“ไม้สืบไม้ คนสืบคน ฟ้อนเจิง บนวิถีแห่งความเปลี่ยนแปลง”
ตึง ต๊ะ ตึงตึง ตึง ตึง ต๊ะ ตึงตึง ตึง ตึง”
จังหวะกลองอันครื้นเครงเร้าใจเป็นเสียงของเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่ประกอบการแสดงอันแฝงไปด้วยพลัง นั่นก็คือ “ฟ้อนเจิง”
มนุษย์คงเป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่เหินห่างกับธรรมชาติมานาน แต่ด้วยสัญตชาตญาณที่อยู่ภายในยังคงเรียกร้องถึงธรรมชาติอยู่ การได้ไปเดินป่าขึ้นเขาสักที่อาจจะเป็นตัวช่วยอย่างดีที่จะทำให้เราไม่หลงลืมธรรมชาติไปก่อน และ “เขาใหญ่” คงเป็นชื่อแรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจของใครหลายคน ทั้งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และการเดินทางก็ไม่ลำบากนัก
ในพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 2,000 ตร.กม. ของ อช.เขาใหญ่ โดยมีป่าดงดิบเป็นพระเอก เพราะครอบคลุมพื้นที่ถึงร้อยละ 90 ของพื้นที่ป่าบนเขาใหญ่ทั้งหมด ป่าดงดิบเป็นสถานที่ที่รวบรวมความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตและพืชพันธ์หายากไว้มากที่สุด นอกจากจะได้เรียนรู้ถึงสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ แล้ว การเข้าไปในป่าแห่งนี้ก็อาจทำให้เราได้เรียนรู้ตัวเราเองด้วยว่า อะไรที่ขาดหายไป และ“ธรรมชาติ” มันคืออะไร
อช. เขาใหญ่ มีเส้นทางให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาศึกษาธรรมชาติหลากหลายเส้นทางด้วยกัน เช่น จุดชมวิวทิวทัศน์ผาเดียวดาย ที่จะทำให้ได้เห็นทิวทัศน์ของป่าเขาเขียว และเส้นทางศึกษาธรรมชาติกม.33 – หอดูสัตว์หนองผักชี
ถนนธนะรัชต์ ที่เป็นถนนหลักที่ตัดตรงจาก อำเภอปากช่อง ไปถึงทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และที่ กม.33 ของถนนธนะรัชต์นี้เอง เป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินสำรวจป่าครั้งนี้
สำหรับ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกม.33 – หอดูสัตว์หนองผักชี มีความยาวประมาณ 3.5 กิโลเมตร เดินเท้าได้ง่าย อาจจะใช้เวลาการเดิน 2-3 ชั่วโมงหรืออาจจะมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับจังหวะการก้าวเท้าของแต่ละคน ใครมาเดินเพื่อศึกษาธรรมชาติเราก็จะได้พบเห็นพันธุ์ไม้หลากหลายรวมถึงสัตว์ป่าหายาก เช่น นกเงือก สัญลักษณ์ของป่าดงดิบที่หาชมได้ยากเต็มที หรือจะเป็น กระจง สัตว์กีบขนาดเล็กที่สุดบนเขาใหญ่ ชะนี ที่คอยห้อยโหนเก็บลูกไม้หากิน และอาจได้พบร่องรอยของช้างป่า เช่น รอยเท้าหรือมูลช้าง แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องวงเล็บไว้ว่า “ถ้าโชคดีอาจจะเจอ”
