พระอาทิตย์สาดส่องแสง แดดอ่อนๆ ทะลุกลุ่มหมอกมากระทบตัว ท้าให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง พวกเราอยู่ที่ศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนเพื่อดูแผน แล้วจึงชวนกันเดินเล่นในหมู่บ้าน เราเห็นผักขึ้นตามรั้วบ้านทุกหลังที่เดินผ่าน ขณะที่ฉันเดินเพลินจนสุดถนน ก็ได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งดังมาแต่ไกล ฉันจึงเงี่ยหูฟัง ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นระฆังเล็กๆ แขวนอยู่ตามชายหลังคาวัดจำนวนมาก และที่นี่ก็คือ “วัดบ้านบัว” ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน วัดที่นี่จะมี 2 ชั้น โดยชั้นบนจะเป็นวิหารเพื่อประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ส่วนชั้นล่างจะเป็นที่สำหรับจัดกิจกรรมในชุมชน ฉันจึงเดินเข้าไปกราบไหว้พระพุทธรูปและเดินดูรอบๆ ภายในวัด จะเห็นได้ว่าวัดนี้ยังมีของเก่าแก่โบราณเก็บไว้อยู่
หลังจากไหว้พระขอพรเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินเลี้ยวขวาประมาณ 50 เมตร แล้วเลี้ยวขวาอีกครั้งตรงสามแยก เดินตรงไปอีก 100 เมตร เจอบ้านที่มีสุ่มไก่เรียงรายอยู่ใต้ถุนบ้าน พื้นใต้ถุนมีรอยขีดของปากกาเป็นวงกลมขนาดต่างกันออกไป และเครื่องมือจักสาน เช่น มีด ขวาน ไม้ที่ผ่าเป็นซีกๆ ไว้ คุณลุงเจ้าของบ้านใจดี สาธิตวิธีการจักสานสุ่มไก่ให้ดู คุณลุงยังแนะนำต่อว่าใกล้ๆ แถวนี้ยังมี “สวนสตรอว์เบอร์รี่อินทรีย์” พวกเราไม่รอช้ารีบลาคุณลุงแล้วไปเยี่ยมชมสวนสตรอว์เบอร์รี่ คุณยายเจ้าของสวนพาเราชมสวนที่นอกจากจะปลูกสตรอว์เบอร์รี่แล้ว ยังมีพุทรานมสด และผัก ผลไม้ ที่ปลูกแบบอินทรีย์อีกหลายชนิด คุณยายการันตีความปลอดภัยอย่างนี้ พวกเราเลยอดไม่ได้ที่จะขอชิมสตรอว์เบอร์รี่ลูกเล็กๆ แต่หอมหวานอย่าบอกใครเชียว