
สัมผัสสงกรานต์อิสานที่วัดไชยศรี ขอนแก่น
“นายรอบรู้” มีหนึ่งที่มาแนะนำ นอกจากจะได้ไปพักผ่อนในวันหยุดยาวแล้ว ยังจะได้ไปสัมผัสประเพณีที่งดงามของชาวบ้านและได้ไปทำบุญรับวันปีใหม่ไทยอีก แบบนี้มีแต่ได้กับได้เลยหละคุณ…
อาจกล่าวได้ว่า Rain Tree Residence สร้างโดยคนรักหนังสือ เพื่อคนรักหนังสือด้วยกัน… ในระหว่างที่สุวดีและพิชิต จงสถิตย์วัฒนา ผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ขับรถไปดูสถานที่ที่ทั้งคู่คิดจะสร้างบ้านเพื่ออยู่ด้วยกันหลังเกษียณ ก็ไปตกหลุมรักที่ดินผืนหนึ่งในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขาใหญ่ โอบล้อมด้วยธรรมชาติงดงาม และมีอากาศบริสุทธิ์ จึงตัดสินใจสร้างที่พัก ตั้งชื่อว่า Rain Tree Residence
ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวต้นจามจุรีที่หยั่งรากลึก ณ ที่แห่งนี้มานาน ด้วยสถานที่ตั้งที่ห่างจากเมืองใหญ่ ท้องฟ้าโปร่งใส ดวงดาวพราวตายามค่ำคืน มีเสียงนกร้องยามเช้าคู่เสียงใบไม้ไหวตามแรงลม และมีเนินหญ้าเขียวชะอุ่ม ราวกับเป็นการกล่าวต้อนรับจากธรรมชาติ Rain Tree Residence จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง
ความที่คุณสุวดีและสามีเป็นคนรักหนังสือมาก จึงตกแต่งสถานที่ด้วยหนังสือ โดยแต่ละห้องจะมีธีมในการตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากนักเขียนที่ทั้งคู่ชื่นชอบ นอกจากนี้ยังนำสาระความรู้ที่สนุกและน่าสนใจจากหนังสือมาซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าพักสนุกและได้ความรู้ไปพร้อมกัน
Rain Tree Residence ประกอบไปด้วยห้องพัก Rain Tree Deluxe และ Rain Tree Suite รวม 27 ห้อง ทุกห้องถูกตกแต่งด้วยเรื่องราวและคำคมจากนักเขียนชื่อดังที่ไม่ซ้ำกัน อาทิ เปาโล คูเอลญู เจ้าของผลงานหนังสือ The Alchemist ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า, โจฮันนา บาสฟอร์ด ผู้ริเริ่มหนังสือระบายสีให้โด่งดังไปทั่วโลก รวมไปถึง มั่วเหยียน นักเขียนรางวัลโนเบล นักเขียนไทยก็มีเช่นคุณส.พุ่มสุวรรณ คุณประชาคม ลุนาชัย และอีกมากมาย เราจะได้อ่านหนังสือที่เขียนโดยนักเขียนผู้เป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่งห้องนั้นๆ พร้อมชื่นชมกับทิวทัศน์เขาอันเขียวชอุ่มของผืนป่าภูเขา และดงจามจุรีที่แสนโรแมนติก และชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก จากระเบียงภายในห้องพัก หากยังไม่จุใจ ก็ยังมีบริการห้องสมุดส่วนกลาง ที่มีหนังสือสำหรับทุกเพศและทุกวัยให้เลือกอ่านกว่า 1,000 เล่ม สมกับเป็นที่พักสำหรับคนรักหนังสืออย่างแท้จริง
พื้นที่โดยรอบยังถูกสร้างสรรค์ให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางเรียนรู้ธรรมชาติ Nature Trail ที่ประกอบไปด้วย ศาลาปลาคาร์พ ทางเดินจามจุรี เนินถั่วบราซิล และลานกลิ้งสนุก มีแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์จากศูนย์ PHANOMENTA เยอรมนี ให้เราได้ทดลองเล่น ได้แก่ จักรยานเติมอากาศ กังหันน้ำเพิ่มออกซิเจน เกลียวอาคิมีดิส และรอกสามระบบ และมีศูนย์เสริมศักยภาพเด็กปฐมวัย (ห้อง Kiddy) สำหรับเด็กๆ
รวมไปถึงพื้นที่ทำกิจกรรมสันทนาการร่วมกันที่ลานครึ่งวงกลม Amphitheatre และลานดูดาว จึงเหมาะกับทั้งคู่รัก ครอบครัว ที่จะมาพักผ่อน หรือหน่วยงานที่จะมาจัดงานสัมนา แต่ถ้าเป็นโรงเรียน หน่วยงานการศึกษา หรือองค์กรที่ต้องการพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ก็มีบริการพื้นที่ส่วน Go Genius Learning Center ซึ่งรองรับผู้เข้าพักจำนวนมาก ถึง 300 คน ประกอบไปด้วยห้องพักแบบ Dorm และแบบห้อง Family Room ห้องประชุมขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่เปิดโล่งมองเห็นวิวได้รอบด้าน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทางรีสอร์ตยังมีบริการจัดหลักสูตรอบรมตามความต้องการด้วยทีมงานที่เชี่ยวชาญRain Tree Residence จึงเป็นที่พักของคนรักหนังสือ ที่ตอบได้ทุกโจทย์ของการเรียนรู้ ควบคู่ไปกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยผนึกกำลังพันธมิตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยกทัพ Soft Power ของไทยเสนอแก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ
สู่การตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย พร้อมตอกย้ำแบรนด์ Amazing Thailand ควบคู่กับแนวคิด Responsible Tourism ฉายภาพมิติใหม่ของท่องเที่ยวไทยที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกช่วงเวลา
นางสาวปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566”
ตามแคมเปญ “Visit Thailand Year 2023, Amazing New Chapters” โดย ททท. มุ่งมั่น กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังประเทศไทย เพื่อค้นพบมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
เชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เติมพลัง เติมความหมายบทใหม่ของชีวิต ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง Soft Power of Thailand และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
สำหรับหมุดหมายสุดท้ายของงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 ณ the Southern Forecourt, Overseas Passenger Terminal, Circular Quay West ใจกลางนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยได้รับความร่วมมือจากทีมประเทศไทย ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา ผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ธุรกิจนำเที่ยว และหน่วยงานพันธมิตร ผนึกกำลังออกแบบประสบการณ์ Amazing Experience ของประเทศไทยผ่านพลังแห่ง Soft Power มานำเสนอให้ชาวออสเตรเลียสัมผัสอย่างใกล้ชิด
พิธีเปิดงาน “Amazing Thailand Fest 2023 in Sydney” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรีเลีย นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางสาวปาริชาต บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. ร่วมเปิดงาน ภายในงาน ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงภายใต้ธีมงานเทศกาลประเพณีไทย F-Festival ประดับด้วยธงราว ตุง โคม และกระทงหลากสี พร้อมจัดพื้นที่จำลองบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เช่น หาดทรายและชายทะเลไทย ก่อนจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวผ่าน
Soft Power ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค อาทิ รำไทย
สี่ภาค โขน โนรา เซิ้งอีสาน รำกลองยาว และการแสดงสุดพิเศษศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย F-Fight มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีส่วนร่วมลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโซนสาธิต ภายใต้แนวคิด Responsible Tourism นำเสนอกิจกรรมทำกระเป๋าสานจากขยะอวนทะเล จาก จ.กระบี่ และกิจกรรมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นของที่ระลึกจาก จ. ภูเก็ต รวมทั้งกิจกรรมสาธิตทางวัฒนธรรม ได้แก่ การวาดร่ม การเพ้นท์หน้ากากผีตาโขน และ F-Fashion เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแบ่งปันและโพสต์ประชาสัมพันธ์งาน Amazing Thailand Fest 2023 บนโซเชียลมีเดีย เพื่อรับของที่ระลึกกางเกงช้างแฟชั่นยอดฮิตของไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ การนำเสนอวัฒนธรรมอาหาร F-Food กับ 8 บูธร้านอาหารไทยในซิดนีย์
จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้นตำรับไทย ประกอบด้วย ร้านชาติไทย (หมูพวง ส้มตำ ปากหม้อ ลาบไก่ ไส้กรอก
ไก่ย่างไม้) ร้าน Dodee Paidang Haymarket (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง ปาท่องโก๋ เกี๊ยวทอด กล้วยทอด ไก่ทอด) ร้าน Thai Riffic Express (ผัดไทย โรตี ทาโก้ สะเต๊ะ) ร้าน Show Neua (ข้าวเหนียวหมูทอดน้ำพริก ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ขนมจีน
แกงปู) ร้านพริกไทย (ผัดผักรวมเม็ดมะม่วง มัสมั่นเนื้อ ขาหมู แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ผัดซีอิ๊ว) ร้าน Tawandang @ George St (ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว) ร้าน Sabuy Express (ทุเรียน ขนุน ส้มโอ สับปะรด) ร้าน Top Class (มะพร้าว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีบูธผู้ประกอบการพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมสาธิตเพ้นท์หน้ากากรูปสัตว์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (Thai Trade) ณ นครซิดนีย์
จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย, สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ณ กรุงแคนเบอร์รา จัดกิจกรรมชิมเนื้อเป็ดปรุงสุกซึ่งมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก, สายการบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย และต่อยอดแนวคิด Responsible Tourism เสนอเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ 20 เส้นทาง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาด “BOOK NOW, GET 80 AUS NOW” จัดโปรโมชั่นจองที่พักที่ส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทยภายในงาน ผ่านเว็บไซต์ agoda รับส่วนลด 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราคา 2,000 บาท) ทั้งนี้ การจัดงานยังคง DNA ของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณการใช้พลาสติก เลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ มีการวางระบบการคัดแยกขยะ และตระหนักถึงการใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest Media Briefing” ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ณ Watersedge at Campbell’s Stores, the Rocks นครซิดนีย์ โดยเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในพื้นที่ จำนวน 40 ราย ร่วมอัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย รวมถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย และต่อยอดจัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest to Fam Trip Australia to Thailand” นำคณะสื่อมวลชน influencers bloggers จากเครือรัฐออสเตรเลีย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ Amazing Experience ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ มาสัมผัส กรุงเทพฯ เชียงราย และกาญจนบุรี- สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 20 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตของตลาดระยะใกล้ จากสถิติปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียแล้วกว่า 336,688 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทย
385,100 คน เทียบเท่าร้อยละ 85 ของสถิติในปี 2562 และจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และกระบี่ ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials
/ Gen Y Digital nomad Family และ Health-conscious รวมทั้ง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ ททท. วางเป้าหมายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าเที่ยวไทย 522,000 ภายในสิ้นปีนี้
Guide ใกล้ เหมือนมีไกด์ไว้ใกล้ตัว
Application นี้จะช่วยแนะนำว่า ตำแหน่งรอบตัวเรามีที่เที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก หรือสถานที่จุดใดน่าแวะไปสัมผัส ชิม ช็อป แชะ แชร์ พร้อมกิจกรรมเด่นประจำเดือน แผนที่ลงจุดใช้งานง่าย ดูสนุกและสะดวก แค่ดูภาพสวยๆ ก็อยากไปแล้ว
“นายรอบรู้” มีหนึ่งที่มาแนะนำ นอกจากจะได้ไปพักผ่อนในวันหยุดยาวแล้ว ยังจะได้ไปสัมผัสประเพณีที่งดงามของชาวบ้านและได้ไปทำบุญรับวันปีใหม่ไทยอีก แบบนี้มีแต่ได้กับได้เลยหละคุณ…
เมื่อเอ่ยถึงภาคใต้ หลายคนคงนึกถึงทะเลสีคราม หาดทรายสีขาว หากจะลองเปลี่ยนบรรยากาศมาขึ้นเขา บุกตะลุยตามหาความศักดิ์สิทธิ์ของมหาเทพศิวะก็คงตื่นเต้นไม่น้อยกว่ากัน…
BEDO ชวนคุณออกเดินทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ทุ่งโปรงทอง สถานที่ Unseen ของเมืองไทย ลัดเลาะเข้าสวนยางเรียนรู้การทำธุรกิจกวางที่ปโชติการฟาร์ม และดำดิ่งสู่โลกใต้ทะเลที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทางทะเลบางแสน ปิดทริปด้วยแวะชิมแวะช็อปข้าวหลามแม่เจริญของดีตลาดหนองมน
สวรรค์ของ Beef Lover อยู่ใกล้แค่เอื้อม “นายรอบรู้” ขอแนะนำร้านอิโต-คาโจร้านอาหารยากินิกุปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นขนานแท้ที่เมืองโตเกียวมาเปิดที่ใจกลางย่านทองหล่อ
© 2018 All rights Reserved.