เกาะดอกเหมย คาเฟ่สไตล์จีนที่เสิร์ฟขนมออร์แกนิก
เกาะดอกเหมย คาเฟ่ลับ ๆ ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานในย่านนนทบุรี เป็นคาเฟ่สไตล์จีน ที่เน้นการตกแต่งด้วยโทนสีแดง สีมงคลของคนจีน ตั้งแต่ประตูทางเข้า ผ้าม่าน โคมไฟ และหมอนใบเล็กลายดอกเหมย
กลายเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อพูดถึงการนำวัชพืชที่ไร้ค่าจากธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ แต่ในปัจจุบันการนำวัชพืชจากธรรมชาติมาใช้ประโยชน์นั้นมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งลักษณะและรูปแบบการประดิษฐ์สิ่งของ ซึ่งรังสรรค์ขึ้นใหม่ภายใต้แนวคิดรักษ์โลกให้มีความทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายง่าย ไม่ก่อให้เกิดการเพิ่มปัญหาขยะ และทำให้ชุมชนมีรายได้จากการนำวัชพืชมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ ซึ่งสอดคล้องตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
การสานกระจูดเป็นวิถีชีวิตของคนทะเลน้อย จ. พัทลุง ซึ่งเดิมกระจูดเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย ไม่มีราคา แถมขึ้นเองในทะเลน้อย ชาวบ้านจึงนำกระจูดมาเพิ่มมูลค่า ด้วยการสานเป็นเสื่อและกระสอบไว้ใช้เองในครัวเรือน ต่อมามีการพัฒนาส่งเสริมการผลิต กระจูดจึงกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของทะเลน้อย
ผลิตภัณฑ์กระจูดของที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความเหนียวทนทานและมีหลากหลายรูปแบบ ชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศถึงขนาดออกบูทขายที่เมืองทองธานี กรุงเทพฯ กันเป็นประจำ ทุกวันนี้ต้นกระจูดธรรมชาติในพื้นที่จึงมีไม่พอ ชาวบ้านต้องทำนาปลูกกระจูดกันเอง
ปัจจุบันนอกจากเสื่อกระจูด ยังมีผลิตภัณฑ์กระจูดที่หลากหลาย ทั้งหมวก กระเป๋า ตะกร้า ภาชนะรูปทรงต่างๆ ที่หลากหลาย ทั้งแบบสีธรรมชาติและย้อมสีสันสวยงาม
ภูมิปัญญาแห่งบ้านร่าหมาด ที่เปลี่ยนพืชในท้องถิ่นให้กลายเป็นสิ่งของมีค่า บ้านร่าหมาด เป็นชุมชนเก่าแก่ ในตำบลเกาะกลาง อำเภอลันตา จังหวัดกระบี่ มีพื้นที่ติดป่าชายเลนที่เป็นแหล่งรวมของเตยหลากหลายพันธุ์ ที่ชาวบ้านใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับจักสานข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ และยังสืบทอดทำกันมาจนปัจจุบัน
ต้นเตยทะเลมีมากหลายชนิด แต่ชนิดที่ชาวบ้านนิยมนำมาใช้งานมากที่สุดคือ “เตยปาหนัน” มีใบยาวเรียวสีเขียว มีหนามบริเวณขอบใบ และก้านกลางใบ ใบมีความเหนียวนุ่ม ทนทาน จักเส้นตอกได้ง่าย และย้อมสีติดทนนาน ขั้นตอนการทำเริ่มตั้งแต่การตัดเตย เหลาหนาม ต้ม ตาก ย้อมสี แล้วนำมาสานขึ้นรูปทรงต่างๆ เช่น เสื่อ กระเป๋า ซองใส่โทรศัพท์ หมอน ที่ใส่ตะเกียบ ตะกร้า ภาชนะใส่ของรูปทรงต่างๆ เป็นต้น
งอบหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “เหละ” ถือเป็นของฝากขึ้นชื่อของบ้านน้ำเชี่ยว และเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองตราด ซึ่งงอบบ้านน้ำเชี่ยวต่างจากงอบแหล่งอื่นคือ ทำด้วยใบจาก มีน้ำหนักเบา รูปทรงเหมือนกระทะคว่ำหรือหมวกทหารสมัยโบราณ เคลือบด้วยน้ำมันวานิช เพื่อให้เงางามและทนแดดทนฝน
งอบถือเป็นเครื่องใช้จากภูมิปัญญาชาวบ้านที่นำใบจากซึ่งมีมากในท้องถิ่นมาสานให้เกิดประโยชน์ ใช้ใส่กันแดดกันฝนเวลาทำนาทำสวน ชาวน้ำเชี่ยวทำงอบมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ถึงปัจจุบันมีการพัฒนารูปแบบงอบตามความสวยงามและประโยชน์ใช้สอย โดยมีทรงหลักๆ มากถึงห้าทรง ได้แก่ ทรงกระทะ ซึ่งเป็นทรงดั้งเดิมที่ชาวน้ำเชี่ยวยังใช้กันอยู่ ทรงกระดองเต่าที่เป็นทรงปีกเว้าขนาดกะทัดรัด ทรงยอดแหลมลักษณะเหมือนกรวย ทรงสมเด็จซึ่งทำถวายสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ครั้งพระองค์เสด็จมาที่หมู่บ้านในปี พ.ศ. 2524 และทรงกะโหลก ที่เป็นทรงกลมคล้ายหมวกทหาร
หากคุณกำลังมองหากระจาด ถาด ตะกร้า หรือกระเป๋าสวยๆ ดีไซต์เก๋ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เราอยากให้คุณนึกถึงกลุ่มจักสานผักตบชวาบ้านสันป่าม่วง อ. เมือง จ. พะเยา
ก็เพราะผักตบชวาเป็นวัชพืชที่แสนไร้ค่า ลอยน้ำไปวันๆ ตามห้วยหนองคลองบึงและกว๊านพะเยา กลุ่มแม่บ้านตำบลสันป่าม่วงจึงนำมาแปรสภาพให้เป็นเงินด้วยภูมิปัญญาบวกไอเดีย โดยนำวัชพืชที่มีมากในชุมชน อย่างผักตบชวามาจักสานเป็นของชำร่วยและเปลญวน ซึ่งใช้วิธีการที่ไม่ซับซ้อนมาก โดยการนำเอาก้านผักตบชวามาตากให้แห้ง และสานขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ กระทั่งกลายเป็นสินค้า OTOP ส่งออกขึ้นชื่อ ถูกอกถูกใจคนชอบสินค้าจากวัสดุธรรมชาติทั้งในและต่างประเทศ
กาบหมากแก่ หนา แข็ง ที่ร่วงหล่นไร้ค่าใต้ต้น ชาวบ้านอาจหาประโยชน์ได้เพียงใช้ห่อของ ทำซองใส่มีด หรือที่คนปักษ์ใต้นำมาห่อทำ “หมาต้อ” แทนขันตักน้ำ ส่วนเด็กๆ ครีเอตเป็นแผ่นรองนั่งผลัดกันลากสนุกตามวิถีชนบท
ปัจจุบันถูกเพิ่มมูลค่าให้เป็น “จาน–ชามชีวภาพ” ภายใต้ยี่ห้อไทยว่า “วีระษา” (Veerasa) ที่เห็นคุณค่าของเศษกาบต้นหมากที่ถูกทิ้งเปล่าเป็นขยะ นำมาแปรรูปให้เป็นภาชนะบรรจุอาหารรูปทรงต่างๆ แทนการใช้โฟม ข้อดีของกาบหมากคือ เมื่อนำมาขึ้นรูปเป็นภาชนะแล้วยังให้สีสันและลวดลายสวยงามตามธรรมชาติเหมือนเดิม ซึ่งมีทั้ง จาน ชาม ถ้วย ถาด ตั้งแต่ชิ้นเล็กไปจนถึงชิ้นใหญ่ จุดเด่นจะอยู่ตรงที่เป็นผลิตภัณฑ์รักษ์สิ่งแวดล้อมที่ทำจากธรรมชาติ 100% สามารถนำไปล้าง ตากแห้ง และใช้ซ้ำได้โดยไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ แถมยังเป็นภาชนะรักษ์โลกอีกด้วย
