Couple Cups เมื่อหวานและขมเจอกันตรงกลาง
คาเฟ่เล็กๆ แสนจะน่ารักกลางเมืองเชียงรายแห่งนี้สะดุดตาเราตั้งแต่แรกเห็น อันที่จริงเราติดตามร้านนี้มาจากใน Instagram ฝันไว้ว่าวันนึงจะไปนั่งชิล จิบกาแฟที่นี่ให้ได้
“ใครเคยเที่ยวป่ายกมือขึ้น” แน่นอนว่ามีจำนวนไม่น้อยที่ชอบเที่ยวป่า กางเต็นท์ แคมปิ้ง หลายคนชอบเดินป่าพิชิตยอดเขาสูงสุด ประทับรอยเท้าว่าเราได้มาถึงแล้ว ผมเองก็เคยคิดว่าการเที่ยวป่าคือการพิชิตธรรมชาติ จนวันนึงจึงได้รู้ว่า ป่า ไม่ได้มีไว้ให้เราพิชิตเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ว่ากันว่า หากต้องการเข้าใจธรรมชาติ วิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือพาเอาตัวเองไปให้ธรรมชาติโอบล้อมเรา วันนี้ นายรอบรู้ จึงเดินทางเข้าสู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เพื่อให้ต้นไม้ สายหมอก และสัตว์ป่า บอกเรื่องราวของสรรพชีวิต และความสำคัญของการมีอยู่ของพวกเขาบนโลกใบนี้
จากโครงการพระราชดำริสวนสัตว์ธรรมชาติภูเขียว ทำให้ผืนป่าแห่งนี้ถูกดูแลและพัฒนาให้เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่านาๆ ชนิด มีโครงการเพาะพันธุ์สัตว์และปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ มีการสร้างแหล่งน้ำเลียนแบบแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อให้สัตว์ใช้ประโยชน์ในฤดูแล้ง นอกจากนี้ยังเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อศึกษาและเข้าใจธรรมชาติ
ที่นี่จึงเหมาะจะมาค้นหาความหมายของผืนป่า มาเรียนรู้เพื่อเข้าใจการมีอยู่ของธรรมชาติ นายรอบรู้ จึงขออาสานำเที่ยวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวกันครับ
ทุ่งกะมัง ชื่อนี้ได้มาเพราะทุ่งหญ้ากว้างใหญ่แห่งนี้มีลักษณะคล้าย กะละมังคว่ำ ที่ตั้งอยู่กลางผืนป่าภูเขียว ซึ่งเป็นแหล่งหากินของสัตว์ป่านาๆ ชนิด เช่น เนื้อทราย หรือกวางสายพันธุ์หนึ่งที่เคยเกือบสูญพันธุ์จากป่าเมืองไทย แต่ได้โครงการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เพาะเลี้ยงเนื้อทรายแล้วปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ ทำให้วันนี้มีเนื้อทรายกว่าร้อยตัว โลดแล่นใช้ชีวิตอย่างอิสระในทุ่งกะมัง นอกจากนี้ยังมี กวางป่า หมาไน หมาจิ้งจอก กระจง ลิงวอก ชะนี ค่างแว่นถิ่นเหนือ ฯลฯ ใช้พื้นที่ของทุ่งกะมัง และป่าโดยรอบในการดำรงชีพ
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาชมความงามคือช่วงเช้าตรู่ก่อนแสงแรกมาทักทาย คุณอาจเห็นเนื้อทรายหลายสิบตัวเดินนวยนาดเต็มทุ่ง เห็นนกมากมายบินออกจากรังหรือร้องเสียงเจื้อยแจ้วราวกับอยู่ในตลาดสด หรือได้ยินเสียงร้อง ผั๊ว..ผั๊วว ของชะนีดังก้องป่า
