฎีจีน สร้างโดยชาวคริสต์เชื้อสายโปรตุเกส โบสถ์หลังปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ชื่อซางตาครู้สหมายถึงหมายไม้กางเขน
ถัดมาฝั่งซ้ายมือคืออาคารสุนันทาลัย ในโรงเรียนราชินี ซึ่งเป็นอาคารอิฐสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคที่สวยงามและทรงคุณค่า อายุกว่า 130 ปี จากนั้นเรือจะผ่านตลาดยอดพิมานบริเวณปากคลองตลาด วัดประยุรวงศาวาส และลอดผ่านสะพานพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ภายในเรือเจ้าหน้าที่จัดอาหารพร้อมแล้ว ใครหิวก็กลับมานั่งดื่มด่ำกับดินเนอร์ในบรรยากาศโรแมนติกได้ แต่ถ้ายังเพลินกับทิวทัศน์สองฝั่งพร้อมสายลมเย็นๆ ก็จะได้เห็นล้ง 1919 แลนด์มาร์กริมน้ำแห่งใหม่ที่ฟื้นชีวิตท่าเรือการค้าของตระกูลหวั่งหลีขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะที่อีกฝั่งคือ โบสถ์กาลหว่าร์ โบสถ์ของชาวคริสต์อีกแห่งหนึ่งที่มีสถาปัตยกรรมโกธิก ยอดสูงขึ้นไปบนฟ้า ผ่านศุลกสถาน โรงเก็บภาษีหรือด่านศุลกรเก่าในสมัยรัชกาลที่ 5 มีสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกที่งดงามอีกแห่ง แม้ปัจจุบันจะสภาพค่อนข้างทรุดโทรมเพราะไม่มีการใช้งาน
ช่วงนี้ของแม่น้ำ สิ่งที่น่าสนใจคือไอคอนสยาม ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่กำลังก่อสร้างกันอย่างขมักเขม้น ตอนนี้เริ่มเห็นอาคารต่างๆ ขึ้นเป็นรูปเป็นร่างแล้วเพื่อเตรียมเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
เรือล่องตามแม่น้ำไปเรื่อยๆ ผ่านโรงแรมโอเรียนเต็ล วัดยานนาวา จนถึงเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอน์ ที่มีชิงช้าขนาดใหญ่โดดเด่น เดิมที่นี่คือท่าเรือขนถ่ายสินค้าเก่าแก่ที่ดัดแปลงเป็นแหล่งชอปปิงริมน้ำ ประกอบด้วยร้านค้า ร้านอาหารมากมาย
จุดหมายสุดท้ายอยู่ที่สะพานภูมิพล ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 สร้างขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาการจราจรในย่านพระประแดง ตัวสะพานเป็นสะพานขึงขนาดใหญ่ที่สวยงามอลังการมาก จากนั้นเรือจึงวนกลับมาจอดเทียบท่าส่งผู้โดยสารที่หอประชุมกองทับเรือ จบทริปการท่องเที่ยวบนเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยาที่สุดแสนประทับใจ
-ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคกลาง
-เรืออังสนา รองรับกิจกรรมงานสังสรรค์ได้หลายรูปแบบ และสามารถประยุกต์ดัดแปลงแต่ละพื้นที่ของเรือให้สอดคล้องกลมกลืนกับการจัดงานรูปแบบที่ต้องการได้อย่างดี รองรับแขกผู้มีเกียรติได้ถึง 150 – 250 คน บริการมีให้เลือก 2 แบบ คือ
1.กรณีเช่าเรือ ค่าเช่า 100,000.-บาท 2.กรณีรวมค่าสถานที่ + อาหาร +เครื่องดื่ม จำนวนคน ขั้นต่ำ 150 คน คนละ 970.-บาท
– โทร. 02-475-5494
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ททท. แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ STAR : Sustainable Tourism Acceleration Rating
ททท. เปิดตัวกิจกรรมสุดว้าว ภายใต้ “โครงการ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ตรงใจนักท่องเที่ยว
เริ่มแล้ว! ททท. จัดเต็มแสง เสียง กับงาน “วิจิตร 5 ภาค @กรุงเทพมหานคร” ดึงเทคโนโลยีล้ำสมัย
สะท้อนศิลปะและความเชื่อคนไทย ใน 3 พื้นที่แลนด์มาร์ก กรุงเทพมหานคร
ททท. ร่วมกับหอการค้าไทย เดินหน้าเปิดเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำ กรุงเทพมหานครถึงพระนครศรีอยุธยา หวังกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ สู่การท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน
© 2018 All rights Reserved.