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
เกาะดอกเหมย คาเฟ่ลับ ๆ ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานในย่านนนทบุรี เป็นคาเฟ่สไตล์จีน ที่เน้นการตกแต่งด้วยโทนสีแดง สีมงคลของคนจีน ตั้งแต่ประตูทางเข้า ผ้าม่าน โคมไฟ และหมอนใบเล็กลายดอกเหมย
การหาอาหารดีๆ ปลอดภัย ไร้สารพิษตกค้างนับวันยิ่งหายากขึ้นไปทุกที แล้วคนกินอย่างเราจะทำอย่างไรเพื่อจะมั่นใจได้ว่า อาหารที่เรากินนั้นจะไม่ย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ในอนาคต
โจ๊กสมเพชร ร้านโจ๊กเจ้าอร่อยแห่งเมืองเชียงใหม่ นอกจากโจ๊กที่เป็นของขึ้นชื่อของร้านแล้ว เขายังมีเมนูอื่นๆ ที่เด็ดไม่แพ้กันให้ลิ้มลองด้วย
“สะเร็นน่า” น่าไป ปราสาทตาเมือน จุดเชื่อมสองแผ่นดิน สุรินทร์ดินแดนร่ำรวยปราสาท เพราะมีปราสาทอยู่ถึง ๓๙ แห่ง สันนิษฐานว่าสมัยขอมเรืองอำนาจ สุรินทร์คงเป็นดินแดนหนึ่งที่อยู่ในเส้นทางการไปมาของขอมโบราณ จึงได้สร้างปราสาทขึ้นตามเส้นทางสัญจร ปราสาทในจังหวัดสุรินทร์เป็นปราสาทขนาดเล็ก ที่โดดเด่นคือปราสาทศีขรภูมิ ที่อำเภอศีขรภูมิ เพราะอยู่ในชุมชน มีความสมบูรณ์ สวยงาม และปราสาทภูมิโปนที่อำเภอสังขะ เพราะเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย มีความสัมพันธ์กับนิทานท้องถิ่นเรื่อง “เนียงเด๊าะทม” (นางนมใหญ่) ธิดากษัตริย์ขอมที่มาพักเพื่อหลบหนีภัยสงคราม แต่สำหรับครั้งนี้จะขอนำเสนอปราสาทริมชายแดนที่เป็นจุดร่วมของคนเดินทางระหว่างคนเขมรต่ำ-เขมรสูงในอดีต ซึ่งก็คือกลุ่มปราสาทตาเมือน กลุ่มปราสาทตาเมือน ประกอบด้วยปราสาท ๓ หลังที่บ้านหนองคันนาสามัคคี ตำบลตาเมืยง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ถ้าเอ่ยชื่อ ”แกลเลอรี กาแฟดริป” คอกาแฟจะรู้ว่าเขาเปิดร้านอยู่ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครมานานหลายปีแล้ว และเมื่อต้นปี 2560 นี้เองที่มีการขยับขยายสาขา 2 มาอยู่ในพื้นที่ของโรงแรมคชา เบด แถวแยกสามยอด ย่านวังบูรพา
สุดยิ่งใหญ่อลังการกับเมืองโบราณที่ถูกขนานนามว่าเป็น “เวนิสแห่งตะวันออก”
บ้านท่าลาดเป็นชุมชนประมงมีบ้านเรือนกลางน้ำ และมีวิถีการยกยอ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “สะดุ้ง” อยู่กลางทะเลสาบเขื่อนอุบลรัตน์เกินกว่ายี่สิบยอ
อะไรกันเนี่ย! ถนนคนขายหอยทอดรถเข็นกว่า 20 คันที่จอดเรียงรายขายอาหารอยู่ที่ตลาดนี้ ครึ่งหนึ่งเป็นร้านหอยทอด ที่น่าประหลาดก็คือบรรดาร้านเหล่านี้แม้จะขายของเหมือนกัน แต่ค้าขายร่วมกันได้อย่างสมานฉันท์ ไม่มีแก่งแย่งหรือเขม่นกัน
© 2018 All rights Reserved.