
ฝนนี้เที่ยวน่านที่ สกาดดีโฮมสเตย์
ว่ากันว่าเที่ยวหน้าฝนต้องมานอนโฮมสเตย์ และคงจะดีไม่น้อยหากการพักผ่อนของเรา มีทั้งธรรมชาติอันงดงาม ห้องพักแสนน่ารัก กาแฟร้อนๆ และเรื่องราวน่ารักของเจ้าบ้าน
“วรรณคดีเป็นที่อยู่ของวัฒนธรรม” อาจารย์ทรงวิทย์ พิมพะกรรณ์ยกคำกล่าวของท่านศิลา วีรวงษ์ขึ้นมาก่อนจะชวนเราคุยเรื่องวรรณกรรมและงานศิลป์อีสาน ณ โฮงสินไซ แหล่งสะสมและรวบรวมวรรณกรรมเรื่อง สังข์ศิลป์ชัย หรือ สินไซ กลางบ้านสวนป่าที่โอบล้อมไปด้วยไม้ใหญ่ที่สงบร่มรื่นในเมืองขอนแก่น
ช่วงเทศกาลออกพรรษาที่ผ่านมาผู้เขียนมีโอกาสเข้าไปเยือนจังหวัดขอนแก่นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อพบปะผู้คนและสำรวจแหล่งโบราณสถานตามตำแหน่งแห่งที่ต่างๆ พี่สอญอเจ้าถิ่นชวนผู้เขียนให้มาตั้งวงคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้รู้เรื่องศิลปวัฒนธรรมอีสาน ถือเป็นเรื่องดีๆ ในทริปนี้เป็นอย่างมาก
ค่ำลงเย็นวันศุกร์ที่ฝนปรอยๆ เราชาวคณะมาถึงบ้านสวนที่แสนจะอบอุ่นและเงียบสงบ กลิ่นคั่วเมล็ดกาแฟเข้มๆ ลอยออกมาจนถึงลานจอดรถหน้าบ้านสวน คลอเคลียไปด้วยเสียงเพลงกบจำศีล ของรุ่งเพชร แหลมสิงห์ ผ่านเครื่องเล่นแผ่นเสียงเก่าอันทรงพลังของเจ้าบ้าน ช่างเข้ากับฤดูปลายฝนที่กำลังจะร้างราเสียจริง
“ตามสบายเลยนะครับ คนกันเอง” ชายใจดีที่กำลังคั่วเมล็ดกาแฟอยู่ที่มุมดื่มกาแฟยิ้มหวานกล่าวต้อนรับพวกเราด้วยมิตรไมตรีอันดีผู้นี้คืออาจารย์ทรงวิทย์เจ้าของอาณาจักรศิลป์อีสานกลางป่าผู้ที่เราเดินทางไกลจากกรุงเทพฯ เพื่อมาพบในเย็นวันนี้ พร้อมเสิร์ฟขนมหวานต้อนรับก่อนพาชมบ้านและเล่าเรื่องราวของสินไซสู่ชาวเราฟัง
สินไซเป็นวรรณกรรมร่วมในอุษาคเนย์ไม่ใช่มีแต่เพียงในอีสานเท่านั้น มีทั้งฉบับลาว ฉบับไทย ฉบับมหาสารคาม ขอนแก่น ล้านนา ฯลฯ อาจารย์ทรงวิทย์เปิดตู้คัมภีร์ที่เก็บรวมรวมเรื่องราวของสินไซให้เราดูซึ่งมีเป็นสิบๆ เวอร์ชั่น พวกเราชาวคณะยืนฟังใจจดจ่อด้วยความตื่นเต้น “เล่มนี้ฉบับภาคเหนือมีสังข์สิงห์ธนูชัยเป็นตัวหนังสือไทยวน ผมได้มาจากเชียงใหม่และให้คนแปลมาอีกที” พร้อมหยิบแต่ละเล่มมาอธิบายให้เราฟังอย่างละเอียด
สังข์สินไชยที่เป็นฉบับภาคกลางนั้นเคยถูกบรรจุเข้าไปในแบบเรียนอยู่ช่วงหนึ่ง จากเรื่องเล่าของฉบับภาคกลางนั้นโดยมากเป็นกลอนสวดฉบับที่เราเห็นอยู่ต่อหน้านี้อ้างว่าเป็นนิยายมอญแต่ก่อนมา ตามข้อมูลบอกว่าสมัยอยุธยามีแบบฉบับนิทานกลอนแบบมุขปาฐะ พอมาอยู่ในสมัยรัตนโกสินทร์จึงมีการบันทึกขึ้นมาเป็นลายลักษณ์อักษร