ถ้าเราลองเดินช้า…ลงอีกสักนิด รู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตรอบตัวในป่านี้สักหน่อย เราอาจจะพบคำตอบบางอย่างที่ทำให้เราต้องเดินเข้ามาเดินป่าแห่งนี้
เมื่อก้าวเท้าเดินเข้ามาในป่า สายลม แสงแดดที่มาสัมผัสเรา กลายเป็นคำเชื้อเชิญที่ทำให้เรารู้จักกับป่าแห่งนี้มากขึ้น ในตอนแรกเราอาจจะเป็นคนแปลกหน้า แต่เมื่อก้าวเดินเข้าไปลึกขึ้น เปิดสัมผัสและเปิดในรับธรรมชาติมากขึ้น เราก็ไม่ได้เป็นผู้แปลกแยกอีกต่อไป เราอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวงจรชีวิต และระบบนิเวศน์แห่งนี้ไปโดยปริยาย
เดินมาได้พักใหญ่เราเริ่มสนิทสนมกับป่าแห่งนี้มากขึ้น เหนื่อยมากขึ้นตามระยะทางเดิน เราแวะนั่งพักใต้ร่มต้นไทรใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาที่ให้ความรู้สึกเหมือนพี่ใหญ่ของป่าแห่งนี้ อาจจะเป็นคุณปู่ที่ดูโอบอ้อมอารี ในตอนที่ไม่มีผู้คนผ่านมา ต้นไทรนี้จะกลายเป็นแหล่งชุมนุมสัตว์ป่าน้อยใหญ่ก็เป็นได้
นั่งซึมซับลมเย็นพอให้เหงื่อแห้งได้สักพัก เราก็ลาต้นไทรใหญ่ ขอบคุณในร่มเงาและลมเย็นที่ได้แบ่งปัน ตลอดเวลาไม่นานที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ตรงนั้น
ระหว่างเส้นทางเดิน มีต้นยางต้นหนึ่งที่ดูสะดุดตา เหมือนชักชวนเราให้เข้าไปหา เราเข้าไปโอบกอดต้นไม้เพียงอยากรู้ว่าจะมีขนาดใหญ่เท่าไร แต่กลายเป็นว่าเราได้ สัมผัส ซึ่งกันและกัน ผ่านทางฝ่ามือของเรากับเปลือกของต้นไม้ แอบอิงฟังเสียงของต้นไม้ ถ่ายทอดพลังงานบางอย่างมาสู่เรา การได้กอดใครสักคนอาจจะทำให้เราเดินหน้าต่อไปเหมือนรถยนต์ที่เติมน้ำมันเต็มถัง ต้นไม้ต้นนั้นที่เรากอดก็ไม่ต่างจากบ่อน้ำที่ให้พลังงานเราก้าวเดินต่อไปจนสุดทางได้เช่นกัน
ใกล้พ้นร่มไม้ใหญ่ เนินหญ้าคาสูงที่เหมือนยืนต้อนรับเราอยู่ กำลังจะบอกกับเราว่า “ใกล้สุดทางแล้ว” ต่อจากนี้ไปจะเป็นเนินหญ้าคาที่จะเชื่อมไปยัง “หอดูสัตว์หนองผักชี”
หันหลังมองกลับไปก็ตั้งคำถามว่า เราใช้เวลาเดินผ่านเท่าไรนะ แต่นั่นคงไม่ใช่เรื่องสำคัญที่เราได้จากการเดินครั้งนี้ ที่สำคัญกว่า มันคงเป็นความรู้สึกว่า ป่าแห่งนี้ได้มาเติมเต็มคำว่า “ธรรมชาติ” ที่ขาดหายไป คงเป็นเพราะเราได้มาเจอต้นไม้ใบหญ้า สัมผัสอากาศเย็นบริสุทธิ์อย่างสบายใจไร้ฝุ่นควัน เจอสิ่งมีชีวิตที่หลากหลายที่ทำให้ได้รู้ว่าว่าบนโลกนี้ยังมีสิ่งชีวิตอื่น ๆ อีกเช่นกัน และสิ่งที่สูงใหญ่ก็ไม่ได้มีแค่อาคารสูงเท่านั้น
การเดินครั้งนี้เราก็อาจจะไม่ได้เข้าใจธรรมชาติขึ้นมากจากเดิมนัก แต่มันทำให้เรารู้สึกสนิทสนมกับธรรมชาติมากขึ้น เราก็ขยับเข้าใกล้กันมากขึ้นเช่นกัน
