ททท. เปิดตัวโครงการ STAR ยกระดับผู้ประกอบการ “มาร่วมสร้างท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืน”
ททท. แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ STAR : Sustainable Tourism Acceleration Rating
“ดึงอีก … ดึงอีก” กองเชียร์ส่งเสียงลั่น ชาวบ้านในทีมชักเย่อก็ออกแรงสุดชีวิต มือดึง เท้าจิกทราย โน้มตัวลงใช้ประโยชน์จากน้ำหนักตัวให้มากที่สุด แต่ละคนหน้าตาเหยเก กัดฟันสู้ไม่ถอย เสียงกลองรัวเร็วขึ้นเมื่อพวกเขากำลังได้เปรียบ
ในที่สุดคู่ต่อสู้ก็ต้านแรงสามัคคีฝ่ายนี้ไม่ไหว ต้องพ่ายแพ้ไป กองเชียร์ส่งเสียงดังลั่นอีกครั้ง… บรรยากาศข้างต้น คือการเล่นชักเย่อที่สนุกสนานในเทศกาลวันสงกรานต์ที่วัดตะปอนใหญ่ ตำบลตะปอน อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีประเพณี “ชักเย่อเกวียนพระบาท” สืบทอดกันมายาวนานกว่า 70 ปีแล้ว เป็นการแข่งชักเย่อโดยดึงเชือกที่ผูกกับเกวียนที่ประดิษฐาน “ผ้าพระบาท” ผืนผ้าศักดิ์สิทธิ์ ชุมชนไหนชนะจะได้ผ้าไปทำบุญก่อน
งานนี้ชาวบ้านจึงรวมใจกันสุดชีวิต วัดตะปอนใหญ่เป็นวัดเก่าแก่ เล่ากันว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา อายุกว่า 250 ปี ตั้งอยู่บนเส้นทางโบราณสายขลุง-พลิ้ว ซึ่งมีขบวนเกวียนพ่อค้าวิ่งผ่าน คำว่า “ตะปอน” บ้างว่าเพี้ยนมาจาก “ตะโพน” ที่หมายถึงการกระเด้งกระดอนเมื่อวิ่งเกวียนบนเส้นทางที่เป็นหลุมบ่อ จุดเริ่มต้นของประเพณีนั้น คุณกาญจน์ กรณีย์ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอขลุง เล่าให้ฟังว่า ในสมัยก่อนเกิดโรคระบาด มีคนเจ็บป่วยล้มตายจำนวนมาก ทำอย่างไรก็ไม่หาย จึงมีพระแนะนำให้นำผ้าพระบาทออกมาแห่ไปตามหมู่บ้าน ผ้าผืนนี้เล่ากันว่ามีผู้นำมาทางเรือ มีการฉลอง 7 วัน 7 คืน และประดิษฐานที่วัดตะปอนน้อย ผืนผ้ากว้าง 5 ศอก ยาว 21 ศอก เชื่อว่าเขียนเป็นรูปรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าซ้อนทับกัน 4 รอย จึงเรียกว่า “ผ้าพระบาท”
เมื่อขบวนแห่ผ้าตีฆ้องร้องผ่านไป ชาวบ้านก็ยกมือสาธุ ขอนำผ้าพระบาทไปทำพิธีให้คนป่วย ความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเมื่อโรคร้ายค่อยๆ หายไป คนป่วยอาการดีขึ้น ชาวบ้านจึงเกิดศรัทธา ทำให้เกิดประเพณีแห่ผ้าพระบาทไปตามหมู่บ้านมานับแต่นั้น แต่ด้วยความที่ผ้ามีอยู่ผืนเดียว ในขณะที่ชาวบ้านในตำบลตะปอนมีหลายหมู่บ้าน รวมถึงหมู่บ้านอื่นก็อยากนำผ้าไปทำบุญด้วย จึงเกิดการยื้อแย่งผ้าพระบาท ชาวบ้านจึงมาคุยตกลงกติกากัน กลายเป็นประเพณีแย่งผ้าด้วยการชักเย่อ นั่นคือประเพณีชักเย่อเกวียนพระบาท
ใครชนะจึงได้ผ้าไปทำบุญก่อน ปัจจุบันการเล่นชักเย่อเกวียนพระบาท ที่วัดตะปอนใหญ่ กำหนดจัดทุกวันที่ 17 เมษายนของทุกปี โดยนำผ้าพระบาทออกมาประดิษฐานไว้บนเกวียน ให้สองฝ่ายชักเย่อแข่งกัน แบ่งเป็นการแข่งขันระหว่างผู้ชาย ผู้หญิง หนุ่มสาว ผู้สูงวัย และเด็ก แต่ละปีมีชาวบ้านมาร่วมเชียร์กันคับคั่ง ด้วยความที่สืบทอดการเล่นมานาน ชาวบ้านจึงมีกลวิธีการดึงที่พิเศษ ทั้งท่าดึงที่ได้เปรียบคู่ต่อสู้ที่สุด การล้มตัวกดเชือกไว้กับทรายเพื่อดึงเกมส์ และการชิงจังหวะดึงเพื่อเอาชนะ
การแข่งขันที่นี่จึงไม่ใช่แค่การเอาชนะด้วยแรงเท่านั้น ตลอดวันนั้นมีประเพณีสงกรานต์ เริ่มตั้งแต่การรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในตอนเช้า บ่ายแข่งชักเย่อ เล่นการละเล่น แดดร่มลมตกก็ก่อพระเจดีย์ทราย แยกย้ายไปอาบน้ำอาบท่า ก่อนจะกลับมารวมกันที่วัดอีกครั้งเวลาประมาณ 2 ทุ่ม เพื่อจุดเทียนทำพิธีสมโภชน์พระเจดีย์ทราย มีพระสงฆ์มาสวดให้ศีลให้พรและประกาศรางวัลเจดีย์ทรายสวยงาม นับเป็นประเพณีที่สนุกสนาน และเปี่ยมด้วยบรรยากาศแห่งศรัทธาในตอนท้าย …ใครที่กำลังคิดว่าสงกรานต์นี้จะไปไหน เราอยากให้ลองแวะมาที่วัดตะปอนใหญ่สักครั้ง
ขอขอบคุณ งานสื่อมวลชนสัมพันธ์ในประเทศ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ททท. แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ STAR : Sustainable Tourism Acceleration Rating
ททท. เปิดตัวกิจกรรมสุดว้าว ภายใต้ “โครงการ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ตรงใจนักท่องเที่ยว
เริ่มแล้ว! ททท. จัดเต็มแสง เสียง กับงาน “วิจิตร 5 ภาค @กรุงเทพมหานคร” ดึงเทคโนโลยีล้ำสมัย
สะท้อนศิลปะและความเชื่อคนไทย ใน 3 พื้นที่แลนด์มาร์ก กรุงเทพมหานคร
ททท. ร่วมกับหอการค้าไทย เดินหน้าเปิดเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำ กรุงเทพมหานครถึงพระนครศรีอยุธยา หวังกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ สู่การท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน
© 2018 All rights Reserved.