เสน่ห์ของวรรณกรรมเก่าแก่อย่างสินไซคือแต่ละวัฒนธรรมก็มีการนำไปใช้ที่แตกต่างกัน เช่น พระอีสานนิยมนำไปเทศน์เพราะเชื่อว่าเป็นอดีตชาติของพระพุทธเจ้า และนิยมนำไปเขียนบนผนังสิม ในพื้นที่อีสานกลาง มหาสารคาม ขอนแก่น ร้อยเอ็ดถือเป็นที่ชุกชุมทางวัฒนธรรมมากจึงเกิดงานฮูปแต้มอยู่เป็นจำนวนมาก คนอีสานปัจจุบันที่มีการอพยพกันหลายระลอกจากฝั่งลาวมีการนำวัฒนธรรมและความรู้เข้ามาด้วยโดยเฉพาะพระที่นำตำราคัมภีร์ต่างๆ เข้ามา สินไซก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
“แต่ก่อนเราเข้าใจแค่ว่าเป็นแค่นิทานพื้นบ้าน แต่ฉบับนี้ไม่ใช่แค่ฉบับพื้นบ้านแน่นอนเพราะเขียนโดยคนมีความรู้ เขียนโดยมีนัยสำคัญที่เกี่ยวกับเรื่องการปกครอง เดิมทีอีสานเขียนเป็นภาษาลาวและภาษาธรรม วรรณกรรมเรื่องที่เป็นที่นิยมมักจะมีการเขียนต่อเรื่อยๆ” อาจารย์ทรงวิทย์กล่าวพร้อมยกสินไซฉบับที่ว่าขึ้นมาให้เราดูกัน
“ในบรรดาวรรณกรรมอีสานนอกเหนือจากพระเวสสันดรผมว่าเรื่องสินไซมีการปริวัตร หรือถ่ายทอดออกมามากที่สุด ในด้านวรรณศิลป์ยกย่องสินไซฉบับสองฝั่งโขงเพราะมีความงามในด้านวรรณศิลป์สูง เรื่องทางธรรมก็มี ความสนุกสนานในทางโลกก็ครบรส”
อาจารย์ทรงวิทย์กล่าวถึงความสำคัญจนเป็นที่นิยมของนิทานเรื่องนี้ นอกจากการเป็นนิทานพื้นบ้านอีสานแล้ว พระยังนิยมนำเรื่องสินไซมาเทศนาให้ญาติโยมฟังเพราะมีการบรรจุเรื่องพระธรรมคำสอนอยู่มาก นอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมในกลุ่มหมอลำเพราะมีการผจญภัยโดยเฉพาะฉากเดินดงทำให้ในบทกลอนลำสามารถปล่อยให้ศิลปินพื้นบ้านได้อวดฝีมือการเล่นภาษาจากฉากที่มีการบรรยายสภาพป่าไม้ สิงห์สาราสัตว์หลากหลายชนิด ในทางศิลปะพื้นบ้านสินไซถือเป็นเรื่องหนึ่งที่นิยมนำมาวาดฮูปแต้มมากรองลงมาจากเรื่องพระเวสสันดรชาดก
ในภาคอีสานปรากฏภาพวาดสินไซอยู่ 13 วัด และในลาว 3 วัด ในพื้นที่อีสานกลาง มหาสารคาม ขอนแก่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์พบ 8 วัด แต่วัดที่ได้ชื่อว่ามีความสมบูรณ์ที่สุดคือที่วัดไชยศรี บ้านสาวะถี จังหวัดขอนแก่น เนื่องด้วยมีเนื้อหาที่ครบถ้วนสมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องโดยวาดทั้งในและนอกสิมอย่างสวยงาม