บางทีเราอาจจะเคยรู้สึกว่า “ธรรมชาติ” เป็นอะไรที่ไกลตัวเรามาก บ้างเราอาจโหยหามันโดยไม่รู้ตัว เพราะเวลานึกถึงธรรมชาติ เราจะชอบนึกถึงป่าเขาลำเนาไพรที่มันอยู่ห่างไกลเราเป็นร้อย ๆ กิโลเมตร แล้วถ้าเราลองมองใกล้ ๆ ตัวเข้ามาอีกนิด เช่น น้ำที่เราเปิดใช้จากก๊อกทุกวัน ต้นกระบองเพชรที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ กอหญ้าเล็ก ๆ ที่แทรกขึ้นระหว่างฟุตบาท เพียงแค่เราเปลี่ยนมุมมอง ลองดูดี ๆ สิ่งเหล่านี้ก็เป็นธรรมชาติที่ไม่ได้ห่างไกลเราเลย…..มันอยู่รอบตัวเรานี่เอง
เพียงแค่มีสติทุกย่างก้าว เงียบสิ่งที่คิดไว้สักนิดและฟังเสียงรอบตัวอีกสักหน่อย เสียงนกร้องและใบไม้เสียดสีโดยมีสายลมเป็นผู้บรรเลง มองออกไปแบบไม่เพ่งเล็งหาคำตอบ เราอาจจะได้คำตอบที่คาใจมาโดยไม่ต้องขวนขวายอะไรเลย เพียงแค่ปล่อยตัวและใจให้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งรอบตัว ตระหนักไว้ว่าเราไม่ใช่เจ้าของ หรือผู้อยู่ใต้ธรรมชาติ แต่เราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน…เท่านั้นเอง
ที่ตั้ง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต. หมูสี อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา
เปิด วันจันทร์ – วันศุกร์ 07:00 น. – 17:00 น.
วันเสาร์ – วันอาทิตย์ 07:00 น. – 19:00 น.
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
ตึง ต๊ะ ตึงตึง ตึง ตึง ต๊ะ ตึงตึง ตึง ตึง”
จังหวะกลองอันครื้นเครงเร้าใจเป็นเสียงของเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่ประกอบการแสดงอันแฝงไปด้วยพลัง นั่นก็คือ “ฟ้อนเจิง”
“มื้อนี้กินหยังดีน้อ” เสียงหวานๆ ของป้านาง อุ่นเรือน สว่างวงษ์ แม่ค้าส้มตำวัย 62 ปี ที่ทักทายลูกค้าทุกคนด้วยความเป็นกันเอง โดยใช้ภาษาอีสานบ้านเกิดและความคุ้นเคยที่ขายส้มตำในย่านนี้กว่า 40 ปี ถือว่าเป็นแม่ค้าส้มตำอีสานที่มีความเก่าแก่ร้านหนึ่งในกรุงเทพฯ สลับกับการตระเตรีมอาหารเพื่อเสิร์ฟลูกค้าคนอื่นๆ อย่างชำนิชำนาญ
ขอนแก่น เมืองแห่งดอกคูนเสียงแคน แดนอีสาน กำลังจะมีงานใหญ่ส่งท้ายปี! งานที่รวมประเพณีแห่งความสามัคคีกลมเกลียวและผลิตภัณฑ์ผ้าไหมคุณภาพดีไว้ด้วยกัน ใน เทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2561 วันที่ 19 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561 นี้
วันนี้ นายรอบรูนักเดินทาง จะพาทุกท่านมารู้จักเกาะเกิด ชุมชนเล็กๆ ริมน้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่ใน อ. บางปะอิน จ. พระนครศรีอยุธยา ไปชมภูมิปัญญาพื้นบ้าน ชิมขนมรสชาติอร่อย นอนโฮมสเตย์ชมวิถีคนริมน้ำ
© 2018 All rights Reserved.