ผมได้ยืนชื่อภูเขียวครั้งแรก จากการเห็นภาพถ่ายนกหายาก โดยช่างภาพสารคดีท่านหนึ่ง ที่ถ่ายได้ ณ บ่อน้ำมหัศจรรย์แห่งนี้
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวเป็นต้นแบบในการจัดการแหล่งน้ำให้กับสัตว์ก็ว่าได้ ที่นี่มีแหล่งน้ำมากมาย ทั้งฝายเก็บน้ำ แหล่งน้ำธรรมชาติที่กระจายอยู่กลางป่า และยังมีบ่อน้ำนก หรือ บ่อน้ำมหัศจรรย์ ซึ่งสร้างเลียนแบบบ่อน้ำธรรมชาติเพื่อให้นกลงมากินน้ำ เล่นน้ำ ยามน้ำแล้ง ที่สำคัญยังเป็นจุดนั่งชมนกนาๆ ชนิด กระโดดโลดเต้นโดยที่เราไม่รบกวนนกอีกด้วย
หากนั่งเงียบๆ อาจจะโชคดีได้พบกับนกหลากชนิด เช่น นกปรอด นกเขนบ้าน นกเขนน้อยไซบีเรีย นกจับแมลง นกระวังไพร ไก่ป่า ฯลฯ ต่างผลัดเปลี่ยนกันมาใช้บ่อน้ำ บ้างดื่มน้ำ บ้างอาบน้ำ บางตัวถึงกับยึดพื้นที่ลงเล่นน้ำนานสองนาน เสียงร้องสลับกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ ฟังแล้วเหมือนเพลงบรรเลงจากศิลปินกลางป่าใหญ่ โดยมีแมลง เสียงลมและใบไม้เป็นลูกคู่ เสียงเพลงจากป่าพาให้เราเคลิ้มไปพักใหญ่ บางครั้งถึงกับแอบยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
การเข้าไปดูนกที่บ่อน้ำนก จำเป็นต้องขออนุญาตและจองคิวจากเจ้าหน้าที่เขตฯ ภูเขียวก่อน เนื่องจากการดูนกจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว เพื่อไม่เป็นการรบกวนนกจนเกินไป
การเดินป่าศึกษาธรรมชาติเป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อมาถึงภูเขียว ตลอดเส้นทางที่ลัดเลาะเข้าไปในป่า จะได้สัมผัสกับพืชพรรณนาๆ ชนิด ต้นไม้น้อยใหญ่แผ่กิ่งก้านปกคลุมพื้นดินเบื้องล่าง ทำให้ความชุ่มชื้นของดินและผืนป่ามีมาก ช่วงหน้าฝนเช่นนี้อาจพบกับทากดูดเลือด ที่คอยจ้องดีดตัวเข้าเกาะแข้งขา ทำให้นักเดินป่าต้องบริจาคเลือดให้กับทากเหล่านี้ไปตามๆ กัน
ระยะทางราวๆ 2 กม. ผ่านป่าดิบ สู่ทุ่งหญ้า ผ่านอ่างเก็บน้ำ จนถึงโป่งเทียมที่มีรอยเท้าสัตว์ป่าหลากหลาย เสียงนกร้องไม่ขาดระยะ สายลมเย็นปะทะหน้ายามที่เหงื่อไหล่ชุ่มให้ความสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก กลิ่นดิน กลิ่นหญ้าที่ลอยมากับลม จนแอบคิดว่าหากป่าหมดไป เราจะหาความสุขอันเรียบง่ายแต่ล้นปรี่แบบนี้ได้จากที่ใดอีก
สำหรับคนที่ต้องการจะพักแรมที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จะต้องทำหนังสือถึงสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ล่วงหน้า 5 – 15 วัน (ดูข้อมูลการขออนุญาตได้ที่นี่) เพื่อที่ทางเขตรักษาพันธุ์ฯ จะได้จัดพื้นที่ และห้องพักไว้ล่วงหน้า แต่สำหรับคนที่ชอบแคมป์ปิ้ง ที่นี่ก็สามารถกางเต็นท์ได้เช่นกััน แคมปิ้งในป่า ฝนตกพรำๆ อากาศเย็นสบาย มันเป็นอะไรที่สุดยอดไปเลยนะ..ว่าไหม