ปิดท้ายการพูดคุยด้วยอาหารค่ำสุดพิเศษ ในวงอาหารค่ำที่แสนอบอุ่น สนุกสนานไปด้วยเพื่อนพ้อง น้องพี่และเด็กๆ ที่พ่อแม่พาแวะชมโฮงสินไซหลังเลิกเรียน วาดรูปและหยอกล้อกันจนไม่ค่อยมีเวลามาสนใจอาหารบนโต๊ะกันเลยทีเดียว ส่วนวงผู้ใหญ่ฟังเพลงเพราะๆ ชวนกันคุยเรื่องชากาแฟ งานทางวัฒนธรรมอีสานไปจนถึงหมอลำที่มีเรื่องสินไซที่เราคุยกันไว้เมื่อหัวค่ำมาเป็นจุดเชื่อมโยง
สำหรับบ้านสวนโฮงสินไซนอกจากจะมีนิทรรศการ ของสะสมและเรื่องราวของฮูปแต้มสินไซอีสานแล้ว ยังมีของที่ระลึกและมีพื้นที่ทำกิจกรรมที่หลากหลายอีกด้วย
ขอขอบคุณ
ผศ.ดร.ทรงวิทย์ พิมพกรรณ์ เจ้าของบ้านสวนโฮงสินไซ
พี่สอยอ คุณครูสัญญา มัครินทร์ ผู้นำทางเราครั้งนี้
พี่เป้ จิราพร แซ่เตียว กองบรรณาธิการวารสารเมืองโบราณ เพื่อนร่วมทริป
อ้างอิง
ทรงวิทย์ พิมพกรรณ์ บรรณาธิการ. ถิ่นฐานบ้านสาวะถึ หนังสือที่ระลึกในงานกฐินมหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำปี 2563. ขอนแก่น: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 2563.
เวลา เปิดอังคาร-ศุกร์ เวลา 13.00-16.00
เสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-16.00
ปิดทำการทุกวันจันทร์
สามารถติดตามได้ที่ https://web.facebook.com/SinxayHeritageHouse
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ว่ากันว่าเที่ยวหน้าฝนต้องมานอนโฮมสเตย์ และคงจะดีไม่น้อยหากการพักผ่อนของเรา มีทั้งธรรมชาติอันงดงาม ห้องพักแสนน่ารัก กาแฟร้อนๆ และเรื่องราวน่ารักของเจ้าบ้าน
วันหยุดอย่ารอช้า ถ้าคิดไม่ออกว่าจะไปไหน ไปเดินตลาดสุขใจกับ “นายรอบรู้” กันดีกว่า เพราะที่นี่เขามีทีเด็ดซ่อนอยู่มากมายทำให้ใครหลายคนช็อปเพลินจนลืมเวลากันเลยทีเดียว
นุ่งจวนตานีสีตอง ยกเป็นตะเกียงทองเฉิดฉาย
พระนุ่งให้เฟื้อยเลื้อยลอยชาย คาดปั้นเหน่งสายลายทองเรือง”
ดาหลัง พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
อิมแพ็ค เลคฟร้อนท์ สถานที่ท่องเที่ยวและแลนด์มาร์คยอดนิยม ที่มี 4 ร้านอาหารนานาชาติให้บริการในบรรยากาศสุดชิลริมทะเลสาบเมืองทองธานี ขอแนะนำเมนูใหม่สุดอลังการจาก 4 ร้านชั้นนำ “ร้านบรีซ คาเฟ่ แอนด์ บาร์” “ร้านอีสาน จิ้มจุ่ม” ร้านอาหารญี่ปุ่น “อุวะจิมะ” และ “ร้านแจ็คกี้ ซีฟู้ด” เพลิดเพลินกับความอร่อยจากเมนูใหม่แบบครบรสในราคาเริ่มต้น 299 – 799 บาท และเมนูจากกุ้งแม่น้ำไซส์ใหญ่นำเข้าจากประเทศศรีลังกา รังสรรค์เป็นความอร่อย 6 เมนู ในราคา 799 – 899 บาท โดยให้บริการตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม ศกนี้
© 2018 All rights Reserved.