นอกจากสามารถนอนพักแรมได้แล้ว ภายในเขตรักษาพันธุ์ฯ ยังมีร้านอาหารสวัสดิการไว้คอยบริการสำหรับคนที่ไม่ถนัดจะทำอาหารทานเอง และต้องแอบกระซิบไว้ว่า รสชาติอาหารฝีมือแม่ครัวภูเขียว อร่อย…จนต้องสั่งเพิ่ม เลยนะ
จากการพักแรมที่ภูเขียวหลายคืน ยังทำให้พวกเราค้นพบร้านก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดที่ซ่อนตัวอยู่กลางดงสน ทางเดินเข้ามาทำพวกเราใจไม่ดีว่าจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่จริงๆ หรือ
ในร้านมีโต๊ะไม้ขนาดปานกลางหนึ่งตัวสำหรับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคือเจ้าหน้าที่ในเขตรักษาพันธุ์ฯ ที่แวะเวียนมาอุดหนุนกันเอง ใครที่ทานข้าวไปหลายมื้อ ลองเปลี่ยนเมนูมาทานก๋วยเตี๋ยวบ้างก็ไม่เสียหาย ใช่ไหมล่ะ
ยามเช้าที่ภูเขียว เหมาะจะดื่มกาแฟเป็นที่สุด อากาศแสนสดชื่น เสียงนกร้องระรัว เหมือนกำลังเปิดวงดนตรีวงใหญ่ให้กับคาเฟ่กลางผืนป่า
คอกาแฟเช่นผมก็ไม่หลาดจะพกอุปกรณ์การชงกาแฟติดไม้ติดมือมาด้วย ช่วงเวลาที่รอน้ำร้อนได้ที่ ก็คือช่วงเวลาสนทนากับเพื่อนรู้ใจ ก่อนบรรจงบดกาแฟให้กลิ่นหอมฟุ้งจนมีคนเอ่ยทัก แน่นอนว่ากาแฟเป็นเครื่องมือชั้นดีสำหรับวงสนทนา เพราะกาแฟนั้นใช้เวลาในการชง ใช้ความนุ่มนวล ประณีต เพื่อทำให้รสชาติน้ำร้อนสีน้ำตาลเข้มนั้นมีคุณค่า
ว่ากันว่าการจิบกาแฟนั้นคือศิลปะ มีกาแฟดี แต่ไม่มีมีบรรยากาศ กาแฟแก้วนั้นก็เปล่าประโยชน์ มีบรรยากาศหลักล้านแต่กาแฟไม่ถูกปาก ก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นเมื่อบรรยากาศเอื้ออำนวยเช่นนี้ การมีกาแฟดี และสหายร่วมทริป ก็คือความกลมกล่อมลงตัวที่เข้ากันดีเหลือเกิน
หนึ่งสิ่งที่ป่าสอนให้ผมรู้จัก คือความเคารพต่อสรรพสิ่ง เมื่อเราเดินทางเข้าสู่ป่า ป่าเป็นเจ้าบ้านผู้ต้อนรับอย่างมีอัธยาศัย เราเป็นแขกผู้มาเยือนก็คงต้องตอบรับไมตรีของเจ้าบ้านด้วยความเคารพ หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วอะไรคือการปฏิบัติต่อผืนป่าด้วยการเคารพกันเล่า… สำหรับผมแล้ว คงจะเป็นเช่นเดียวกับการปฏิบัติต่อคนที่เราเคารพนั่นแหละ เราคงจะไม่ทำให้ป่าต้องแปดเปื้อน เราคงไม่ทำสิ่งร้ายๆ จนทำให้ป่าถูกทำลาย และเราคงจะช่วยเป็นปากเสียงให้ป่า และสัตว์ป่า เพื่อสร้างความเข้าใจ เคารพ และให้เกียรติป่า เพื่อให้ผืนป่านี้คงอยู่ไปกับเรานานๆ
ที่ตั้ง อ. คอนสาร จ. ชัยภูมิ
โทร 097 002 7290
Facebook เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว
การเข้าไปพักแรมที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวจำเป็นต้องขออนุญาติจากเข้าหน้าที่ก่อน
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
คาเฟ่เล็กๆ แสนจะน่ารักกลางเมืองเชียงรายแห่งนี้สะดุดตาเราตั้งแต่แรกเห็น อันที่จริงเราติดตามร้านนี้มาจากใน Instagram ฝันไว้ว่าวันนึงจะไปนั่งชิล จิบกาแฟที่นี่ให้ได้
หนาวจนทนไม่ไหว แต่ก็สวยเกินคำบรรยาย ! – คือประโยคที่เราอยากมอบให้ อช. น้ำหนาว แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่โดดเด่นที่สุดในเพชรบูรณ์ เมืองรองที่ต้องมาลองสักครั้ง
จ. ตรัง เป็นเมืองน่าหลงใหล โดยเฉพาะในตัว อ. เมือง ที่มีทั้งตึกเก่าสวยงาม ร้านอาหารรสเด็ด และที่สำคัญ ร้านกาแฟตรัง ก็เด็ด และชวนให้นักท่องเยวอย่างเราเดินทางไปเยือนเหลือเกิน Tubtieng Old Town Café เป็นหนึ่งใน ร้านกาแฟตรัง ที่ “นายรอบรู้” แนะนำอยากให้คุณลองไปชิม
ถ.ทรงวาด หรือย่านเยาวราช หนึ่งในย่านเก่าของกรุงเทพมหานคร มีคาเฟ่ชิคๆ เก๋ๆ ซ่อนอยู่มากมาย CHATA Specialty COFFEE ก็เป็นหนึ่งในคาเฟ่สุดชิคในย่านนี้ คาเฟ่เรือนกระจกขนาดเล็กซ่อนตัวอยู่ด้านหลังโรงแรม Baan2459 โรงแรมที่ปรับปรุงตึกเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ในวัดมีเรือด้วยเหรอ ?
เป็นประโยคที่หลาย ๆ คนชอบถามเมื่อก้าวพ้นประตูวัดบานเบ้อเร่อเข้ามา
วัดยานนาวามีสำเภาเจดีย์เป็นเหมือน “ซิกเนเจอร์”
เมื่อเราเดินไปซื้อดอกไม้มาไหว้พระ
คุณยายแม่ค้าบอกกับเราว่า “ยินดีต้อนรับขึ้นสู่เรือสำเภาจ้า”
กลายเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อพูดถึงการนำวัชพืชที่ไร้ค่าจากธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ แต่ในปัจจุบันการนำวัชพืชจากธรรมชาติมาใช้ประโยชน์นั้นมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งลักษณะและรูปแบบการประดิษฐ์สิ่งของ ซึ่งรังสรรค์ขึ้นใหม่ภายใต้แนวคิดรักษ์โลกให้มีความทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายง่าย ไม่ก่อให้เกิดการเพิ่มปัญหาขยะ และทำให้ชุมชนมีรายได้จากการนำวัชพืชมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ ซึ่งสอดคล้องตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
Thailand Holideals ตอบรับเทรนด์แห่งโลกอนาคตก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ใช้เหรียญดิจิทัลจับจ่ายสินค้าและบริการท่องเที่ยว กระตุ้นตลาดด้านการท่องเที่ยวในประเทศ
“เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2018” : “Chiang Mai Design Week 2018” ในชื่อหัวข้อ ยิ่งขัดเกลา ยิ่งแหลมคม (Keep Refining) เพื่อนำเสนอศักยภาพด้านการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ซึ่งต่อยอดมาจากทักษะฝีมือช่างและทุนทางวัฒนธรรมท้องถิ่นของภาคเหนือ
© 2018 All rights Reserved.